xs
xsm
sm
md
lg

"ทรงพระเจริญ"กึกก้องราชดำเนินพันธมิตรถวายพระพรครองราชย์62ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯนำประชาชนนับหมื่น ร่วมถวายพระพรเนื่องในวโรกาส ในหลวงครองราชย์ครบ 62 ปี ก่อนร้องเพลงสดุดีมหาราชาก้องถนนราชดำเนิน ขณะที่ช่วงบ่ายประชาชนหลายพันบุกให้กำลังใจ คตส. "นาม" พร้อมลูกทีมน้ำตาคลอ รับดอกไม้ มีมติไม่ไปกองปราบตามหมายเรียก ลั่นอยู่ทำงานรอตำรวจมาจับ ด้านตำรวจกองปราบ ประกาศถ้าไม่มาเตรียมเสนอออกหมายจับ พันธมิตรฯเลื่อนประกาศอารยะขัดขืนเป็นวันนี้ ทวงถาม 5 พรรคร่วมรัฐบาล ผิดเงื่อนไขเล่นงาน คตส. ส่วนสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ เตรียมถกยุทธศาสตร์อารยะขัดขืนตามแนวคิดพันธมิตรฯ

พันธมิตรฯ นำจุดเทียนชัยถวายพระพร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (9 มิ.ย.) เวลา 20.15 น.แกนนำพันธมิตรประชาธิปไตยเพื่อประชาชน ได้ขึ้นเวที โดยมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวถวายพระพรเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองราชย์ครบ 62 ปี โดยมีประชาชนหลายหมื่นคนสวมเสื้อเหลืองยืนเรียงรายกันจากสะพานมัฆวานรังสรรค์ไปจนถึง เวทีมวยราชดำเนิน ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรสว่างไสวไปทั่วบริเวณถนนราชดำเนิน

หลังจากถวายพระพรเสร็จประชาชนได้ร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา เสียงดันสนั่นหวั่นไหว เมื่อจบเพลงต่างเปล่งเสียง พร้อมกันว่า "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องไปทั่ว ระหว่างนั้นฝนได้โปรยปรายลงมาเล็กน้อยเปรียบเหมือนพระที่มาจากฟากฟ้า หลังจากนั้น หรั่ง ร๊อคเคสตร้า ศิลปินชื่อดังได้นำร้องเพลง "เราสู้" และ "ความฝันอันสูงสุด"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ในระหว่างร้องเพลงสดุดีมหาราชา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ริมรั้วสะพานมัฆวานต่างสับเปลี่ยนกำลังโดยไม่สนใจที่จะยืนเคารพแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผบ.ตร. ได้นำตำรวจ ที่สับเปลี่ยนกำลังบริเวณด้านหลังเวที 900 คน ร้องเพลงสดุดีมหาราชาเช่นกัน แต่ไม่ได้มีการจุดเทียนแต่อย่างไร

พันธมิตรฯ 5 พันบุกให้กำลังใจ คตส.

ก่อนหน้านี้ ในช่วงบ่าย วานนี้ (9 มิ.ย.) กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางมาให้กำลังใจ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย จาก 11 สน. อาทิ บางซื่อ เตาปูน พหลโยธิน และสุทธิสาร เข้ามาตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าตึก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สถานที่ทำงานของ คตส. โดยมีการตรวจเข้มรถที่เข้าออกภายในบริเวณกระทรวงการคลังอย่างเข้มงวด กระทั่งเวลา 11.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการปิดประตูทาง เข้า สตง.ด้านติดกับกรมประชาสัมพันธ์ และกรมบัญชีกลาง พร้อมทั้งนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณอาคาร สตง.สถานที่ทำงานของ คตส.อีกชั้นหนึ่ง

ต่อมาเวลา 13.30 น. กลุ่มพันธมิตรฯ สวมเสื้อสีเหลืองกว่า 5 พันคนนำโดย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาถึงที่ทำงาน คตส. เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากมาให้กำลังใจจนเต็มหน้าสำนักงาน สตง.บางส่วนล้นออกไปถึงตึกกรมบัญชีกลาง และทะลักออกนอกรั้วของกระทรวงการคลังจนเต็มถนนซอยอารีย์ ท่ามกลางพายุฝนที่ตกลงมาอย่าหนัก ขณะที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯใช้รถเวทีชั่วคราวติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่มาจอดหน้า สตง.เพื่อปราศรัย

นายสุริยะใส ได้อ่านแถลงการณ์ในนามกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อสนับสนุน การทำงานของ คตส.ว่า การทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการต่างๆที่ดำเนินการภายใตรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ภายใต้เวลาอันจำกัดของ คตส.พบว่ามีการกระทำอันทุจริตถึง 16 เรื่อง และทำให้ได้รับความรัฐเสียหายเป็นเงินกว่า 1.8 แสนหมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้คตส.ได้อายัดทรัพย์ของผู้ทุจริตไว้ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเสียหายของประเทศชาติ และสามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลได้เพียง 2 คดี

นายสุริยะใส กล่าวว่า สำหรับคดีที่เหลือทั้งหมดยังถูกเจ้าหน้าที่ในระบอบทักษิณยื้อไว้เพื่อไม่ให้นำความผิดเข้าสู่การพิจารณาของศาล จึงอยากขอให้อัยการสูงสุด ดำเนินคดีเพื่อรักษากฎหมาย และกลุ่มพันธมิตรฯ อยากชี้ให้สังคมเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับคนคิดร้ายในแผ่นดิน

อย่างไรก็ตามจากการทำงานของคตส.ที่ผ่านมา ได้ประจักษ์ว่าได้ยืนหยัดปฎิบัติหน้าที่อย่างเด็ดเดี่ยว เสียสละ กล้าหาญ ไม่เคยท้อต่ออุปสรรคและการขัดขวางต่างๆ เป็นสัญลักษณ์ของการปฎิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ ประชาชนทั่วประเทศ จึงอยากให้กำลังใจ คตส.ทำงานต่อไป เพราะขณะนี้ได้มีวิชามาร มาทำร้าย คตส.ผ่านอำนาจรัฐ ดังนั้นจึงอยากให้ คตส.สู้ต่อไป เพื่อเอาความจริงมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน

ฟ้ารับรู้การต่อสู้เพื่อปราบคนโกง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น คตส.ทั้ง 10 คน นำโดยนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ได้พักการประชุมชั่วคราวลงมาพบกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณหน้าตึกสตง. พร้อมทั้งโบกมือทักทายท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้อง ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ชุมนุม มอบดอกกุหลาบและพวงมาลัยเพื่อให้กำลังใจ คตส.ซึ่งบรรยากาศเป็นอย่างคึกคักท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่นอกบริเวณอาคาร เปียกฝนไปตามๆกัน

คุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา ในฐานะตัวแทนคตส. กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีประชาชนมาให้กำลังใจมากเพียงนี้ และคตส.จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ในช่วงเช้า มีคนนำรูปพระเจ้าตากมามอบให้ และหากคตส.มีพระเจ้าตากสินนำทัพก็จะนำไปฆ่าผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นพระเจ้าตากได้สำเร็จ

ทั้งนี้ เมื่อคุณหญิงจารุวรรณ พูดจบประโยคดังกล่าว ได้เกิดเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงดังกึกก้อง จนทำให้ประชาชนส่งเสียงเฮดังลั่นสนั่นไปทั่วบริเวณ จนทำให้ คุณหญิงจารุวรรณหันมากล่าวว่า ฟ้าดินเป็นพยานให้กับเรา

ขณะที่ นายกล้านรงค์ จันทิก กล่าวยืนยันว่า คตส.ทำตามหน้าที่และกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง คตส.ทุกคนทำงานมีแต่เสมอตัวกับขาดทุน คตส.ไม่เคย เรียกร้องให้ต่ออายุตัวเองและทำทุกอย่างด้วยความเที่ยงธรรม ขณะนี้ กรรมการ คตส. แต่ละคนถูกฟ้องคดีทางเพ่งคนละ 1 แสนล้านบาท รวมทั้งถูกฟ้องคดีอาญากว่า 10 คดี ซึ่งคตส.ไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากใคร โดยพร้อมจะทำงานอุทิศตัวให้ประเทศชาติต่อไป

"นาม" นึกถึงชาวบ้านบางระจัน

นายสัก แสงเรือง กรรมการคตส. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปรากฎการณ์ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่ประชาชนมาให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำงานเกี่ยวกับการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น เป็นการแสดงให้เห็นว่าประชาชนอยากให้ เอาคนผิดมาลงโทษ เพื่อจะรักษาไว้ซึ่งแผ่นดินถือเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจ ดังนั้นคตส.จะทำงานให้สมกับความคาดหวังของประชาชน

ขณะที่ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นึกย้อนไปถึงกลุ่มชาวบ้านบางระจัน ที่ออกมาช่วยกันกู้ชาติ เพื่อเป็นการปกป้องสมบัติของชาติ พิทักษ์ไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำให้ตนปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ไม่หวั่นไหวกับอุปสรรคที่เกิดขึ้น และจะทำงานต่อไปจนถึงที่สุดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรับช่อดอกไม้เสร็จ ประชาชนเป็นจำนวนมาก ต่างกรูเข้ามาขอลายเซ็นพร้อมทั้งถ่ายรูป เป็นที่ระลึกร่วมกับกรรมการ คตส.ทั้ง 10 คน จนทำให้กรรมการต่างปราบปลื้มและน้ำตาคลอเบ้าไปตามๆ กัน อาทิ นางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ คุญหญิงจารุวรรณ

คตส.มีมติไม่ไปกองปราบปรามวันนี้

นายสัก กรรมการและโฆษก คตส. ได้แถลงภายหลังการประชุม คตส.ว่า ที่ประชุมมีมติไม่ไปพบพนักงานสอบสวนของกองปราบปราม ที่ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ในวันนี้ (10) โดย คตส.จะไม่ไปไหนและจะมาปฏิบัติหน้าที่ที่ คตส.ตามปกติ พร้อมกันนี้ คตส.ได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอให้พิจารณาคำสั่งของกองปราบปราม โดยแนบเอกสารเหตุผลที่ไม่ไปพบตามหมายเรียก พร้อมแนบ คำพิพากษาของศาลฎีกา กรณียกคำร้องที่ฟ้องร้องหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เพื่อประกอบการตัดสินใจ

นายสัก กล่าวอีกว่า คตส.ถือว่า ผบ.ตร.มีส่วนรับรู้ในการกระทำครั้งนี้ของ กองปราบปรามด้วย ดังนั้น ถ้าจะขอศาลออกหมายจับจริง ขอให้นายตำรวจชั้นยศพันตำรวจเอกขึ้นไป ขอออกหมายจับ เพราะตามคำสั่งหมายเรียก ลงชื่อนายตำรวจยศชั้นพันตำรวจเอก ถ้าจะให้นายตำรวจชั้นร้อยตำรวจตรีไป ก็ถือว่าไม่เหมาะสม

กองปราบจ้องออกหมายจับ คตส.

ด้าน กองบังคับการปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากออกหมายเรียก นายนาม พร้อม คตส.และเจ้าหน้าที่รวม 12 คน ให้มารับทราบข้อหาหมิ่นประมาท และข้อหาแจ้งความเท็จเพื่อให้ผู้อื่นต้องได้รับโทษทางอาญา ตามที่นายยงยุทธ รักษ์หิรัญ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท กฎหมายนิติเอกราช จำกัด ซึ่งเป็นทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากครอบครัวชินวัตร และดามาพงศ์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ คตส.โดยพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้รับหนังสือชี้แจงจาก คตส.ส่งมาแล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่า ทาง คตส.จะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันเวลาที่กำหนดหรือจะเลื่อนนัดออกไป

แหล่งข่าวจากพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า หากทางนายนาม กับพวก ยังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ทางพนักงานสอบสวน ก็จะนำหนังสือชี้แจง ที่ คตส.มอบให้มาดูอีกครั้งว่า คตส.มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ อย่างไร จากนั้นจะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาว่าจะขออนุมัติออกหมายจับหรือไม่ต่อไป

พ.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ รองผบก.ป. กล่าวว่า หากนายนามกับพวกยังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาหนังสือที่คตส.ชี้แจงมาอีกครั้งว่ามีเหตุผลอย่างไร จากนั้นจึงจะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันว่าได้ดำเนินคดีนี้ตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง ไม่มีใบสั่งจากใคร และตนก็ไม่อยากให้การดำเนินคดีครั้งนี้ถูกนำไปโยงกับประเด็นการเมือง

เลื่อนประกาศยุทธศาสตร์อารยะขัดขืน

นายสุริยะใส กตศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงว่า ยุทธศาสตร์ดาวกระจายให้กำลังใจ คตส.ตนหวังว่า คตส.จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเพื่อพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ส่วนยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะเดินทางไปที่ไหนต่อนั้นแกนนำจะหารือกันก่อน โดยเบื้องต้นคิดว่าโปรแกรมจะอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ

ส่วนยุทธศาสตร์อารยะขัดขืนนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า การประกาศอารยะขัดขืนขอเลื่อนไปประกาศมาเป็นวันที่ 10 มิ.ย. เวลา 18.00 น. เนื่องจากวันนี้ (9 มิ.ย.) เป็นวันครบรอบ 62 ปีการขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันนี้จึงอยากให้มีภาพเป็นการที่พสกนิกรพากันจุดเทียนชัยถวายพระพรเพื่อแสดงความ จงรักภักดี ทั้งนี้มาตรการอารยะขัดขืนที่จะประกาศเชื่อว่าทุกฝ่ายจะเกิดความสบายใจ และร่วมปฏิบัติได้อย่างมั่นใจ เพราะมาตรการดังกล่าวเป็นสิทธิอันชอบธรรม ตามกรอบกฎหมายที่พลเมืองจะปฏิเสธนโยบายของรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม และยืนยันจะนำไปสู่การจลาจลอย่างแน่นอน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงมาตรการอาจจะมีการเปลี่ยนวันต่อวันหรือ 3 วันต่อ 1 ครั้ง ก็ต้องดูปฏิกิริยาจากประชาชนก่อน

ยันอารยะขัดขืนไม่ขัดต่อกฎหมาย

"อารยะขัดขืนนี้จะไม่ขัดต่อกฎหมายและเป็นสิทธิ์ที่ประชาชนทุกคนเข้ามา มีส่วนร่วมได้ ซึ่งอารยะขัดขืนจะมีตั้งแต่ระดับอ่อนสุดจนถึงแข็งที่สุด ซึ่งยังคงยึดหลักสันติ อหิงสาเช่นเดิม ส่วนจุดยืนการชุมนุมที่ยืดเยื้อของพันธมิตรฯจะเป็นแนวทาง การต่อสู้ระดับยุทธศาสตร์ระหว่างคนที่เอาและต่อต้านระบอบทักษิณ"

นายสุริยะใส ยืนยันว่าจะชุมนุมเพื่อเปิดโปงระบอบทักษิณที่ใช้อำนาจผ่านรัฐบาลลูกกรอก โดยจะทำหน้าที่ดำเนินการด้วยยุทธศาสตร์ทางการเมืองเปิดโปง ซึ่งตนเชื่อว่าวันหนึ่งประชาชนทั่วไปจะเข้าใจว่าสิ่งที่พันธมิตรฯได้ทำนั้นไม่ได้รับผลประโยชน์แต่อย่างใด และที่ทำก็เป็นการพิทักษ์ผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่และจะเข้าใจว่าพันธมิตรยอมเปลืองตัวเพราะอะไร

จี้ 5 พรรคร่วม ถอนตัวเหตุ พปช.ผิดเงื่อนไข

นายสุริยะใส ยังกล่าวเรียกร้องจี้ต่อมสำนึกของ 5 แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะนายบรรหาร ศิลปะอาชา ตนขอให้ 5 พรรคร่วมและนายบรรหารประกาศจุดยืนที่ชัดเจนต่อการร่วมรัฐบาล เพราะในกรณีที่รัฐบาลบิดเบือนสัญญาประชาคมของ 5 พรรคร่วม ซึ่งตำรวจกองปราบกำลังจะอนุมัติออกหมายจับ 11 กรรมการคตส.ทั้งหมด อยากให้ 5 แกนนำพรรคร่วมโดยเฉพาะนายบรรหารตัดสินใจว่าจะออกจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ และผมเชื่อว่าหาก 5 พรรคตัดสินใจในทางที่ถูก ก็จะเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมือง และปลดล็อกวิกฤติได้ และผมเชื่อมั่นว่าทั้ง 5 พรรคจะตัดสินใจไม่ผิดพลาดเป็นครั้งที่ 2

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้า 5 พรรคร่วมถอนตัวจากรัฐบาลพันธมิตรฯจะยุติจากการชุมนุมหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ต้องถามกลับไปว่าถอนตัวออกเพื่ออะไรดังนั้นต้องดูเหตุผล และพันธมิตรฯจะติดตามต่อว่ารัฐบาลต่อไปจะเป็นใคร ซึ่งหากการถอนตัวนำเป็นสู่การยุบสภาก็จะเป็นโอกาสสูงที่พันธมิตรจะพักการชุมนุมได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญา 5 ข้อ ที่พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินตั้งเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย 1.ต้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.ต้องไม่ก้าวล่วง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ 3.ต้องไม่มีการล้างแค้นใดๆ ทั้งสิ้น 4.พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรต้องกลับสู่กระบวนการยุติธรรม 5.ต้องไม่แตะต้อง คตส.

โต้นักวิชาการให้ยึดหลักการอย่าใช้หลักกู

ส่วนที่มีนักวิชาการระบุว่าการออกมาชุมนุมเป็นเพียงเกมที่ล้างแค้นระหว่าง นาย สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯกับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นั้นนายสุริยะใส กล่าวว่า เป็นการวิจารณ์ที่ขัดหลักวิชาการ และหลักกฎหมาย ซึ่งตนยอมรับว่าประชาชนที่มาร่วมชุมนุมส่วนหนึ่งมาเพราะรักนายสนธิ แต่ส่วนใหญ่ที่มาก็เพราะเห็นความล้มเหลวในการแก้ปัญหาประเทศของรัฐบาล ซึ่งตนอยากฝากว่าหากนักวิชาการจะวิจารณ์ก็ขอให้ยึดหลักและอย่าใช้หลักส่วนตัวและบิดเบือน เมื่อถามว่า ที่มองว่าเป็นเกมของทั้ง 2 คน นายสุรยะใส กล่าวยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะว่าการรวมตัวของพันธมิตรเป็นสิทธิ์และหน้าที่ของประชาชนที่จะมีการชุมนุม ทั้งนี้เป้าหมายของพันธมิตรฯคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเดินขึ้นศาลเพื่อต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่าคตส.ที่มีหน้าที่ไต่สวนบางคนก็เคยขึ้นเวทีของพันธมิตรมาก่อน นายสุริยะใส กล่าวว่า คตส.เขาก็ต้องพิจารณาไต่สวนตามกรอบกฎหมาย ถึงแม้จะเคยขึ้นเวทีพันธมิตรนั้นตนคิดว่าในส่วนของการพิจารณาคดีก็ต้องยึดกรอบ ตามกฎหมาย

ธงสุดท้ายพันธมิตรฯ "แม้ว" ต้องขึ้นศาล

นายพิภพ ธงไชย หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ธงสุดท้ายที่จะหยุดเคลื่อนไหวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ระหว่างทางอาจมีปัญหาเรื่องอื่นๆ ทั้งนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบางคน ที่พันธมิตรฯ จะต่อสู้เรียกร้อง

"เราต้องการเห็นพ.ต.ท.ทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เป็นขั้นตอนสุดท้าย รัฐธรรมนูญมาตรา 309 แก้ไม่ได้ ถ้าแก้มาตรา 309 พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ระหว่างทางก็มีการแทรกแซงกระบวนการยุติ"นายพิภพ กล่าว และว่า เราจะดูว่า มาตรา 309 ยังคาราคาซังอยู่หรือไม่ หากยังคาราคาซังอยู่ เราก็ต้องสู้ต่อไป

ส่วนกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำฯ ขึ้นปราศรัยบนเวทียื่นข้อ เรียกร้องต่อรัฐบาล 6 ข้อ นั้น นายพิภพ กล่าวว่า ยังไม่ได้นำมาหารือใน 5 แกนนำ เป็นความเห็นส่วนตัว ทดสอบสังคม กระบวนการ 5 แกนนำต้องได้รับฉันทามติ ขอให้ยึดคำแถลงที่เป็นทางการ ออกเป็นเอกสาร แถลงการณ์ยึดเป็นความคิดรวบยอด ของพันธมิตรฯ

สรส.เตรียมถกอารยะขัดขืน

นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศใช้แนวทางอารยะขัดขืน โดยประสานไปยังองค์กรแรงงานและสหภาพรัฐวิสาหกิจให้มีการหยุดงานทั่วประเทศ รวมทั้งตัดน้ำ ตัดไฟ เพื่อประท้วงรัฐบาล ว่า จุดยืน สรส. หากรัฐบาลใช้ความรุนแรง ในการปรามปราม กลุ่มประชาชนที่มาชุมนุมประท้วง ก็จะงัดมาตรการขั้นเด็ดขาดเท่าที่จะทำได้และวิธีการที่ดีที่สุด คือ การหยุดงานประท้วง รวมถึงการหยุดการจ่ายน้ำ ไฟฟ้า หยุดการเดินรถ เป็นต้น แต่ ณ ขณะนี้ สรส. ยังไม่มีมติที่จะใช้มาตรการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สรส.ยังคงติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหากสถานการณ์ความเดือดร้อนจากเรื่องปากท้อง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการ และหากยังดื้อรั้นยังคงมองข้ามความเดือดร้อน ทุกข์ยากของประชาชน สรส.พร้อมจะดำเนินมาตรการดังกล่าวทันที ซึ่งใน 1-2 วันข้างหน้านี้ สรส.จะประชุมประเมินสถานการณ์และจะหยิบยกมาตรการดังกล่าวมาพิจารณาด้วย

"ไม่ได้ขัดแย้งกับกลุ่มพันธมิตรฯ แต่เรื่องนี้ยังไม่มีมติในที่ประชุมของ สรส. แต่สำหรับข้อเสนอนี้ก็พ้องกับจุดยืนของ สรส. ซึ่งหากรัฐบาลยังดื้อรั้นไม่เร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง มัวแต่มุ่งประเด็นปัญหาทางการเมือง เพื่อตนและพวกพ้อง อันนี้ เราในฐานะประชาชน และกรรมกรทำได้อย่างเดียวที่จะต่อสู้เรียกร้องคือการหยุดงาน หากถึงขั้นวิกฤติก็พร้อมจะดำเนินการทันที"

นายเรียงศักดิ์ แขงขัน ประธานสหภาพแรงงานรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พร้อมที่จะดำเนินการตามมติของ สรส.เนื่องจากสหภาพรถไฟฯ เป็นหนึ่งในสมาชิกของ สรส.

ด้าน น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ทางกลุ่ม คสรท.จะมีการเคลื่อนไหวของ ภาคแรงงานครั้งใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มเครือข่ายสลัม 4 ภาค กลุ่มแรงงานนอกระบบ กลุ่มแรงงานข้ามชาติ สหภาพแรงงานย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ ร่วมแล้วจำนวนกว่า 1,000 คน โดยจะจัดกิจกรรมตั้งเวทีอภิปรายอยู่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำเสนอปัญหาและวิพากษ์ ง วิจารณ์การทำงารนของรัฐบาล ซึ่งยุทธศาสตร์นี้ ถือเป็น แนวทางการต่อสู้ในลักษณะแยกกันตี แยกกันเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตร เนื่องจากปัญหาค่าครองชีพและค่าแรงในขณะนี้จำเป็นต้องนำเสนอแยกออกมา ต่างหาก เพื่อให้ปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไขโดยด่วน

"จารุวรรณ" ยันที่ดินมีก่อนแต่งงาน

คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการคตส. กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชน กล่าวโจมตีว่าอยู่เบื้องหลังกลุ่มพันธมิตรฯ โดย บริจาคเงิน 1 แสนบาทให้กลุ่มพันธมิตรว่า ยอมรับว่ามีคนฝากเงินจำนวนดังกล่าว ผ่านตนจริง เพราะไม่สะดวกที่จะบริจาคด้วยตนเอง ตนจึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ไปบริจาคแทน เรื่องนี้ผิดกฎหมายอย่างไรไม่ทราบและไม่ใช่เงินส่วนตัวด้วย

ส่วนกรณีที่กลุ่มติดตามปฏิรูปการเมืองและต่อต้านคอร์รัปชั่น เครือข่าย แนวร่วมประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการ(นปก.) ระบุว่าร่ำรวยผิดปกติโดยสร้างบ้าน บนที่ดินกว่า 12 ล้านบาท คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า ไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน เพราะที่ดินผืนดังกล่าวได้มาตั้งแต่สามียังไม่มาขอแต่งงาน โดยมีโฉนดที่ดินอย่างชัดเจน และขณะนี้โฉนดดังกล่าวยังติดจำนองอยู่ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง เนื่องจากตนเอาไปจำนอง กู้เงินเพื่อสร้างบ้าน คนที่ทำงานราชการมากว่า 40 ปี จะไม่ให้มีเงินเก็บบ้างเลยหรือ แต่บ้านที่อยู่ตนก็กู้เงินมาสร้าง โดยธนาคารจะให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษแต่ไม่รับเพราะอยากให้ดำเนินการเหมือนลูกค้ารายอื่น

"ที่บ้านดิฉันก็ไม่ได้มีฐานะยากจน และไม่ถึงกับขี้ริ้วขี้เหร่ ใครจะเอาไปฟ้อง ป.ป.ช.ก็ไป ดิฉันพร้อมที่จะไปชี้แจงให้ข้อมูลเพราะมันไม่มีอะไร ที่ผ่านมา เคยมีคนหิ้วเงินมาให้ตั้ง 100 ล้านบาทดิฉันยังไม่รับ ซึ่งใครๆ ก็หาว่าดิฉันโง่ ไม่ใช่มารับเงินแค่ 3-4 หมื่น"

ส่วนที่พรรคพลังประชาชนระบุว่า คตส.อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯเพราะต้องการให้มีการต่ออายุ คตส.ออกไปอีก 1 ปีนั้น คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า "โอ๊ยอย่าต่อเลยค่ะ แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว อย่าต่อให้เลย คตส.เหนื่อยกันมามากแล้ว แค่นี้ก็ไม่สบาย และในวันที่ 30 มิ.ย.ก็หมดวาระแล้ว"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวถึงลอบทำร้าย คตส.ถึงขึ้นเอาชีวิต คุณหญิง จารุวรรณ กล่าวว่า เชื่อว่าหากใครมาทำร้าย คตส.กลุ่มพันธมิตรฯจะปกป้องอยู่แล้ว และอีกไม่นาน คตส.ก็จะไปแล้ว

"เป็ดเหลิม" บอกอารยะขัดขืนไร้สาระ

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีพันธมิตรฯ เตรียมยกระดับการชุมนุมเป็นอาระยะขัดขืน เสนอให้ประชาชนไม่จ่ายภาษีให้รัฐบาลว่า ตนขอไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับพันธมิตรฯ เพราะมองว่า เป็นเรื่องไร้สาระ ประชาชนในประเทศใดๆ ล้วนต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายในประเทศ ใครก็ตามหรือเป็นกลุ่มใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่พลเมืองอยู่ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ส่วนที่ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี อยากให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าวเพื่อเป็นทางออกให้กับชาติบ้านเมือง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เคยบอกไปแล้ว มีบุคคลไม่กี่คนในประเทศไทย เช่น นายอานันท์ นพ.ประเวศ วะสี นายโคทม อารียา หรือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4-5 คน ที่ตนไม่กล้าไปแสดงความเห็นว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หากเห็นด้วยจะหาว่า ไปเชลียร์ ลองใครไปแสดงความ ไม่เห็นด้วยกับคนเหล่านี้รับรองได้ ต้องกลายเป็นคนชั่วภายในพริบตา ดังนั้นตนไม่กล้าแสดงความเห็น และไม่ขอแสดงความเห็น

ส่วนผลสำรวจของเอแบคโพลล์ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการชุมนุม แต่มีเงื่อนไขต้องไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ต้องไปตื่นเต้นกับเอแบคหรอก ตนเห็นด้วยกับการชุมนุม มันต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย แต่การชุมนุมต้องไม่ไปกีดขวางทางจราจร เช่น ที่บริเวณท้องสนามหลวง สวนลุมพินี หรือวงเวียนใหญ่ เรื่องนี้ทุกคนคิดเป็นเหมือนกัน แต่นี้เหมือนกับเป็นบ้านป่า เมืองเถื่อนชอบทำกันตามใจ อย่างไรก็ตามกำลังหาทางออกอยู่ ส่วนคนมีหน้าที่ ก็ได้ทำอยู่แล้วรัฐบาลก็ทำอยู่ไม่ใช่ไม่ทำ

"อภิสิทธิ์" ติง "สมัคร" อย่าปฎิเสธทางออก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช น ปัดข้อเสนอของน.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสที่แนะให้อดีตนายกรัฐมนตรีหารือกันเพื่อหาทางออกวิกฤติปัญหาในบ้านเมืองว่า ข้อเสนอต่างๆ ที่ออกมาเพราะทุกคนมีความห่วงใยบ้านเมือง และเสียงที่สะท้อนจากประชาชนจำนวนมากก็เพราะอยากเห็นบ้านเมืองมีทางออก ซึ่งจะต้องช่วยกันคิดไปเรื่อย ๆ แต่สิ่งสำคัญคือไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่รัฐบาลขจัดเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาอยู่

"ผมก็ยืนยันว่าถ้ามีการปฏิเสธทางออกไปเรื่อย ๆ คนที่ลำบากที่สุดจะเป็นรัฐบาลเอง เพราะขณะนี้รัฐบาลยังไม่สามารถทำงานให้เป็นที่พอใจของประชาชนได้ และโอกาสที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จก็ยาก ตราบเท่าที่คนจำนวนมาก เห็นความไม่ชอบธรรมในการดำเนินการหลาย ๆ อย่าง หรือมีความหวาดระแวงสงสัยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากกว่าปัญหาของประชาชน ดังนั้นอย่ารีบปฏิเสธ ข้อเสนอต่าง ๆ อย่าไประแวงว่าคนเสนอจะมีเจตนาอะไร เพราะผมเชื่อว่าขณะนี้ทุกคน ที่พูดถึงทางออก ก็ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ แต่ต้องสงบอยู่บนพื้นฐานของ ความถูกต้อง"

ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศจะยกระดับการชุมนุมเป็นอารยะขัดขืน โดยอาจจะหยุดงานและงดจ่ายภาษีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า การเคลื่อนไหวจะต้องมีรูปแบบที่หลากหลายออกไป แต่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะต้องถูกลงโทษ ไม่เช่นนั้นจะไปเรียกร้องว่าอีกฝ่าย อย่าอยู่เหนือกฎหมายคงไม่ได้ เพราะต้องให้กระบวนการยุติธรรมบังคับใช้แบบเสมอภาคจริง ๆ ทั้งนี้ตนไม่ทราบมาตรการอารยะขัดขืนของกลุ่มพันธมิตร แต่ไม่อยากให้มีการทำอะไรที่ผิดกฎหมาย

"กองทัพ" ได้แค่ห่วงสถานการณ์

วันเดียวกัน มีการประชุมคณะผู้บัญชาการทหาร โดยมี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สูงสุดเป็นประธาน ร่วมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. เข้าร่วมประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.อ.บุญสร้างให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมหารือกันถึงการเรื่องการพัฒนากองทัพ ไม่ได้พูดเรื่องการเมือง ทั้งเรื่องการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือ กรณีของ คตส. ถูกออกหมายเรียก สำหรับสถานการณ์ชุมนุมนั้น ทุกคนก็เป็นห่วงเพราะเราอยากเห็นประเทศชาติเดินไปข้างหน้า แต่ขณะนี้แต่ละกลุ่มต่างก็มีแนวคิดไม่เหมือนกัน จึงไม่ลงเอยกันเลยเกิดปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯจะบานปลายหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า จะบานหรือไม่อยู่ที่คน ช่วยกันมองไปในอนาคตกันดีกว่าและช่วยกันทำ บางทีเราติดอยู่กับปัญหาเฉพาะหน้ามากเกินไป ไม่มองไปที่อนาคต ทำให้เราไม่มีอะไรร่วมกันเลย เพราะปัจจุบันก็เดินกันคนละหัวระแหง บ่อน้ำคนละบ่อ เดินไปทางซ้ายบ้างขวาบ้าง จะลงบ่อมันก็คนละทาง แต่ถ้าเรามองไปไกล เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ถึงแม้จะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ปลายทางเราก็จะไปรวมเป็นจุดเดียวกันซึ่งจะมีความรู้สึกที่ดีว่าที่เราเลี้ยวเป็นเพราะปัญหาเฉพาะหน้า เราเป็นคนไทยด้วยกันก็ไปในทำนองเดียวกัน แต่ถ้าไม่คุยถึงจุดมุ่งหมายสุดท้าย มันจะหาจุดร่วมยากที่เขาเรียกว่า แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ยังใช้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากสถานการณ์การที่จะมาร่วมเป็นจุดเดียวกันดูเหมือนจะยาก พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่ได้ยาก แต่อยู่ที่คนส่วนคนที่จะเป็นตัวกลางในการประสานนั้น ตนมองว่าถ้าทุกท่านปรึกษาพระพุทธเจ้าบ้างหรือคนที่สร้างคุณประโยชน์น่าจะรวมง่ายขึ้น เมื่อถามถึง ปัญหาที่ คตส.กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คนดีต้องรักษาไว้

พปช.หนุน "สมัคร" ยึดสันติสู้พันธมิตรฯ

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน หัวหน้าคณะทำงานศูนย์ ติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงว่า ขณะนี้ทางศูนย์ฯได้ทำหนังสือถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรค ให้ทราบถึงเหตุการณ์ฯความเป็นไปในรอบสัปดาห์เกี่ยวกับข้อเท็จจริง ข้อพิจารณา และข้อเสนอแนะ ซึ่งนายกรัฐมนตรี รับฟังความคิดเห็นและยืนยันจะใช้วิธีการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี ซึ่งเราขอสนับสนุนแนวทางนี้เพราะทำให้การชุมนุมดีขึ้นอย่างมาก อีกทั้งมีเสียงสะท้อนจากประชาชนเป็นอย่างดีกับแนวทางที่นายกรัฐมนตรี ไม่พูด ไม่ให้ความสำคัญ ไม่ให้ราคากับการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่สร้างความเดือดร้อน ให้ประชาชน ส่งผลให้แกนนำพันธมิตรฯไม่พอใจเพราะไม่มีเรื่องโจมตีบนเวทีได้ ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว

ร.ท.กุเทพ กล่าวต่อว่า แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้จัดการกลุ่มพันธมิตรฯด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อที่จะทำให้คนได้เห็นธาตุแท้ของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ต้องการให้การชุมนุมยือเยื้อ เพราะต้องการใช้สถานการณ์นี้เผยแพร่ความเชื่อตามลัทธิจำลอง โดยเป็นพลังหลักในการดึงให้มีผู้มาร่วมชุมนุม และเมื่อมีการแข่งขันฟุตบอลยูโร ก็มีการนำจอทีวีขนาดใหญ่มาติดตั้งให้ชม พร้อมทั้งจัดคอนเสิร์ตด้วย เท่าที่ดูการชุมนุมยิ่งนานก็ยิ่งไร้สาระ ถ้าจะมาสร้างความเดือดร้อน ก็ควรกลับไปดูบอลที่บ้านหรือไปดูคอนเสิร์ตที่บ้านจะดีกว่า

3 เงื่อนไขพันธมิตรฯ ไม่มีทางเกิดขึ้น

ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์นั้น เงื่อนไขสามอย่างของกลุ่มพันธมิตรคือ 1. รัฐประหาร 2.นายกฯลาออก และ3.ยุบสภา จะต้องไม่เกิดขึ้นจากการ เรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะถ้าเกิดขึ้นตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมก็จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่เลวร้ายทางการเมือง และส่งผลกระทบต่อประเทศในอนาคต โดยเฉพาะรัฐประหารนั้น ผู้นำเหล่าทัพก็ได้ยืนยันแล้ว ส่วนการลาออกนั้นนายกรัฐมนตรีคงไม่ลาออกและไม่มีทาง ส่วนการยุบสภาก็เป็นการนำประชาชนมาเป็นตัวประกัน เป็นการผลักดันภาระให้ประชาชน เป็นการเสนอของคน ที่ไม่เลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น