โฆษก คตส.แฉกองปราบฯ เลือกปฏิบัติออกหมายเรียก พบพิรุธ! หมกเม็ดคดี คตส.ฟ้องตระกูลชินวัตร อ้างส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดแต่ไม่มีรายละเอียด จี้ ผบ.ตร.แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนด่วน
วันนี้ (10 มิ.ย.) นายสัก กอแสงเรือง คณะกรรมการการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะโฆษก คตส. เปิดเผยถึงกรณีทำหนังสือสอบถามไปยังกองปราบปรามถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีเกี่ยวกับบุคคลในตระกูลชินวัตร ถูก คตส.แจ้งความดำเนินคดีหลายกรณีว่า กองปราบปรามเพิ่งได้แจ้งความคืบหน้าให้ คตส.ทราบในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกองปราบปรามได้ชี้แจงว่า คดีทั้งหมดได้ส่งให้อัยการสูงสุดเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อ คตส.ได้สอบถามว่าได้ดำเนินการออกหมายเรียกบุคคลที่ คตส.แจ้งความดำเนินคดี รวมถึงมีการขอออกหมายจับ และเหตุผลของการส่งฟ้องต่ออัยการสูงสุด ทางกองปราบปรามก็ไม่สามารถที่จะให้รายละเอียดทั้งหมดได้ ซึ่ง คตส.ก็แปลกใจเหมือนกันในฐานะที่เป็นโจทก์ฟ้องกลับไม่รับทราบความหน้าของคดี แต่ในทางกลับกัน คดีที่ คตส.ถูกฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับรีบดำเนินการ ซึ่งในทางกฎหมายประเด็นการฟ้องกลับในคดีหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่จะไม่ค่อยรับฟ้อง เพราะจะเป็นการฟ้องกันไปมาไม่รู้จักจบ แต่ปรากฏว่ากองปรามปรามกลับรีบดำเนินการต่อ คตส.อย่างเร่งด่วน
นายสัก กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ คตส.ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เหตุใดกองปราบปราบจึงได้ดำเนินการเช่นนี้ ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. คตส.จึงได้ส่งหนังสือลงนามโดยนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ถึง ผบ.ตร. เพื่อทราบความคืบหน้าคดีที่ คตส.ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อบุคคลในตระกูลชินวัตร พร้อมทั้งขอรายละเอียดว่าได้ออกหมายเรียกให้มาข้อมูลต่อพนักงานสอบสวนเมื่อไหร่ หากไม่มีการออกหมายเรียกซ้ำหรือไม่ และมีการออกหมายจับ โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนเหมือนกับที่ คตส.โดนในขณะนี้หรือไม่ ซึ่งแต่ละคดีที่ คตส.ได้แจ้งความไปนั้นเป็นเวลานานมากแล้ว แต่ยังไม่เห็นมีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คตส.ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อบุคคลใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย กรณีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา จงใจขัดหมายเรียกไม่ยอมมาให้ข้อมูลต่อ คตส.ในคดีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หลังจากขอเลื่อนมาแล้ว 5 รอบ โดยอ้างติดภารกิจในต่างประเทศ กรณีนายพานทองแท้ กับ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาวและบุตรชาย กรณีเดินทางมาพบ คตส.แต่ไม่ยอมให้ปากคำ โดยมีเจตนาจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงาน รวมถึงทีมทนายหลายคน โดยทั้งหมดมีความผิดจงใจขัดหมายเรียกมาให้ข้อมูลต่อ คตส. ซึ่งออกตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ข้อ 5 ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา 25 (1) และ มาตรา 79 และตามระเบียบ คตส.ข้อ 14 (7) และข้อ 19 ที่ระบุว่าผู้ได้ขัดหมายเรียก มีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 118 มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังมีคดี คตส.ฟ้องบริษัท สำนักงานกฎหมายนิติเอกราช จำกัด ได้ส่งหนังสือแจ้งยัง คตส.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2550 เพื่อให้ยุติการละเมิดและให้เพิกถอนการอายัดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว ที่กล่าวหาว่า คตส.มีเจตนามุ่งหมายเจาะจงกลั่นแกล้ง เลือกปฏิบัติ จนทำให้ครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เสียหาย จึงได้เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2550 แต่ต่อมาสำนักงานกฎหมายนิติเอกราช แจ้งความกลับ จนนำไปสู่การออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 มิ.ย. ซึ่งจะนำไปสู่การขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไป