xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร” วอนคุก หนุน “เหลิม” ปิด ASTV

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จตุพร พรหมพันธุ์
“จตุพร” มั่ว กม.ตาม “เป็ดเหลิม” อ้างเคเบิลถ่ายทอด ASTV ผิดมาตรา 85 หนุนผู้ว่าฯ สั่งปิด ชี้ควรจัดการตั้งนานแล้วเหตุกล่าวหารัฐบาลตั้งสาธารณรัฐ บีบ มท.1 ตัดสินใจแล้วต้องไม่ถอย ก่อน ปชช.หมดความเชื่อมั่น ท้า ปชป.ประกาศหนุนพันธมิตรฯ เดิมพันผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

วันนี้ (14 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะทำงานศูนย์ติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (วอร์รูม) แถลงถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมของกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 จัดการกับผู้ประกอบการเคเบิลทีวีที่รับสัญญาณของเอเอสทีวีว่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 นั้น ระบุว่าผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้บุคคลกระทำความผิด ความผิดนั้นมีโทษไม่เกิน 6 เดือน ผู้นั้นต้องระวางโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนด โดยขอให้ผู้ว่าฯ ไปตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการ 2 มาตรการ คือ มาตรการทางด้านการปกครอง เรียกผู้ประกอบการมาคุยเพื่อแจ้งกฎหมายนี้ให้ฟัง ส่วนไม่รับฟังก็ให้กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนตามมาตรา 85 ท้ายที่สุดกลายเป็นเงื่อนไขให้กลุ่มพันธมิตรฯ ได้หยิบยกขึ้นมาออกมาชุมนุม และออกมาตรการร้องศาลปกครอง และยื่น ส.ว.ให้ถอดถอน ร.ต.อ.เฉลิมจากตำแหน่ง

อ้าง “เหลิม” เป็น รมต.ต้องจัดการ

นายจตุพร กล่าวว่า ในความเห็นวอร์รูม ความจริงแล้วพวกเราต้องการให้เอเอสทีวีออกอากาศเพราะการออกอากาศเท่ากับเป็นการประจานพฤติกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไม่มีข้อสิ้นสุด และพันธมิตรฯ กำลังจะถึงจุดจบอยู่แล้วถ้าประกาศอารยะขัดขืน โดยเฉพาะการประกาศปิดน้ำ ปิดไฟ หากนำมาใช้เมื่อไหร่บ้านเมืองก็จะจัดการกับกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ทว่าถ้าการเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะการเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เมื่อมีกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติตาม คำถามก็คือว่าถ้าเป็นรัฐบาลหรือรัฐมนตรีมหาดไทย ถ้าพูดจาภาษาชาวบ้านก็จะออกว่า "แล้วเป็นหาพระแสงอะไร" รัฐมนตรีต้องใช้อำนาจตามที่ประชาชนมอบหมายมา

“วันนี้เป็นการใช้ช่องทางกฎหมายของทั้ง 2 ฝ่าย ผมเองเห็นว่ารัฐมนตรีมหาดไทยมีสิทธิใช้มาตรา 85 ตามประมวลกฎหมาย เอเอสทีวีก็มีสิทธิร้องศาลปกครอง แต่ละฝ่ายก็ใช้ช่องทางที่มีสิทธิกันอยู่ ซึ่งวันนี้มีคดีค้างคากันอยู่ โดยพวกผมขณะที่ทำพีทีวี ก็เคยแจ้งความดำเนินคดีนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ช่อง 11 เอารายการยามเฝ้าแผ่นดินมาออกอกาศทางช่อง 11 เพราะกรมประชาสัมพันธ์เป็นคนร้องศาลปกครองเองว่าเอเอสทีวีผิดกฎหมาย” นายจตุพร กล่าว

ยืมมือสมาคมสื่อฯ บี้เอเอสทีวี

นายจตุพร กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่ต้องเรียกร้องก็คือ สมาคมประกอบวิชาชีพสื่อ จะต้องพูดมาตรฐานของการทำหน้าที่สื่อ เพราะสื่อที่มีพฤติกรรมแบบเอเอสทีวี สื่ออื่นๆ ต้องปฏิบัติตามนั้นหรือไม่ ถ้าเป็นสื่อพวกเดียวกันแล้ว ไม่ออกมาดำเนินการแต่อย่างใด มาตรฐานเรื่องสื่อจะมีปัญหาเหมือน ถ้ามีหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมของคนอื่น สื่อก็ต้องดูพฤติการณ์ของพวกตัวเองเหมือนกัน

โมเมยกเงินบริจาคโจมตี

นายจตุพร กล่าวอีกว่า คำถามคือว่าเงินบริจาคจะมาจ่ายเป็นเงินเดือนได้หรือไม่ หมายความว่าถ้าสื่ออื่นๆ มีพฤติการณ์ด้วยการระดมเงิน ด้วยการจัดการชุมนุมไล่รัฐบาล แล้วตั้งกล่องบริจาคมาจ่ายเงินเดือน ที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินบริจาค สื่ออื่นๆ ที่ไม่ใช่เอเอสทีวีสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ฉะนั้น คนจะมีความเชื่อที่ว่าพันธมิตรฯ จัดชุมนุมเอเอสทีวีเคลื่อนไหว ก็เมื่อเงินเดือนไม่มีเงินจ่าย จึงเคลื่อนไหวระดมเงินบริจาค

นายจตุพร กล่าวว่า ไม่สงสัยเลยว่าเงิน 400 ล้านบาท ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ บอกว่าเป็นเงินส่วนตัว หมดไปกับการขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ไปจ่ายอะไรบ้าง เงินบริจาคที่เปิดเผยก็ไม่ได้นับเงินจำนวนนี้ เพราะฉะนั้น วันนี้สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพสื่อควรตรวจสอบมาตรฐานพวกเดียวกันด้วย ผู้รับบริโภคสื่อคือผู้ดูเคเบิลทีวี เป็นพวกที่รัฐบาลต้องให้ความเข้าใจเขามากที่สุด ถ้ามีการใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดปัญหาก็ไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามก็ต่อสู้กันทางคดีความ ทุกอย่างว่าตามประมวลกฎหมาย

อ้างต้องงัด ม.85 นานแล้ว เหตุพันธมิตรฯ โจมตีรัฐบาล

“ผมจึงบอกว่าเรื่องนี้เป็นพฤติการณ์ ถ้าไม่มีการแก้ไข เพราะมีหลายเรื่องสื่อปกติไม่สามารถที่จะเผยแพร่ได้ หลายถ้อยคำที่ปราศรัย ที่ถ่ายทอดโดยที่ไม่มีการเซ็นเซอร์ตรวจตรา จะกระทบเรื่องถ้อยคำ ความเหมาะสมเนื้อหาข้อเท็จจริง ความจริงแล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยควรใช้มาตรา 85 ตั้งแต่ประกาศชุมนุม และบอกว่ารัฐบาลนี้จะเปลี่ยนประเทศไปสู่สาธารณรัฐแล้ว เพราะนั่นเท่ากับเป็นการทำลายความมั่นคงของชาติอย่างรุนแรง หรือการยกสถาบันมากล่าวร้ายคนอื่น สร้างความแตกแยกของคนในชาติ อย่างที่บอกไปแล้วว่าเมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว ถ้าไม่ทำหน้าที่แล้วก็ไม่ควรจะอยู่” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร ซึ่งเป็นอดีตแกนนำ นปก.กล่าวด้วยว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิมทำหน้าที่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เมื่อคิดว่าตัวเองทำถูกกฎหมายก็ไม่ต้องกลัวอะไร พันธมิตรฯ ก็ใช้สิทธิของตัวเองไปร้องศาลปกครอง ไปบอกกับ ส.ว.สรรหา ทำหน้าที่ถอดถอน เหมือนพรรค คมช. ที่พร้อมทำตามพันธมิตรฯ อยู่แล้ว ก็ไปใช้กระบวนถอดถอนของ ส.ว.ตามที่ประกาศ กฎหมายอาญารัฐบาลใช้ ศาลปกครองพันธมิตรฯ ไปร้อง ส.ว.ถอดถอน ให้ 3 กระบวนการทำหน้าที่ของตัวเองไป

กดดัน “เหลิม” ทำแล้วต้องไม่ถอย

นายจตุพร กล่าวว่า วันจันทร์นี้ที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะไป กกต. ก่อนไปเป็นการแบล็คเมล์ข่มขู่คุกคามบอกว่า 3 คน เราให้กำลังใจ อีกคน 1 เราจะขับไล่ อีกคนไม่รู้จักก็ดุด่าว่ากล่าว ฉะนั้นเหมือนยุทธการตีเมืองขึ้นว่าถ้าคุณไม่ยอมฝ่ายเราก็เจอแบบคุณสมชัย พฤติการณ์ถ้ายึดกำลังใจของพันธมิตรฯ เป็นตัวตั้ง วันหน้าถ้า 3 คนนี้ไม่สนองความต้องการของพันธมิตรฯ เขาจะออกมาขับไล่เช่นเดียวกัน ฉะนั้น กกต.จะอยู่ได้ก็คือยุติธรรมเท่านั้น ความเป็นกลางก็คือความรู้สึกของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าเข้าข้างฝ่ายใด ฝ่ายนั้นก็บอกว่าเป็นกลาง บ้านเมืองมันจะอยู่ไม่ ตนเชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะทำอย่างนี้กับหน่วยงานอื่นเช่นกัน คงเห็นพันธมิตรฯ ทำแถลงการณ์อย่างกับเป็นคณะรัฐประหาร สั่งการข้าราชการตั้งแต่ปลัดกระทรวง ผู้ว่าฯ ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะได้รับผลสนองอย่างสาสม ตนถามว่าพันธมิตรฯ เอาอำนาจอะไร ดังนั้นจึงบอกว่าเมื่อรัฐมนตรีมหาดไทยเดินหน้าก็เดินให้สุดตัว เมื่อตัดสินใจแล้วอย่าถอย เพราะถ้าถอยอีกประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นทันที คิดว่ารัฐบาลเหลาะแหละ ถ้าไม่ทำอย่าตัดสินใจทำ เมื่อลงมือทำแล้วถอยไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดประชาชนเลือกคนมาบริหารและทำอย่างรับผิดชอบ

โถ..ห่วงสมบัติชาติ!! อ้างเคเบิลท้องถิ่นใช้สายพาดเสาไฟฟ้ารัฐ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ว.สรรหาระบุว่ากรณีดังกล่าวเป็นใช้อำนาจการแทรกแซงสื่อ นายจตุพร กล่าวว่า ต้องดูคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย ไม่ได้สั่งระงับสัญญาณของเอเอสทีวี สามารถออกอากาศได้ตามปกติ ตามที่ศาลปกครองคุ้มครองอยู่ แต่เคเบิลทีวีที่รับช่วงถ่ายทอดจากเอเอสทีวีไป มาตรา 85 ผู้โฆษณาต้องได้รับโทษเหมือนตัวการ แต่ถ้าผู้ประกอบการบอกว่าจะพร้อมร่วมรับโทษก็ออกอากาศได้ไม่มีปัญหา เคเบิลท้องถิ่นยังต้องใช้สายพาดเกี่ยวกับเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าที่เกี่ยวกับรัฐ และอยู่ในช่องว่างของกฎหมาย ฉะนั้นต้องว่าตามจริงของกฎหมาย ถ้าผู้ประกอบการใดทั้งประเทศจะรับผิดชอบกับเอเอสทีวีและพันธมิตรฯ ก็เชิญออกอากาศดำเนินการไป และฝ่ายรัฐก็จะดำเนินการตามยุติธรรม มีช่องทางออกของแต่ละฝ่าย

เล็งจัดการ “บรรณวิทย์”

เมื่อถามว่า พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ไปบอกกับผู้ชุมนุมว่าอีก 1 สัปดาห์ ทุกอย่างจะจบแล้วขอให้อดทน ทหารจะอยู่ข้างพันธมิตรฯ นายจตุพร กล่าวว่า เชื่อว่าหน่วยงานของรัฐที่บริหารราชการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ได้เกี่ยวข้องหลังการยึดอำนาจแล้วได้เป็น สนช. และเป็นประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม น่าจะมีการตรวจสอบพฤติการณ์ช่วงที่ผ่านมา เพราะมีข้อสงสัย ข้อกล่าวหามากมาย ขนาด พล.อ.สพรั่งยังไม่เอาด้วย ไปกระทำการอะไร หลายหน่วยงานที่ไปดำเนินการก็มีกลิ่นอะไรมากมาย หน่วยงานของกระทรวงคมนาคมต้องไปตรวจสอบ ทองแท้ไม่ต้องกลัว ทองชุบก็ลอกให้ประชาชนเห็น

นายจตุพร กล่าวต่อว่า พล.ร.อ.บรรณวิทย์นั้น รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่เอา รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ก็ไม่เอา มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทางวินัย ฉะนั้นช่วงมีอำนาจไปกระทำการอะไรบ้าง พล.ร.อ.บรรณวิทย์พร้อมให้ตรวจสอบหรือไม่ แต่หน่วยงานรัฐต้องตรวจสอบ และถ้าตรวจสอบไม่ได้ก็ไม่ควรจะนั่งอยู่ตรงนี้ เพราะมีข้อเท็จจริงที่มีเรื่องฉาวมากมาย คมช.ยังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัย ตนจึงบอกว่ารัฐที่มากจากเลือกตั้งก็ควรกล้าดำเนินการอย่างไดอย่างหนึ่งกับ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เหมือนกัน

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่บอกว่าทหารอยู่ข้างพันธมิตรฯ นายจตุพร กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินว่าทหารอยู่ข้างพันธมิตรฯ พยายามยั่วยุให้ทหารยึดอำนาจ เพราะจะเป็นช่องทางเดียวของการเปลี่ยนแปลง ดึงพรรคร่วมรัฐบาลออกไปทั้งหมดไปร่วมกับประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลได้ก็บริหารประเทศไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้าถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เสียงข้างมากจะกลายเป็นเสียงข้างน้อยทันที เพราะ ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรียกมือให้ตัวเองไม่ได้ และมันปริ่มเพียง 7 เสียง ต้องเอาคนนอกมาทั้งหมด ถ้าให้ประชาธิปัตย์บริหาร ช่องทางเดียวเห็นได้ชัดว่าพันธมิตรฯ จะบอกว่าหลับเถิดทหารกล้าข้าจะคุ้มภัย พูดจาแดกดันทหาร เพื่อต้องการให้ทหารรู้สึกว่าถูกกระตุ้นและออกมายึดอำนาจ คนที่มาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ก็เห็นแล้วว่าหลังยึดอำนาจไปขึ้นรางวัลที่ไหน หลายคนจึงมีตำแหน่ง สนช. ส.ส.ร. บอร์ดรัฐวิสาหกิจบ้าง ทุกคนรู้ว่าโผล่หน้าเวที ยึดอำนาจ ขึ้นรางวัลที่ไหน นักเลือกตั้งบางคนช่วงไม่มีเลือกตั้งก็ไปรับตำแหน่ง สอบตก ก็ออกมาขับไล่ ตนจึงบอกว่านี่เป็นวิธีการที่สกปรก

ท้า ปชป.หนุนพันธมิตรฯ เดิมพัน เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

“เวทีผู้ปราศรัยทุกวันส่วนใหญ่จะมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มี ส.ส.สอบได้คือนายสมเกียรติ์ พงศ์ไพบูลย์ ที่เหลือเป็น ส.ส.สอบตก ผมตั้งคำถามไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของผมว่าเล่นการเมือง 2 หน้า ผมบอกว่าให้คุณอภิสิทธิ์ประกาศชัดเจนว่าเห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ จึงไม่ห้าม ส.ส.และส.ส.สอบตกให้กลับพรรค และให้ประกาศท้ากับประชาชนว่าถ้าการยืนเคียงข้างพันธมิตรฯ ผิดหรือถูกให้ไปตัดสินในการเลือกผู้ว่าฯ กทม.ในเดือนสิงหาคม เพราะพรรคประชาธิปัตย์เล่นบทโค่นรัฐบาลทั้งนอกและในสภา ผมจึงบอกว่าเอาเปรียบรัฐบาลและระบอบประชาธิปไตยเกินไป

“ฉะนั้น ให้ประกาศเดิมพันทางการเมืองไปเลยในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ถ้าคนเห็นด้วยกับพันธมิตรฯ ยึดสะพานมัฆวานฯ พรรคประชาธิปัตย์ส่งสมาชิกไปร่วมชุมนุมหรืออ้างว่าไปเองตามสิทธิเสรีภาพ แต่พรรคไม่เรียกกลับ ฉะนั้นก็ให้ประชาชนตัดสินว่า เห็นด้วยพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมกับม็อบพันธมิตรฯชุมนุมปิดถนนหรือไม่ ถือเป็นการลงประชามติอีกอย่าง ขอให้นายอภิสิทธิ์ประกาศให้ชัดเจน เพราะถ้าไม่มีการวัดในการเลือกตั้งอย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าคน กทม.คิดอย่างไร เพราะขณะนี้คนกรุงเทพฯ กำลังเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจ รวมทั้งการปิดถนน เขาจะได้ใช้สิทธิของเขาระบายถึงความไม่พอใจของการกระทำของกลุ่มพันธมิตร ด้วยการใช้สิทธิเลือกตั้ง” นายจตุพรกล่าวอ้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น