กรมคุกจับมือหน่วยงานหลักด้านปราบยาเสพติด ชู 3 มาตรการ “ข่าว-ของ-คน” รุกสืบหาต้นตอเครือข่ายค้ายาให้ผู้ต้องหาในเรือนจำ ขณะที่ อธิบดีราชทัณฑ์ ระบุ ขี้ยาสั่งด้วยวาจาผ่านญาติ เพื่อให้ญาติโทร.สั่งของส่งเข้าไปในเรือนจำ ไม่ใช่นักโทษโทร.สั่งเอง ย้ำ ราชทัณฑ์มีเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์เข้มงวด นักโทษไม่สามารถใช้โทรศัพท์จากในเรือนจำได้ ยัน ถ้าผู้ต้องขังให้ข้อมูลเป็นประโยชน์สาวถึงนักค้ารายใหญ่พร้อมปรับเป็นนักโทษชั้นดี และชั้นเยี่ยม
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่กรมราชทัณฑ์ นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมประชุมหารือการบูรณาการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพื่อเป็นการทำงานอย่างบูรณาการในฐานะที่ บช.ปส.เป็นหน่วยงานด้านการปราบปรามยาเสพติดโดยตรงได้กำหนดแนวทางการทำงานไว้ 3 เรื่อง คือ ข่าว หมายถึงการร่วมกันทำงานด้านการข่าวของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ บช.ปส.ซึ่งถือเป็นหน่วยงานด้านการปราบปรามโดยตรง ของ หมายถึงการตรวจตราไม่ให้มีการลักลอบสั่งยาเสพติด หรือนำของผิดกฎหมายและยาเสพติดเข้ามาภายในเรือนจำ และคน หมายถึงการเน้นป้องกันไม่ให้ญาติของผู้ต้องขังเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติด หากพบว่าญาติของผู้ต้องขังรายใดเกี่ยวข้องหรือมีส่วนช่วยเหลือ ก็จะถูกดำเนินคดีด้วย และผู้ต้องขังหากคดียังไม่สิ้นสุด ก็สามารถหาข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันปราบปรามและนำการให้ข้อมูลดังกล่าวไปขอให้ศาลพิจารณาลดโทษ
นายวันชัย กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจของกรมราชทัณฑ์ ที่มีเครือข่ายยาเสพติดเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำจำนวน 715 ข้อมูล สามารถนำไปขยายผลโดยส่งให้ ป.ป.ส.56 ข้อมูล บช.ปส. 31 ข้อมูล ปปง.28 ข้อมูล ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นการทำงานร่วมกัน โดยกรมราชทัณฑ์พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมา การจับกุมนักค้ายาเสพติดรายใหญ่หลายรายเป็นการขยายผลจากข้อมูลของผู้ต้องขังในเรือนจำ อย่างไรก็ตาม หากผู้ต้องขังรายใดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กรมราชทัณฑ์จะปรับให้เป็นนักโทษชั้นดี และชั้นเยี่ยม
นายวันชัย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มีข่าวออกมาว่า มีการโทรศัพท์สั่งยาเสพติดจากในเรือนจำ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้ตรวจสอบพบว่า ไม่ใช่การโทรศัพท์จากในเรือนจำแต่เป็นการสั่งด้วยวาจาผ่านทางญาติเยี่ยม โดยญาติจะเป็นผู้โทรศัพท์สั่งยาเสพติดและญาติบางรายโทรศัพท์สั่งยาเสพติดจากหน้าเรือนจำ
“หากพบว่านักโทษโทรศัพท์สั่งยาเสพติดจากในเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ก็จะเข้าไปดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทันที แต่ในความเป็นจริงมีความเป็นไปได้น้อย เพราะกรมราชทัณฑ์ติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้ไม่สามารถใช้โทรศัพท์จากในเรือนจำได้ แต่ข่าวที่ออกมาได้ระบุว่าโทรศัพท์ออกมาจากในเรือนจำ ดังนั้น ต้องการให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย” นายวันชัย กล่าว
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่กรมราชทัณฑ์ นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมประชุมหารือการบูรณาการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพื่อเป็นการทำงานอย่างบูรณาการในฐานะที่ บช.ปส.เป็นหน่วยงานด้านการปราบปรามยาเสพติดโดยตรงได้กำหนดแนวทางการทำงานไว้ 3 เรื่อง คือ ข่าว หมายถึงการร่วมกันทำงานด้านการข่าวของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ บช.ปส.ซึ่งถือเป็นหน่วยงานด้านการปราบปรามโดยตรง ของ หมายถึงการตรวจตราไม่ให้มีการลักลอบสั่งยาเสพติด หรือนำของผิดกฎหมายและยาเสพติดเข้ามาภายในเรือนจำ และคน หมายถึงการเน้นป้องกันไม่ให้ญาติของผู้ต้องขังเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติด หากพบว่าญาติของผู้ต้องขังรายใดเกี่ยวข้องหรือมีส่วนช่วยเหลือ ก็จะถูกดำเนินคดีด้วย และผู้ต้องขังหากคดียังไม่สิ้นสุด ก็สามารถหาข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันปราบปรามและนำการให้ข้อมูลดังกล่าวไปขอให้ศาลพิจารณาลดโทษ
นายวันชัย กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจของกรมราชทัณฑ์ ที่มีเครือข่ายยาเสพติดเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำจำนวน 715 ข้อมูล สามารถนำไปขยายผลโดยส่งให้ ป.ป.ส.56 ข้อมูล บช.ปส. 31 ข้อมูล ปปง.28 ข้อมูล ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นการทำงานร่วมกัน โดยกรมราชทัณฑ์พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมา การจับกุมนักค้ายาเสพติดรายใหญ่หลายรายเป็นการขยายผลจากข้อมูลของผู้ต้องขังในเรือนจำ อย่างไรก็ตาม หากผู้ต้องขังรายใดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กรมราชทัณฑ์จะปรับให้เป็นนักโทษชั้นดี และชั้นเยี่ยม
นายวันชัย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มีข่าวออกมาว่า มีการโทรศัพท์สั่งยาเสพติดจากในเรือนจำ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้ตรวจสอบพบว่า ไม่ใช่การโทรศัพท์จากในเรือนจำแต่เป็นการสั่งด้วยวาจาผ่านทางญาติเยี่ยม โดยญาติจะเป็นผู้โทรศัพท์สั่งยาเสพติดและญาติบางรายโทรศัพท์สั่งยาเสพติดจากหน้าเรือนจำ
“หากพบว่านักโทษโทรศัพท์สั่งยาเสพติดจากในเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ก็จะเข้าไปดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทันที แต่ในความเป็นจริงมีความเป็นไปได้น้อย เพราะกรมราชทัณฑ์ติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้ไม่สามารถใช้โทรศัพท์จากในเรือนจำได้ แต่ข่าวที่ออกมาได้ระบุว่าโทรศัพท์ออกมาจากในเรือนจำ ดังนั้น ต้องการให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย” นายวันชัย กล่าว