ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) มีมติเอกฉันท์รับโอน “สุนัย มโนมัยอุดม” เลขาฯ ป.ป.ท.กลับศาลยุติธรรม เตรียมพิจารณาคุณสมบัติ อายุราชการ จัดลงตำแหน่งที่เหมาะสม ขณะที่เจ้าตัวสุดดีใจ ซาบซึ้งในคำสั่ง พร้อมขอบคุณ ก.ต.ที่เชื่อมั่นในตนเอง ด้าน "สมพงษ์" ยินดีกับ "สุนัย" และยังไม่คิดหาใครนั่งตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ท.แทน ระบุ ไม่เคยนิ่งเฉยกับกรณีสุนัยถูกหมายจับ สั่ง "กิตติพงษ์" ดูแลเต็มที่
วันนี้(9 มิ.ย.)ที่ศาลฎีกา สนามหลวง นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการ หรือ ก.ต.ซึ่งมีนายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน โดยวาระสำคัญเป็นวาระที่นายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอโอนกลับมาเป็นข้าราชการตุลาการ ซึ่งที่ประชุม ก.ต.มีมติให้รับ นายสุนัย กลับได้ตามที่ร้องขอ
ด้านนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ที่ประชุม ก.ต.มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ หลังพิจารณาคำร้องขอโอนย้ายกลับมายังสำนักงานศาลยุติธรรม รวมทั้งพิจารณาหนังสือชี้แจงเรื่องคดีความต่างๆ ที่นายสุนัยถูกฟ้องร้องหรือถูกพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ ก.ต.จะพิจารณาเรื่องคุณสมบัติ และอายุราชการ ของนายสุนัย เพื่อดูว่าจะให้กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งใด รวมทั้งลำดับอาวุโส ที่จะเหมาะสม แล้วนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อพิจารณาโปรดเกล้าฯ เป็นผู้พิพากษา โดยคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 45 วัน
เมื่อถามว่า ก.ต.ได้พิจารณาถึงปัญหาคดีความต่างๆที่นายสุนัย ถูกฟ้องร้องระหว่างไปปฏิบัติหน้าที่อธิบดีดีเอสไอ หรือไม่ นายสราวุธ ตอบว่า เรื่องคดีความก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นายสุนัยได้ทำหนังสือถึง ก.ต.ชี้แจงกรณีที่โอนไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วมีการสั่งฟ้องคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับพวกข้อหาปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซี แอสเสท ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1 พันล้านบาทต่อศาลแพ่ง จากการสั่งคดีดังกล่าว ต่อมาชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลแพ่งมีคำสั่งไม่รับฟ้องเพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง อย่างไรก็ตามต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณได้ไปแจ้งความให้ตำรวจ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทจากการให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีเอสซีแอสเสท และถูกออกหมายจับ ซึ่งนายสุนัยชี้แจงต่อ ก.ต.ว่ามีการประสานขอเข้ามอบตัวในชั้นอัยการแล้วแต่ยังถูกตำรวจเร่งรัดออกหมายจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับนายสุนัย เคยเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ก่อนที่จะขอโอนย้ายไปเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม เมื่อปลายปี 2549 หลังคณะปฎิรูปการปกครองในนระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ( คปค.) ยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทั่งพรรคพลังประชาชนมาเป็นรัฐบาล นายสุนัย จึงถูกย้ายไปเป็น เลขาธิการ ป.ป.ท ดังกล่าว
ทางด้าน นายสุนัย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก ก.ต.แล้ว ซึ่ง ก.ต.เห็นใจตนจึงมีมติโอนกลับ ตนรู้สึกดีใจ เป็นธรรมดาที่จะได้กลับไปทำงานที่ตนเองชอบ ตนเองรัก โดยตลอดเวลาที่ทำงานมาเกือบ 30 ปี ถือว่าการมาทำงานที่กระทรวงยุติธรรมเป็นการมาทำงานชั่วคราว ซึ่งตนขอขอบคุณ ก.ต.ทุกท่านที่มีความเชื่อมั่นในการทำงาน และเชื่อมั่นในตนเอง
“มั่นใจว่า ก.ต.เค้ารู้ว่าจะได้กลับไปทำงานที่ศาลอย่างแน่นอน แต่จะกลับตำแหน่งอะไรขึ้นอยู่กับ ก.ต.พิจารณา” นายสุนัย กล่าว
ทางด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการข้าราชการตุลาการ (ก.ต.) มีมติรับนายสุนัย มโนมัยอุดม เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) กลับศาลยุติธรรม ว่า ตนขอแสดงความยินดีกับนายสุนัย โดยตนจะโทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนายสุนัยด้วยตนเอง ส่วนตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ท.ที่จะว่างลงนั้น จะยังไม่มีการสรรหาจนกว่าขั้นตอนการกลับศาลยุติธรรมของนายสุนัยจะเสร็จสิ้นลง ในส่วนคดีหมิ่นประมาทที่นายสุนัยถูกออกหมายจับนั้น ตนไม่ได้เพิกเฉยแต่ได้มอบหมายให้นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้าไปช่วยเหลือและดูแลอย่างเต็มที่
“สุนัย” ชำแหละการเมืองแทรกแซง DSI
“กิตติพงษ์” ยันคดี “สุนัย” หมิ่น “แม้ว” ต้องเป็นธรรมทุกฝ่าย
ตร.ไม่จับ “สุนัย” หลังประสานจะเข้าพบพนักงานสอบด้วยตัวเอง
