“สนธิ” เป็นตัวแทน 5 แกนนำพันธมิตรฯ นำประชาชนผู้รักชาติ จุดเทียนพร้อมกล่าวคำถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสครองสิริราชสมบัติครบ 62 ปี พร้อมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” กึกก้องถนนราชดำเนิน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สนธิ ลิ้มทองกุล นำกล่าวคำถวายพระพร
เมื่อเวลาประมาณ 20.10 น.วันที่ 9 มิถุนายน 2551 นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เป็นตัวแทน 5 แกนนำพันธมิตรฯ และประชาชน จุดเทียนถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสครองสิริราชสมบัติ ครบ 62 ปี ณ เวทีการชุมนุมประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นได้นำกล่าวคำถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดังนี้
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นองค์กรประชาชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในฐานะที่เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทยที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลถวายพระพรเนื่องในมหามงคลสมัยที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เสด็จขึ้นเสวยสิริราชสมบัติและครองสิริราชสมบัติครบ ๖๒ ปี ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ นี้
นับแต่ราชอาณาจักรไทยโดยองค์พระปฐมบรมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ได้ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว แผ่นดินแห่งราชอาณาจักรนี้ได้อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ อาณาประชาราษฎรทุกหมู่เหล่าได้รับความร่มเย็นเป็นสุข สามารถประกอบสัมมาอาชีพได้อย่างปกติสุข และเจริญรุ่งเรือง
ล่วงถึงระยะเวลา ๖๒ ปีก่อนหน้าวันนี้ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้สืบสิริราชสมบัติแห่งราชวงศ์จักรีวงศ์ เสด็จเถลิงถวัลย์ราชเป็นพระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทยสืบมา ในครั้งนั้นทรงเปล่งพระปฐมบรมราชโองการอันศักดิ์สิทธิ์สะท้านฟ้าสะเทือนดินว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” และนับแต่นั้นมาก็ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจทุกสถาน เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามตามพระปฐมบรมราชโองการนั้น
ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม อาณาประชาราษฎรทั้งปวงจึงได้รับความร่มเย็นเป็นสุข แผ่นดินก็เป็นปกติสุข และเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับมา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ปวงชนชาวไทยหาที่สุดมิได้ พระมหากรุณาธิคุณดังกล่าวนี้ได้ฝังซึ้งตรึงใจในหัวใจของคนไทยทุกคนอย่างหนักแน่นมั่นคงมิ คลอนแคลน และหมายที่จะถวายความจงรักภักดี แม้กระทั่งขออุทิศชีวิตเป็นราชพลีเพื่อความสถิตสถาพรแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมราชจักรีวงศ์
ประชาชนชาวไทยผู้จงรักภักดีแม้ไม่มีอาวุธ แม้ไม่เคยมีโอกาสได้ถวายสัตย์ปฏิญาณในการพระราชพิธีใดๆ แต่มีจิตใจสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมราชจักรีวงศ์ ของสถาบันพระมหากษัตริย์ และในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงได้ประพฤติตามแบบอย่างของบรรพบุรุษทำการต่อสู้กับอริราชศัตรูที่แฝงตัวเข้ามายึดครองอำนาจในบ้านเมือง
และด้วยพระบารมีปกเกล้า แม้ฝนจะตกอย่างหนักในหลายเวลา แสงแดดจะแผดกล้าในหลายวัน การข่มขู่คุกคามด้วยอำนาจมืดอิทธิพลเถื่อนและเหล่าอันธพาลที่รัฐบาลอุ้มชูจะหนักหนาสาหัสและเกิดความทุกข์ทรมานสักปานใด ก็ไม่สามารถบั่นทอนจิตใจต่อสู้เสียสละกล้าหาญของประชาชนผู้จงรักภักดีที่สืบทอดอุดมการณ์และจิตวิญญาณการต่อสู้ของบรรพบุรุษได้
ในวันนี้ประชาชนผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ตื่นตัวขึ้นในขอบเขตทั่วประเทศและทั่วโลกแล้ว ในหัวใจทุกดวงเต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดีต่อพระบรมราชจักรีวงศ์ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และต่อพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ล้วนมีจิตใจพร้อมยอมพลีชีวิตอุทิศถวายเป็นชาติพลีและเป็นราชพลีทุกเมื่อ
ในมหามงคลสมัยนี้ ผองข้าพระพุทธเจ้าขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะขออุทิศชีวิตเลือดเนื้อเพื่อเป็นชาติพลีและราชพลี เพื่อถวายความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จะพิทักษ์ปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้สถิตสถาพรคู่ราชอาณาจักรไทยสืบไป
ในมิ่งมหามงคลสมัย ผองข้าพระพุทธเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐานขออานิสงส์แห่งคุณงามความดีที่ได้ประพฤติปฏิบัติมาตลอดชีวิตจงสัมฤทธิผล ดลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงพระเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ สติปัญญา ปฏิภาณ สถิตย์เป็นมิ่งขวัญ เป็นฉัตรชัย เป็นธงชัย เป็นหลักชัย ให้กับราชอาณาจักรไทยและปวงชนชาวไทยตลอดไปทุกเมื่อเทอญ”
ทั้งนี้ ภายหลังกล่าวคำถวายพระพรฯ เสร็จ นายสนธิได้นำประชาชนเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” กึกก้องถนนราชดำเนินนอก ก่อนที่จะร้องเพลงสดุดีมหาราชา เพลงความฝันอันสูงสุด พร้อมกันโดยมี ชัชชัย สุขาวดี หรือ หรั่ง ร็อคเคสตร้า และนักร้องที่เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ มาร่วมกันร้องเสียงกระหึ่มไปทั่วบริเวณ