“สมพงษ์” เรียกประชุม ผบ.เรือนจำทั่วประเทศตัดหน้า “เฉลิม” สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาเข้มงวดอย่าให้คนนอกมาตำหนิ ด้านอธิบดีราชทัณฑ์ตั้งเป้า 3 เดือนกวาดล้างยาเสพติด-โทรศัพท์มือถือหมดจากคุก
วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กรมราชทัณฑ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเรือนจำทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายปราบปรามยาเสพติด ว่า การเรียกประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมก่อนวันประชุมจริงในวันที่ 28 พ.ค.ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.)จะมาเป็นประธานการประชุมวางมาตรการเข้มงวดไม่ให้มีการสั่งซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำ ดังนั้น ตนจึงต้องขอเรียกประชุมก่อน ความรู้สึกข้างในของตนอาจไม่มีใครรู้ว่า การที่ต้องให้กระทรวงอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาโดยตรงมาสั่งการกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองมันเป็นอย่างไร จากนั้นนายสมพงษ์ ได้เชิญผู้สื่อข่าวออกนอกห้องประชุมเพื่อสั่งการ ผบ.เรือนจำเป็นการภายในโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
นายสมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องยอมรับว่ามีการสั่งการจากในคุกไปยังเครือข่ายภายนอกให้ไปรับส่งยาเสพติดทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ประสานมายังกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอให้จัดประชุมมอบนโยบาย ผบ.เรือนจำทั่วประเทศ ถึงการเข้มงวดปราบปรามยาเสพติดเนื่องจากปัจจุบันรูปแบบขนลำเลียงยาเสพติดเปลี่ยนไปจากเดิมโดยหันมาใช้ผู้หญิงและเด็กเป็นคนเดินยา และเปลี่ยนวิธีการซื้อขายจากรายใหญ่มาเป็นรายย่อย จากสถิติการจับกุมพบว่านักโทษหญิงในเรือนจำกว่า 80% เป็นนักค้ายาเสพติดที่เข้าออกเรือนจำเป็นประจำอย่างน้อยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ทำให้เรือนจำต้องเข้มงวดกวดขันจะได้ไม่ถูกตำหนิ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเรียกประชุม ผบ.เรือนจำทั่วประเทศถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ไม่ใช่การแทรกแซงอะไร ถือเป็นการร่วมกันทำงานของรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ในการเดินทางไปตรวจราชการต่างจังหวัดหลายครั้ง ผู้ว่าราชการก็มาพบตนเพื่อชี้แจงการทำงาน หากกระทรวงยุติธรรมมีปัญหาขัดข้องในการร่วมงานกับจังหวัดต่างๆ ตนก็มีสิทธิ์เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตนมีความเป็นห่วง ผบ.เรือนจำ ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา จึงต้องกวดขันก่อนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะมาประชุมร่วม เพื่อไม่ให้ใครมาตำหนิได้ เมื่องานมีความพร้อมใครก็มาตำหนิไม่ได้
ด้าน นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ตนได้เข้มงวดมาตรการป้องกันและปรามยาเสพติดในทุกเรือนจำ โดยเฉพาะการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องจะต้องโทษทางวินัยร้างแรงเท่ากับการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำ โดยตั้งเป้าการปราบปรามยาเสพติด และโทรศัพท์มือถือให้หมดจากเรือนจำทั่วประเทศภายใน 3 เดือน สำหรับเจ้าหน้าที่เรือนจำที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามและยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำ จะถูกย้ายออกนอกพื้นที่และสอบสวนความผิดขั้นเด็ดขาด ซึ่งมาตรการที่เข้มงวดของเรือนจำ จะส่งผลให้บัตรสนเท่ห์ร้องเรียนเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า ดังนั้นจึงขอให้กระทรวงยุติธรรมเข้าใจสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นด้วย