xs
xsm
sm
md
lg

ทนายกู้ชาติ ฟ้องแน่! “หมัก” หมิ่นศาล บ่นไม่เลิกคุ้มครอง astv

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สุวัตร อภัยภักดิ์” เตรียมฟ้อง “หมัก” ข้อหาหมิ่นศาลสัปดาห์หน้า หลังบ่นไม่เลิกกรณีศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองเอเอสทีวี แฉ ทนายปริศนา มือหิ้วเงิน 2 ล้านติดสินบนศาล ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าเก่าที่เคยทำคดีฟ้อง “สนธิ” ชี้ โทษถึงถอดตั๋วอนุญาตตลอดชีวิต แถมคดีอาญาฐานละเมิดอำนาจศาลอีกกระทง

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุวัตร์ อภัยภักดิ์ ให้ความเห็นในรายการ "News Hours" 

วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 17.35 น.นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า การไปฟ้องต่างจังหวัดนั้น มีหลักใหญ่ๆ สองเรื่อง คือ คุ้นเคยกับผู้พิพากษาในเขตนั้น อาจจะเคยตีกอล์ฟด้วยกัน หรือเป็นเขตอิทธิพลของตน หรือประการที่สอง คือ ต้องการให้จำเลยได้รับความลำบาก อย่างกรณีของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เขาลากไปที่จังหวัดเชียงราย

อย่างไรก็ตาม นายสุวัตร กล่าวถึงการลงโทษในวงการศาล กรณีที่ใช้ดุลพินิจผิดพลาดแล้วถูกตั้งกรรมการสอบ ว่า ระบบศาลไทยเขาพยายามกลั่นกรอง คนที่กว่าจะมาเป็นศาล ต้องดีจริงๆ เก่งจริงๆ พร้อมจริงๆ แต่ในหมู่น้ำใสก็มีน้ำขุ่น ในน้ำขุ่นก็มีน้ำใส ไม่มีทางจะ 100% ดังนั้น พระบิดาของกฎหมายไทย จึงได้เตือนว่าเป็นศาลอย่ากินสินบน เพราะมักจะมีการพยายามติดสินบนกันตลอดเวลา พวกนี้ก็พยายามจะวิ่งเต้น พวกศาลส่วนใหญ่ต้องยอมรับว่าเป็นคนดี

“ผู้พิพากษาใดเวลาสั่งการไปผิดพลาด เวลาขึ้นไปผู้ใหญ่ เขามีคณะกรรมการตุลาการ คอยดูว่าคุณสมบัติไม่เหมาะสม จะกลายเป็นมลทิน ต่อไปจะออกไปเป็นหัวหน้าศาล เป็นผู้ใหญ่ เป็นอธิบดี ฯลฯ ตราบาปพวกนี้จะติดไปตลอด” นายสุวัตร์ กล่าว

นอกจากนั้น นายสุวัตร ยังกล่าวถึงกรณีทนายความของนักการเมืองหิ้วเงินสองล้านบาทใส่เงินไปให้เจ้าหน้าที่ศาล ว่า ตนรู้ข่าววันแรก บอกได้เลยว่า เขาไม่ได้หิ้วไปให้เจ้าหน้าที่ศาลหรอก เจ้าหน้าที่ศาลเงินสองพันบาทก็ดีใจตายแล้ว เขาหวังจะให้ไปถึงข้างบน แต่เมื่อข้างบนอาจจะฟัง ว่า มีคนหิ้วกล่องขนมมาให้ ก็เลยบอกให้เด็กๆ เปิดออกมาแบ่งกันกิน พอเปิดมาก็เจอเงิน แต่เรื่องนี้ต้องนับถือ ศาลท่านดำเนินการทันที แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ตั้งคณะกรรมการไต่สวนมาแล้ว ไต่สวนให้ได้ว่าใครทนายคนไหนเอามาให้ ลงละเมิดอำนาจศาลก่อน พอได้ความว่าเงินใครเอามาให้ก็ติดสินบนตุลาการ แล้วสาวต่อไปให้ได้ว่าเงินก้อนนี้มาจากที่ไหน แบงก์ไหน ใครเบิกมา อย่างไร ใครเป็นตัวการ เอาตัวการมาลงโทษอีก

ส่วนที่เขาอ้างว่าคนขับรถไม่รู้เรื่องไปหยิบถุงผิด ให้หยิบถุงขนมดันไปหยิบถุงเงินนั้น นายสุวัตร์ กล่าวว่า มนุษย์เขาบอกลิ้นไม่มีกระดูก ก็โกหกตอแหลไปเรื่อย ถึงบอกว่าศาลเวลาสร้างเขามีเสาหกต้น ศาลคือศาลาโกหก ใครโกหกเก่งก็ชนะ เพราะฉะนั้นพวกนี้จะอ้างเหตุผลอะไรก็ได้ แต่เหตุผลฟังได้ไหม ถ้าฟังไม่ได้ก็ติดคุก

“เงินสองล้านเราต้องถือเป็นเงินก้อนใหญ่ เทียบกับเงินเดือนศาล 2 แสนบาท ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในคดีนี้ศาลเขาไม่รับ จึงเกิดเป็นเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำหน่อมแน้มที่สุด แล้วผมก็รู้ด้วยว่าใครทำ คงไปรับปากนายมาว่า ตนเองวิ่งได้จัดการได้ เคลียร์ได้ แล้วก็ใช้วิธีการโง่มาก ใส่กล่องไป เป็นวิธีที่ไม่ฉลาดเลย อย่างไรก็ตาม ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้ ปัจจุบันยังเป็นทนาย แล้วก็เคยเป็นทนายที่ฟ้องคุณสนธิ เป็นทนายให้คุณทักษิณกับพรรคไทยรักไทยฟ้อง คุณสนธิ ขณะนี้คดียังดำเนินการอยู่” นายสุวัตร กล่าว

นายสุวัตร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในวงการ ทนายที่เอาเงินไปพยายามติดสินบนศาลจะถูกถอนใบอนุญาตทุกราย ทนายความเมื่อเป็นแล้วเขาเรียกว่ามีพระราชบัญญัติทนายความ ว่าด้วยมารยาททนายความ ระบุว่า ทนายความคนใด ประพฤตินอกกรอบ ติดสินบนศาล วิ่งเต้นคดี ถอนใบอนุญาตอย่างเดียว แล้วก็ขึ้นบัญชีเป็นแบล็คลิสต์เลย จะมาตีตั๋วใหม่อีกไม่ได้เลย

ทั้งนี้ นายสุวัตร ในฐานะทนายความของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และบริษัท ไทยเดย์ จำกัด ได้กล่าวถึงกรณีที่มีการพยายามจะปิดเอเอสทีวี ว่า เราฟ้องคดีเมื่อวันที่ 31 ม.ค.2549 และขอบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ซึ่งตอนนั้นเขาจะปิดไม่ให้เราส่งสัญญาณทันที คดีอาญาไปแจ้งที่ สน.ชนะสงคราม กรมประชาสัมพันธ์ มีคำสั่งไปที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยตอนนั้น ว่า ห้ามไม่ให้เราใช้สัญญาณดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต ตนก็ฟ้องทันทีในวันที่เขามีคำสั่ง แล้วก็มีการไต่สวนบรรเทาทุกข์ชั่วคราวในวันที่ 2 ก.พ.2549 ซึ่งศาลก็มีคำสั่งบรรเทาทุกข์ชั่วคราว แต่กรมประชาสัมพันธ์ อุทธรณ์คำสั่งตอนนั้นเราฟ้องไปที่ศาลปกครองกลาง เมื่อคำสั่งขึ้นไปถึงศาลปกครองสูงสุด ยืนคำสั่งเดิมให้คุ้มครองเอเอสทีวีต่อไป เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ การจะปิดโทรทัศน์หรือสื่อทำไม่ได้

นายสุวัตร กล่าวต่อว่า จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 ม.ค.2551 ปีนี้ ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้เอเอสทีวีชนะคดี และให้กรมประชาสัมพันธ์จ่ายค่าเสียหายในระหว่างมีคำสั่งห้ามแพร่ภาพชั่วคราวช่วง 6 วัน ได้วันละสองหมื่น ดังนั้น ทุกขั้นตอนดำเนินงานของเอเอสทีวีไม่ผิดกฎหมาย คำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ม.ค.2551 กรมประชาสัมพันธ์ยังอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด แต่บัดนี้ยังไม่มีคำพิพากษา

“แต่การที่คุณสมัครออกมาพูดในรายการสนทนาประสาสมัครซ้ำๆ ว่า เอเอสทีวีช่องนี้ด่ารัฐบาลอยู่เรื่อยเลย ศาลยังคุ้มครองอยู่นะ ศาลยังคุ้มครองอยู่นะ พูดซ้ำๆ กันถึง 6 ครั้ง เหมือนพยายามชี้ให้เห็นว่านี่ด่ารัฐบาลแล้วศาลยังคุ้มครองอยู่ได้ยังไง เป็นการละเมิดอำนาจศาลนะ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าผมจะลากนายกฯขึ้นศาลปกครอง ในข้อหาละเมิดอำนาจศาล จะบอกว่าศาลปกครองตัดสินไม่ยุติธรรมใช่ไหม คุณกำลังดูถูกศาลอย่างนี้ใช่ไหม ผมเตรียมทำคำร้องแล้ว เดี๋ยวเจอกันแน่” นายสุวัตร กล่าว

นายสุวัตร ระบุด้วยว่า ในตอนนี้เขาไม่มีทางปิดเอเอสทีวีได้ ถ้าเขาทำได้ทำไปนานแล้ว เอเอสทีวี คือ หนามยอกอก เขาอยากจะปิดตั้งแต่ยุคพ่อเขาแล้ว ยุคลูกก็ยังปิดไม่ได้ เพราะเอเอสทีวีไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดกระจายภาพในประเทศไทยเลย ถ้าจะปิดเอเอสทีวีก็ต้องไปปิดซีเอ็นเอ็น อย่างไรก็ตาม จำได้ไหมตอนที่แบนรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท.ครั้งแรก ชาวบ้านมาดูรายการที่สวนลุมพินีกันมากมาย รัฐบาลปวดหัวเลย แล้วตอนนี้ถ้าคิดจะปิดเอเอสทีวีคิดให้ดี

ส่วนกรณีที่ นายเฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวหาว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นพวกพม่านั้น นายสุวัตร์ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว นายเฉลิม พูดจาฉลาด ถ้าเขาพลิกอีกนิดเดียวตรงนั้นติดคุกนะ เขาบอกพวกเราเป็นพม่า คุณเป็น รมว.มหาดไทย ทำไมไม่มาจับ ก็เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบ้ติหน้าที่ นี่พม่ามากัน กำลังผิดกฎหมายนี้ ทำไมไม่ออกมาจับ
กำลังโหลดความคิดเห็น