พันธมิตรฯย้ำกำหนดการบุก กกต.วันจันทร์ ระบุ มาตรการอารยะขัดขืนระยะแรกได้ผลดี ข้าราชการส่งข้อมูลทุจริตหลั่งไหลมาเพียบ เตรียมคุ้ยเมกะโปรเจกต์ “หุ่นเชิด” แฉตุนกระสุนล่วงหน้าไว้เตรียมรับเลือกตั้ง ชี้ มีสัญญาณยุบสภาหึ่ง
วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่ากรณีที่ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีดีเอสไอ จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 2,000 ล้านบาท กรณีพนักงานสอบสวนขอออกหมายจับโดยมิชอบว่า เป็นแบบอย่างการต่อสู้ของอารยะขัดขืน เพราะการออกหมายจับ นายสุนัย ครั้งนี้ มีพิรุธ นอกจากนี้ ยังมีความพยายามที่จะเช็กบิล ล้างแค้นกลุ่มที่จะมาจัดการกับระบอบทักษิณ จึงอยากเรียกร้องข้าราชการ ซึ่งเป็นกลไกในการพัฒนาบ้านเมือง และรักในความเป็นธรรม ส่งข้อมูลมาให้กับกลุ่มพันธมิตรฯได้ตลอดเวลา
นายสุริยะใส กล่าวว่า สำหรับอารยะขัดขืนชุดที่ 1 นั้น ประสบความสำเร็จเกินคาด ได้รับความร่วมมือสูงมาก ทั้งข้อมูลภายในหน่วยราชการ ว่า ใช้อำนาจกดขี่อย่างไรบ้าง เช่น กรณี กกต. ที่มีความไม่ชอบมาพากลในการเอื้อประโยชน์ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เราได้รับข้อมูลทันทีที่ประกาศออกไป
กรณีพบความไม่ชอบมาพากล ที่มีการแก้ไขสัญญาของเอไอเอส ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จนทำให้รัฐเสียประโยชน์กว่า 8 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของ รมว.ต่างประเทศ กรณีเขาพระวิหาร ซึ่งประเทศกัมภูชา รุกล้ำเข้ามาในไทย 10 ตารางกิโลเมตร แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลไทยก็ยังไม่โต้แย้ง หรืออุทธรณ์คำสั่ง ทั้งหมดนี้ถือเป็นชัยชนะของการต่อสู้แบบยืดเยื้อ อย่างยุทธศาสตร์ดาวกระจายและมาตรการอารยะขัดขืน เชื่อว่า ต่อจากนี้ประชาชนจะเข้าใจความจำเป็นที่ต้องชุมนุมมากขึ้น และในช่วงแรกอาจจะมีประชาชนบางกลุ่ม หรือสื่อบางแขนง ไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ในขณะนี้ทั้งนักเรียน หรือแม้กระทั่งอาจารย์ ก็เริ่มเข้าใจและมายืนข้างพันธมิตรฯ ถือเป็นนวัตกรรมการเมือง เพื่อสร้างความต่อรองให้กับภาคประชน
นายสุริยะใส กล่าวว่า นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้า เราจะเริ่มยุทธวิธีเดินหน้าล่าข้อมูล เมกะโปรเจกต์ ซึ่งหลายโครงการที่รัฐบาลนี้กำลังเร่งนำเข้า ครม.เพื่อขออนุมัติ เช่น กรณีรถเอ็นจีวี ของ ขสมก.โครงการรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง และโครงการรับจำนำประกันราคาข้าว ซึ่งมีมูลค่าโครงการตั้งแต่ 10 ล้าน ถึง หมื่นล้านบาท เชื่อว่า รัฐบาลจะเร่งอนุมัติ เพื่อถอนทุนทางการเมือง โดยรัฐบาลอาจจะชิงลาออก หรือยุบรัฐบาลหนี เพื่อเอางบประมาณในส่วนนี้มาเป็นกระสุนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลแถลงผลงานในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ผ่านทางโทรทัศน์ และวิทยุนั้น เป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระโดยสิ้นเชิง รัฐบาลหุ่นเชิด ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อประชาชนแม้แต่น้อย แต่พยายามเล่นงานกลไกของรัฐ เช่น คตส.หรือแม้แต่ค่าจ้างขั้นต่ำ 233 บาท ที่ชาวบ้านเรียกร้อง ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อชาวบ้านมีเงินซื้อ ของก็สามารถขายได้ เกิดการพัฒนา และผลดีทางเศรษฐกิจ นโยบายคูปองคนจน ไม่ได้ช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะคูปองแบบนี้มีไว้แจกให้กับคนชรา คนพิการ และคนที่ไม่มีรายได้ ที่วันนี้ประชาชนได้ตามที่เรียกร้อง เพราะมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯทำให้รัฐบาลกลัว เมื่อขออะไรจึงให้หมด
ขณะที่ นายพิภพ กล่าวว่า เวลานี้รัฐบาลซื้อเสียงล่วงหน้า โดยใช้นโยบายประชานิยมซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจขอให้จับตามองการนำเงินภาษีของประชาชนไปซื้อเสียงล่วงหน้า ซึ่งควรจะเลิกได้แล้ว เพราะสวัสดิการต่างหาก คือ สิ่งที่ประชาชนต้องการ นอกจากนี้ วัฒนธรรมการเมืองไทย การอนุมัติโครงการเมกะโปรเจกต์ จะได้เปอร์เซ็๋นต์ถึง 7-20% ดังนั้น วันนี้รัฐบาลจึงต้องรีบเร่งและเมื่อมีการยุบสภาไปแล้วประชาชนก็จะเข้าใจผิดว่า จะต้องเลือกพรรค พปช.กลับมาอีก การตั้งเวทีชุมนุมยืดเยื้อในวันนี้กลายเป็นเวทีตรวจสอบรัฐบาล ข้าราชการที่ทราบข้อมูลทุจริต สามารถที่จะส่งข้อมูลมาได้ เป็นจุดส่งเสริมข้าราชการดี ให้ร่วมตรวจสอบและจัดการกับข้าราชการไม่ดี กลายเป็นวัฒนธรรมการเมืองใหม่ที่ยั่งยืน รวมทั้งสร้างการเมืองใหม่ได้ในอนาคต เพราะประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับมาตรการอารยะขัดขืนชุดต่อไปเป็นอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า ในเย็นวันพรุ่งนี้ หรือวันเสาร์ อาจจะมีมาตรการอารยะขัดขืนชุดที่ 2 ออกมา อย่างไรก็ตาม หากสื่อมวลชนเองมีอะไรค้างคาใจเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของกลุ่มพันธมิตรฯก็อย่าแบกเอาไว้ สามารถมาบอกที่ตนได้ หากเราบรรเทาให้ได้ ก็จะรีบดำเนินการทันที
สำหรับกรณีที่ นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง ระบุว่า ไม่อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯ ไปให้กำลังใจในวันที่ 16 มิ.ย.นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า เราเข้าใจความห่วงใยของ นายสุเมธ ที่ห่วงเรื่องปัญหาการจราจรติดขัด แต่หากชั่งน้ำหนักดูจะเห็นว่าผลประโยชน์ของชาติสำคัญกว่า ยืนยันว่า วันที่ 16 มิ.ย.จะเดินทางไปที่ กกต.อย่างแน่นอน ซึ่งได้มีการประสานตำรวจเรียบร้อยแล้ว โดยจะตั้งขบวน และเดินขบวนออกจากสนามศุภชลาศัย โดยใช้ถนนเพียงเลนเดียว ทั้งนี้ อาจมีการตั้งเวทีย่อยที่หน้า กกต.เพื่ออ่านแถลงการณ์ด้วย
วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่ากรณีที่ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีดีเอสไอ จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 2,000 ล้านบาท กรณีพนักงานสอบสวนขอออกหมายจับโดยมิชอบว่า เป็นแบบอย่างการต่อสู้ของอารยะขัดขืน เพราะการออกหมายจับ นายสุนัย ครั้งนี้ มีพิรุธ นอกจากนี้ ยังมีความพยายามที่จะเช็กบิล ล้างแค้นกลุ่มที่จะมาจัดการกับระบอบทักษิณ จึงอยากเรียกร้องข้าราชการ ซึ่งเป็นกลไกในการพัฒนาบ้านเมือง และรักในความเป็นธรรม ส่งข้อมูลมาให้กับกลุ่มพันธมิตรฯได้ตลอดเวลา
นายสุริยะใส กล่าวว่า สำหรับอารยะขัดขืนชุดที่ 1 นั้น ประสบความสำเร็จเกินคาด ได้รับความร่วมมือสูงมาก ทั้งข้อมูลภายในหน่วยราชการ ว่า ใช้อำนาจกดขี่อย่างไรบ้าง เช่น กรณี กกต. ที่มีความไม่ชอบมาพากลในการเอื้อประโยชน์ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เราได้รับข้อมูลทันทีที่ประกาศออกไป
กรณีพบความไม่ชอบมาพากล ที่มีการแก้ไขสัญญาของเอไอเอส ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จนทำให้รัฐเสียประโยชน์กว่า 8 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของ รมว.ต่างประเทศ กรณีเขาพระวิหาร ซึ่งประเทศกัมภูชา รุกล้ำเข้ามาในไทย 10 ตารางกิโลเมตร แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลไทยก็ยังไม่โต้แย้ง หรืออุทธรณ์คำสั่ง ทั้งหมดนี้ถือเป็นชัยชนะของการต่อสู้แบบยืดเยื้อ อย่างยุทธศาสตร์ดาวกระจายและมาตรการอารยะขัดขืน เชื่อว่า ต่อจากนี้ประชาชนจะเข้าใจความจำเป็นที่ต้องชุมนุมมากขึ้น และในช่วงแรกอาจจะมีประชาชนบางกลุ่ม หรือสื่อบางแขนง ไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ในขณะนี้ทั้งนักเรียน หรือแม้กระทั่งอาจารย์ ก็เริ่มเข้าใจและมายืนข้างพันธมิตรฯ ถือเป็นนวัตกรรมการเมือง เพื่อสร้างความต่อรองให้กับภาคประชน
นายสุริยะใส กล่าวว่า นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้า เราจะเริ่มยุทธวิธีเดินหน้าล่าข้อมูล เมกะโปรเจกต์ ซึ่งหลายโครงการที่รัฐบาลนี้กำลังเร่งนำเข้า ครม.เพื่อขออนุมัติ เช่น กรณีรถเอ็นจีวี ของ ขสมก.โครงการรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง และโครงการรับจำนำประกันราคาข้าว ซึ่งมีมูลค่าโครงการตั้งแต่ 10 ล้าน ถึง หมื่นล้านบาท เชื่อว่า รัฐบาลจะเร่งอนุมัติ เพื่อถอนทุนทางการเมือง โดยรัฐบาลอาจจะชิงลาออก หรือยุบรัฐบาลหนี เพื่อเอางบประมาณในส่วนนี้มาเป็นกระสุนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลแถลงผลงานในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ผ่านทางโทรทัศน์ และวิทยุนั้น เป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระโดยสิ้นเชิง รัฐบาลหุ่นเชิด ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อประชาชนแม้แต่น้อย แต่พยายามเล่นงานกลไกของรัฐ เช่น คตส.หรือแม้แต่ค่าจ้างขั้นต่ำ 233 บาท ที่ชาวบ้านเรียกร้อง ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อชาวบ้านมีเงินซื้อ ของก็สามารถขายได้ เกิดการพัฒนา และผลดีทางเศรษฐกิจ นโยบายคูปองคนจน ไม่ได้ช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะคูปองแบบนี้มีไว้แจกให้กับคนชรา คนพิการ และคนที่ไม่มีรายได้ ที่วันนี้ประชาชนได้ตามที่เรียกร้อง เพราะมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯทำให้รัฐบาลกลัว เมื่อขออะไรจึงให้หมด
ขณะที่ นายพิภพ กล่าวว่า เวลานี้รัฐบาลซื้อเสียงล่วงหน้า โดยใช้นโยบายประชานิยมซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจขอให้จับตามองการนำเงินภาษีของประชาชนไปซื้อเสียงล่วงหน้า ซึ่งควรจะเลิกได้แล้ว เพราะสวัสดิการต่างหาก คือ สิ่งที่ประชาชนต้องการ นอกจากนี้ วัฒนธรรมการเมืองไทย การอนุมัติโครงการเมกะโปรเจกต์ จะได้เปอร์เซ็๋นต์ถึง 7-20% ดังนั้น วันนี้รัฐบาลจึงต้องรีบเร่งและเมื่อมีการยุบสภาไปแล้วประชาชนก็จะเข้าใจผิดว่า จะต้องเลือกพรรค พปช.กลับมาอีก การตั้งเวทีชุมนุมยืดเยื้อในวันนี้กลายเป็นเวทีตรวจสอบรัฐบาล ข้าราชการที่ทราบข้อมูลทุจริต สามารถที่จะส่งข้อมูลมาได้ เป็นจุดส่งเสริมข้าราชการดี ให้ร่วมตรวจสอบและจัดการกับข้าราชการไม่ดี กลายเป็นวัฒนธรรมการเมืองใหม่ที่ยั่งยืน รวมทั้งสร้างการเมืองใหม่ได้ในอนาคต เพราะประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับมาตรการอารยะขัดขืนชุดต่อไปเป็นอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า ในเย็นวันพรุ่งนี้ หรือวันเสาร์ อาจจะมีมาตรการอารยะขัดขืนชุดที่ 2 ออกมา อย่างไรก็ตาม หากสื่อมวลชนเองมีอะไรค้างคาใจเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของกลุ่มพันธมิตรฯก็อย่าแบกเอาไว้ สามารถมาบอกที่ตนได้ หากเราบรรเทาให้ได้ ก็จะรีบดำเนินการทันที
สำหรับกรณีที่ นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง ระบุว่า ไม่อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯ ไปให้กำลังใจในวันที่ 16 มิ.ย.นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า เราเข้าใจความห่วงใยของ นายสุเมธ ที่ห่วงเรื่องปัญหาการจราจรติดขัด แต่หากชั่งน้ำหนักดูจะเห็นว่าผลประโยชน์ของชาติสำคัญกว่า ยืนยันว่า วันที่ 16 มิ.ย.จะเดินทางไปที่ กกต.อย่างแน่นอน ซึ่งได้มีการประสานตำรวจเรียบร้อยแล้ว โดยจะตั้งขบวน และเดินขบวนออกจากสนามศุภชลาศัย โดยใช้ถนนเพียงเลนเดียว ทั้งนี้ อาจมีการตั้งเวทีย่อยที่หน้า กกต.เพื่ออ่านแถลงการณ์ด้วย
