“พิภพ” เผยข้าราชการสำนึกดีเริ่มปรากฏพลัง หลังพันธมิตรฯ เดินหน้าแผนอารยะขัดขืน ได้ข้อมูลกังฉินเพียบ เตรียมสาวไส้ “สัญญาฉาวเอไอเอส-เสียดินแดนเขาพระวิหาร” ศุกร์-อาทิตย์ นี้ เตือนสติ “พรรคร่วมฯ” เริ่มอุ้มพลังแม้ว หากยังอยากมีอนาคตทางการเมืองต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 21.50 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า ภายหลังที่เราได้ประกาศอารยะขัดขืนไป หลักฐานต่างๆก็เริ่มทยอยเข้ามา เราเรียกร้องให้ข้าราชการอารยะขัดขืน โดยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งราชการของนักการเมืองขี้ฉ้อ แต่เมื่อทำเปิดเผยไม่ได้ก็ให้รวบรวมหลักฐานออกมา ตอนนี้ได้เยอะแล้ว
นายพิภพ กล่าวว่า ที่ตนเคยบอกว่าพรรคพลังประชาชนไม่ได้เสียงส่วนใหญ่ในการบริหารประเทศ แต่เราถูกทรยศจาก 5พรรคร่วมรัฐบาล โกหกประชาชน ตั้งเงื่อนไขว่าจะไม่ร่วมกับพรรคพลังประชาชน แล้วก็ไปร่วม ฉะนั้นพรรคพลังประชาชนจะมาอ้างว่าได้เสียงส่วนใหญ่บริหารประเทศจึงไม่จริง วันนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า 700กว่าคดีที่สำนวนถูกเอาออกภายใน 1เดือน ถ้าคิด 10% ก็จะเป็นใบแดงหรือใบเหลืองของพรรคพลังประชาชนถึง 70เสียง ลบแล้วก็เหลือแค่ 163 เสียงเท่านั้น
“ต้องถามพรรคร่วมรัฐบาลว่าอยู่ได้ยังไงกับพรรคพลังประชาชนที่กำล้งถูกตีแผ่ว่าได้คะแนนเสียงขอมปลอม อยู่ได้ไง วันนี้ควรแยกตัว อยากเตือนพรรคร่วมรัฐบาลว่าให้มองอนาคตทางการเมืองของตัวเอง กลับลำเถอะ อย่าอุ้มรัฐบาลที่ไม่มีปัญหาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เป็นพรรคนอมินีของไทยรักไทย พยายามแก้มาตรา 309” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า วันนี้เรามีความชัดเจน และสาธารณชนก็เริ่มยอมรับ ที่เรายืนหยัดอยู่ตรงนี้กลายเป็นสนามการเมืองภาคประขาชนที่ใช้ตรวจสอบความไม่ถูกต้องไม่ชอบธรรมของรัฐบาลสามัคคีกว่าสภาอีก ฉะนั้นขอให้เชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ เมื่อเราทำคุณความดี เรารู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ข้างหน้าเป็นความชั่ว เรายังไม่มีหลักฐานพอเพียง แต่การที่เรายืนอยู่กับความถูกต้องและความชอบธรรม หลักฐานความผิดความชั่วของรัฐบาลนอมินีก็เริ่มไหลมาเรื่อยๆ นี่ล่ะคือการที่เรายึดมั่นอยู่กับความถูกต้องชอบธรรม ถ้าเราอดทนมีมานะ มีสัจจะ ความชั่วของฝ่ายตรงข้ามที่เรากำลังสู้อยู่จะปรากฎตอนนี้ก็ปรากฏขึ้นเรื่อยๆ
นายพิภพ กล่าวอีกว่า วันนี้เราประกาศอารยะขัดขืนเพื่อให้การเมืองงดงาม มันมีความหมายมาก กลายเป็นอารยะธรรมการเมืองที่เข้าไปอยู่กับสังคมทุกระดับชั้น อารยะฯ สามารถใช้ได้ตั้งแต่ระดับ อบต. อำเภอ จังหวัด ถ้าทำได้การเมืองจะดีขึ้น
ทั้งนี้ นายพิภพ กล่าวด้วยว่า อารยะขัดขืนได้เริ่มส่งผลแล้ว เริ่มจากนายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการ ป.ป.ท. และอดีตอธิบดีดีเอสไอ และเมื่อได้ประกาศอารยะขัดขืนพุ่งไปที่ข้าราชการ สิ่งที่ได้รับมาคือ การได้ข้อมูลจากกกต.ถึงความไม่ชอบมาพากลที่เอื้อประโยชน์ต่อคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช นี่มาจากผลของอารยะขัดขืน
“เราได้ข้อมูลการแก้ไขสัญญาเอไอเอส สมัยรัฐบาลทักษิณ ทำให้รัฐบาลเสียผลประโยชน์ 8หมื่นล้านบาท เราได้ข้อมูลเกี่ยวกับความเฉื่อยชาของกระทรวงต่างประเทศกรณีปกป้องดินแดนอธิปไตยไทยเหนือเขาพระวิหาร ที่ล่าสุดกัมพูชาได้อ้างสิทธิล้ำดินแดนไทยเข้ามา 10เมตรเป็นต้น เราได้ข้อมูลการพยายามติดสินบนผู้พิพากษา ทนายความของนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้พันธมิตรฯจะเปิดโปงในในวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์นี้อย่างละเอียด นี่คือผลของอารยะขัดขืนที่ทำให้ข้าราชการได้ตระหนักว่าตัวเองจะยืนอยู่แบบเดิมไม่ได้แล้ว ต้องร่วมมือกับประชาชนที่ถนนราชดำเนิน” นายพิภพ กล่าว
นอกจากนั้น นายพิภพยังกล่าวด้วยว่า คนที่รู้จักนายสมัครดีบอกว่า ยังไงนายสมัครก็ยังไม่ออกจากนายกฯ ตราบใดที่เมกะโปรเจคยังไม่ผ่าน ทำไมนักการเมืองจึงสนใจเมกะโปรเจค ก็เพราะเป็นธรรมเนียมของนักการเมืองไทย เมื่อลงนามแล้วจะได้เปอร์เซ็น
“ขอให้นับเถอะ เมกะโปรเจกต์ผ่านเมื่อไหร่ คุณสมัครจะนับอายุการเป็นนายกฯของตัวเอง แต่เราไม่ยอม วันนี้เราอยากให้คุณสมัครต้องหลุดจากนายกรัฐมนตรีเพราะพรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค ฉะนั้นคุณสมัครอย่าหนีนะ ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลจะตายไปกับพรรคพลังประชาชนก็เชิญเลย เมื่อคุณสมัครใกล้ตาย พรรคพลังประชาชนใกล้หมดสภาพจะเป็นรัฐบาล สิ่งที่พรรคพลังประชาชนกำลังจะทำคือเตรียมเลือกตั้ง แล้วก็ซื้อเสียงล่วงหน้า โดยใช้เงินภาษีของเรา ตอนนี้จะสังเกตได้ว่านโยบายประชานิยมจะออกมาเป็นชุดเลย”
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า เราต้องการรัฐสวัสดิการ ไม่ใช่นโยบายประชานิยมจอมปลอม ที่มาหาเสียงเป็นครั้งเป็นคาว อยากให้พ่อแม่พี่น้องในชนบทเข้าใจในสิ่งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้เราต้องติดตามรัฐบาลสมัครอย่างใกล้ชิดว่าทำอะไร ขณะเดียวกันก็สร้างองค์ความรู้ไปด้วยเรียกว่ามหาวิทยาลัยราชดำเนิน นอกจากประชาชนจะได้เรียนรู้ เราก็จะตรวจสอบรัฐบาลไปด้วย