xs
xsm
sm
md
lg

“เฉลิม” จ้อ เจ้ากระทรวงหงอยงบพัฒนาน้อยเตรียมช่วยกรมคุกหาเพิ่ม!!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
“เฉลิม” ฟื้นความหลังราชทัณฑ์เป็นสมบัติของมหาดไทย เห็นใจที่ผ่านมากรมคุกมีรัฐมนตรีพูดน้อย ทำให้ได้งบน้อย เตรียมช่วยผลักดันเพิ่มงบปราบปรามยาเสพติด-ให้เจ้าหน้าที่ดูงานต่างประเทศลดความจำเจเรื่องการทำงาน

วันนี้ (28 พ.ค.) ที่กรมราชทัณฑ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.) กล่าวระหว่างเป็นประธานประชุมผู้บัญชาการเรือนจำทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดว่า ก่อนหน้านี้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเป็นผู้มอบนโยบาย ส่วนตนจะขอหารือกับ ผบ.เรือนจำทั่วประเทศ เพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตนรู้ดีว่าไม่มีอำนาจเรียกประชุมกรมราชทัณฑ์ แต่เพราะกรมราชทัณฑ์เป็นสมบัติของกระทรวงมหาดไทยมายาวนาน เพียงในช่วงหลังมีการโยกกรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกไปจากกระทรวงมหาดไทย จนทำให้เกิดปัญหาไม่มีใครมาต่อสู้เรื่องงบประมาณให้นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ คิดผิดที่ตั้งเรื่องของบประมาณโดยขอเพิ่มจากฐานของปีก่อนเพียงเล็กน้อย จึงไม่สามารถแก้ปัญหายาเสพติดได้ ดังนั้น ขอให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ไปพบตนที่ทำเนียบรัฐบาลเวลา 14.00 น. โดยตนจะเรียกผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมาหารือเพื่อของบประมาณเพิ่มในการแก้ปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ไม่มีรัฐมนตรีคนใดคุ้นเคยกับเรือนจำได้ดีเท่ากับตน เพราะเคยร่วมกับทหารยึดอำนาจแต่แพ้จึงถูกจับกุมและควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำ ต่อมาเมื่อบุตรชายตกเป็นจำเลยคดีฆ่าคนตายและถูกควบคุมตัวในเรือนจำเป็นเวลา 1 ปี ตนก็ไปเยี่ยมทุกวัน ทำให้เข้าใจว่าข้าราชการกรมราชทัณฑ์ขาดแคลนสวัสดิการ ทำงานท่ามกลางความกดดัน ซ้ำซาก น่าเบื่อหน่าย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ควรจัดสรรงบประมาณให้ข้าราชการเดินทางไปดูงานต่างประเทศ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เกิดความจำเจ ซึ่งในประเด็นนี้รัฐบาลพร้อมสนับสนุนงบประมาณ และขอยืนยันว่าตนกับนายสมพงษ์มาจากพรรคเดียวกัน จึงไม่มีปัญหาเรื่องแก่งแย่งกันทำงาน เรารักกันมากกว่าจะโกรธหรือโขกกัน การที่คนมาถามให้แตกแยกคงต้องรอไปอีกชาติหนึ่ง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า ราชทัณฑ์เป็นหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่ถูกกล่าวหามากที่สุด กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาระบุเรื่องข้าวผัดห่อละ 5,000 บาท หรือสามารถดื่มเหล้าในเรือนจำได้ก็ไม่เป็นความจริง นายชูวิทย์บอกกับตนว่าพูดให้เป็นข่าว แต่ในเรื่องการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปใช้ เราต้องยอมรับว่ามีจริง ตนเคยโทร.เข้าไปหาตามเบอร์ที่ได้จากผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่อ้างว่าสั่งซื้อขายยาเสพติดจากเรือนจำก็มีคนรับสายในเรือนจำราชบุรีจริง นักโทษบางคนก็มีซิมการ์ดเปลี่ยนได้ทุกวัน ดังนั้น ตนจะหารือกับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้จัดสรรงบประมาณเพิ่มให้กรมราชทัณฑ์ ต่อไปนี้อย่าไปของบแบบเกรงใจ ที่ผ่านมาเรามีรัฐมนตรีที่ไม่พูดจึงไม่มีการนำงบลับและงบกลางมาสนับสนุนการปราบปรามยาเสพติด

“ขณะนี้ มท.1 กำลังพูดคุยกับ ผบ.เรือนจำทั่วประเทศ ต่อไปนี้การปราบปรามยาเสพติดต้องทำแบบบูรณาการ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้อประสานงานกับเรือนจำทั่วประเทศ ต้องหาข้อมูลให้ได้ว่าผู้ต้องขังแต่ละคนมีประวัติและภูมิหลังอย่างไร แล้วเข้าไปร่วมสอบสวนขยายผล ตอนนี้คนร้ายเริ่มระส่ำระสาย วันนี้ผลงานการปราบปรามยาเสพติดดีกว่าปีที่แล้ว 81% ผมไม่อยากให้ใครตายแม้แต่คนเดียว ไม่ต้องการจับยาเสพติด แต่ต้องการให้ประชาชนเลิกเสพ ในส่วนของ ผบ.เรือนจำต้องกวดขันลูกน้อง ไม่ให้ลักลอบนำโทรศัพท์มือถือไปให้นักโทษ ถ้าป้องกันโทรศัพท์มือถือได้จะช่วยลดปัญหายาเสพติดด้านนอกเรือนจำได้ถึง 25% นอกจากนี้ยังขอฝากให้ ผบ.เรือนจำลดความตึงเครียดในการควบคุมตัวผู้ต้องขังที่ต้องตื่นนอนตั้งแต่ 05.00 น.ถูกตีตรวนออกไปขึ้นศาล วันหยุดก็ต้องขึ้นเรือนนอนตั้งแต่เวลา 14.00 น.เวลานอนก็ต้องเปิดไฟสว่าง โดยการพันธนาการทำให้นักโทษมีจิตใจโหดเหี้ยมขึ้น” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ในช่วงท้าย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แม้ว่าบ้านเมืองจะวุ่นวาย แต่ขอให้ ผบ.เรือนจำช่วยกันปราบปรามยาเสพติด รัฐบาลถูกวิจารณ์ว่าอ่อนแอซึ่งเป็นความจริง เพราะนายสุธา ชันแสง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ก็ป่วยทั้งคู่ การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันแรกคัดค้านไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ วันที่ 2 ก็หันมาขับไล่ นายสมัคร สุนทรเวช แล้วยังมาไล่ตน เพราะความหมั่นไส้ที่ตนปากจัด จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้สั่งการ ผบ.เรือนจำเป็นรายคน อาทิ ให้ ผบ.เรือนจำเกาะสมุยเข้มงวดตรวจสอบชาวต่างชาติที่อยู่เบื้องหลังการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำ รวมทั้งเรือนจำอื่นๆ ที่มีสายข่าวรายงานว่ามีการสั่งซื้อขายยาเสพติด

ด้าน นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ทุกเรือนจำมั่นใจว่าจะสามารถกวาดล้างโทรศัพท์มือถือให้หมดไปจากเรือนจำได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้จะจับตานักโทษรายสำคัญในเรือนจำความมั่นคงสูง 5 แห่ง ได้แก่ เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำกลางคลองเปรม ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เรือนจำกลางเขาบิน และเรือนจำกลางคลองไผ่ ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ควบคุมตัวนักโทษคดียาเสพติดรายใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านายสมพงษ์มีกำหนดการจะเดินทางมาร่วมประชุมกับ ร.ต.อ.เฉลิมเพื่อมอบนโยบายแก่ ผบ.เรือนจำ แต่เมื่อถึงกำหนดนายสมพงษ์กลับยกเลิกกะทันหัน โดยอ้างว่าติดภารกิจการประชุมสำคัญที่กระทรวงยุติธรรม และให้ ร.ต.อ.เฉลิม ดำเนินการประชุมไปเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น