พันธมิตรฯ ประกาศยกระดับการชุมนุมยึดหลักอารยะขัดขืน ปลุก ปชช.ต่อต้านหุ่นเชิดทุกรูปแบบ ชี้หมดความชอบธรรมนั่งบริหารประเทศแล้ว เช็กกำลังพลดาวกระจายเคลื่อนตัวให้กำลังใจ คตส.วันนี้ พร้อมเตรียมเปิดเวทีปราศรัยชั่วคราวหน้าสำนักงาน คตส.แย้ม "คุณหญิงจารุวรรณ"ขึ้นเวทีด้วย "วีระ"แฉ "สมัคร" ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมหลังศาลชั้นต้นพิพากษาสั่งจำคุกฐานหมิ่นรองผู้ว่าฯ กทม.โดยไม่รอลงอาญา ด้านอดีต สนช.เปิดโปงข้อมูลรัฐบาลหุ้นเชิดส่งคนตัวเองเข้าเป็นบอร์ดฮุบรัฐวิสาหกิจหวังล้างความผิดเก่า "ทักษิณ" พร้อมกอบโกยผลประโยชน์ก้อนใหม่ "สมศักดิ์" แฉซ้ำการทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง กทม. เป็นที่มาที่ไปของรัฐบาลหุ้นเชิด"สมัคร"ภายใต้การชักใยของ"แม้ว"ที่ร่วมกันล้างความชั่วให้ตัวเอง
วานนี้ (8 มิ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า ในสัปดาห์หน้าพันธมิตรฯจะยกระดับการชุมนุมให้มีความเข้มข้นมาขึ้น โดยใช้หลักสิทธิของพลเมืองที่จะไม่เชื่อฟังรัฐ หรือที่เรียกว่า อารยะขัดขืน หรือดื้อแพ่ง เนื่องจากรัฐบาลหมดสภาพในการเป็นรัฐบาล และหมดความชอบธรรมในการบริหารบ้านเมืองต่อไป ดังนั้นประชาชนจึงสามารถใช้สิทธิที่ไม่เชื่อรัฐบาลที่หมดความชอบธรรมได้ แต่จะใช้มาตรการอย่างไรนั้นจะประกาศให้ทราบภายหลังจากที่แกนนำพันธมิตรฯได้หารือกันและจะประกาศบนเวที เพื่อขอความเห็นชอบจากผู้ชุมนุม
"ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้หมดความชอบธรรมแล้ว ประชาชนสามารถใช้สิทธิ ของพลเมืองแสดงสิทธิที่จะไม่เชื่อฟังรัฐได้ และสามารถต่อต้านคำสั่งที่ไม่ชอบได้ ซึ่งขณะนี้มีหลายฝ่ายเสนอ เช่น เสนอให้หยุดงาน ไม่เสียภาษี ปิดน้ำปิดไฟ ข้าราชการต่อต้านคำสั่งมิชอบ ฯลฯ ซึ่งต้องดูว่ามาตรการใดจะเป็นเหตุเป็นผลและส่งผลกระทบโดยรวมน้อยที่สุด" ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวและว่า การที่ประชาชนมาชุมนุมมากในวันศุกร์และเสาร์แสดงความประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ
**นำประชาชน10คันรถให้กำลังใจ คตส.
นายสุริยะใส กล่าวว่า ในวันนี้ (9 มิ.ย.) พันธมิตรฯจะเดินทางไปให้กำลังใจคณะกรรมการคณะกรรมการที่ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่รัฐ (คตส.) ประมาณ 10 คันรถ โดยจะตั้งขบวนในเวลา 12.00 น. ที่หน้าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย และจะแวะหน้ากรมประชาสัมพันธ์เพื่อให้ข้าราชการกรมฯทบทวนบทบาทการทำงานและให้กำลังใจคนในกรมสรรพากร เพื่อทำงานให้ถูกต้อง โดยทั้งสององค์กรจะต้องแสดงความกล้าหาญโดยเฉพาะกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งถูกรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือมาโดยตลอด
ขณะเดียวกันในวันเดียวกันจะเป็นวันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ทางพันธมิตรฯ ก็ยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนขบวนไปยังหน้ารัฐสภาอย่างแน่นอน เนื่องจากยุทธศาสตร์ดาวกระจายวันนี้(7 มิ.ย.) ในการเดินทางไปยังสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ก็เกือบจะมีการปะทะกับกลุ่มต่อต้านพันธมิตร เราจึงนำคนไปจำนวนน้อย เพราะเราทราบมาว่าจะมีกลุ่มแท๊กซี่และคนรักทักษิณ มาต่อต้าน
**แฉ"แม้ว"เคยประกาศลุย"เนวิน-เหลิม"
นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีกลุ่มรักทักษิณ จัดชุมนุมต่อต้านพันธมิตรที่ จ.เชียงใหม่ประกาศเป็นพื้นที่ปลอด 5 แกนนำ บวก 1 ผู้ประสานงานพันธมิตรนั้นว่า ทุกคนมีสิทธิ์ในการชุมนุมและสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ แต่การประกาศเขตปลอดดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า ลิ่วล้อและบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เหิมเกริมไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เท่ากับเป็นการประกาศเป็นรัฐอิสระ โดยใช้ อำนาจเถื่อน จึงเห็นว่าระบอบทักษิณ ยังทรงอิทธิพลอยู่ในประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นได้
"ทำให้ไม่แปลกใจว่า การที่นายเนวิน ชิดชอบ ประกาศว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนผู้ต่อต้านพันธมิตรฯ จากที่สื่อหลายแขนงเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกัน และยังแปลกใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนที่จะเข้ารับดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้บอกกับผู้ใหญ่ที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีว่าจะจัดการกับคน 2 คน คือนายเนวิน และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แต่มาวันนี้กลับต้องไปพึ่งบารมี ของทั้ง 2 คนเพื่อให้ตัวเองกลับมามีอำนาจและรอดพ้นคดี จนกลายเป็นเรื่องที่น่าชิงชัง"
**เห็นด้วยข้อเสนอยุบสภาเลือกตั้งใหม่
นายสุริยะใส แสดงความเห็นด้วยกับข้อเสนอของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ ที่เสนอให้นายสมัคร สุนทรเวช ยุบสภาว่าเป็นทางออกที่ดีสุด ซึ่งพรรคพลังประชาชนไม่ต้องกลัว เนื่องจากเป็นพรรคที่มีเงินมาก เมื่อมีเลือกตั้งก็กลับมาใหม่ได้ แต่เมื่อรัฐบาลขณะนี้หมดความชอบธรรมทำงานไม่ได้ กลับยังดันทุรังอยู่ต่อ บ้านเมือง จึงเกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้ เช่นเดียวกับ สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หมดความชอบธรรม บริหารประเทศแต่ยังดันทุรังลากอยู่ต่อ จนนำไปสู่การยึดอำนาจในที่สุด
"ขณะที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ก็อย่านิ่งดูดาย ควรจะออกมาแสดงความเห็นถึงปัญหาของบ้านเมืองเพราะพันธมิตรฯ ก็พร้อมที่จะรับฟัง และหากมีทางออกที่ดีพันธมิตรฯก็พร้อมจะหยุดเคลื่อนไหว"นายสุริยะใสกล่าว ส่วนที่มีหลายฝ่ายพยายามบิดเบือนการชุมนุมของพันธมิตรฯ เช่นว่าเรา ได้คืบจะเอาศอก หรือเสนอให้ถอยคนละก้าวนั้น นายสุริยะใส ยืนยันว่า เรามีจุดยืน ในการชุมนุม 3 เรื่องคือ พ.ต.ท.ทักษิณ และบริวาร จะต้องขึ้นต่อสู้คดีตามกระบวนการเยี่ยงสามัญชน และจะต่อต้านให้ถึงที่สุดหากมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และข้าราชการประจำ นอกจากนี้ ยังต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 เพื่อฟอกความผิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในทุกวิธี
**"วีระ"แฉ"สมัคร"วิ่งเต้นล้มคดีหมิ่น
ด้านบรรยากาศที่เวทีพันธมิตรฯตั้งแต่เช้าวานนี้ (8 มิ.ย.) ยังคงมีประชาชนมาร่วมชุมนุมกันต่อเนื่อง โดยในช่วงค่ำเวลา 19.00 น.นายวีระ สมความคิด กรรมการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่นขึ้นให้ข้อมูลแก่ประชาชนบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้ใช้อำนาจก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม โดยการวิ่งเต้นไม่ให้องค์คณะที่ต้องอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีที่ นายสมัครหมิ่นประมาท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญาไปก่อนหน้านี้ หลังจากผลการพิพากษาของศาลอุทรณ์ได้ตัดสินสั่งให้ยืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
"การใช้อำนาจของการเป็นนายกฯที่บริหารประเทศ เข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมแบบนี้ ต้องไล่ออกสถานเดียว"
นายวีระ กล่าวต่อถึงการใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีของ ร.ต.อ.เฉลิม ด้วยว่า หลังจากเป็นรัฐมนตรีได้ไม่นาน ร.ต.อ.เฉลิม ได้ใช้อำนาจทำให้เกิดความเกรงอกเกรงใจ โดยขอนายสมัคร ให้ลูกชายนายดวง อยู่บำรุง กลับเข้ามารับราชการทหารอีกครั้ง
"พี่น้องจำได้ใช่ไหมครับว่านายดวง นั้น ถูกกล่าวหาว่าฆ่าดาบยิ้มตาย ในข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นโทษประหารชีวิตสถานเดียว และถ้าหากเป็นทหารทั่วไป แค่หนีทหารก็ถูกไล่ออกแล้ว แต่นายดวง ทั้งหนีทหารและฆ่าคนตาย ยังกลับเข้ามารัฐราชการทหารได้อีก ฉะนั้น การที่เรามีเสนาบดีใช้อำนาจช่วยเหลือตัวเองและพวกพ้องอย่างนี้ ปล่อยให้อยู่บริหารประเทศไม่ได้แล้ว"
นายวีระ กล่าวปิดท้ายด้วยว่า การชุมนุมของเราไม่ได้หวังให้ทหารเข้ามาทำการปฏิวัติอีก ตนขอบอกไว้ ณ ที่นี่ว่าทหารไม่ต้องอกมาปฏิวัติแล้วเพราะประชาชนจะเป็นคนออกมาปฏิวัติเอง
**แฉ รบ.สมัครส่งคนยึดรัฐวิสาหกิจ
เวลา 20.10 น.นายประพันธ์ คูณมี อดีต สนช.เผยบนเวทีว่า ขณะนี้รัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ กำลังส่งคนของตัวเองเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจทั้งหมด โดยมีจุดประสงค์ในการล้างความผิดของตัวเองที่เคยทำเอาไว้ แล้วต่อด้วยการโกงกินใหม่อีกครั้ง ยกตัวอย่างเช่น บอร์ดการไฟฟ้านครหลวง ที่มีการแต่งตั้ง พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ อดีตนักเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.ท.พฤณท์ สุวรรณทัต เตรียมทหารรุ่น 10 ที่เคยขู่จะบุกบ้านพระอาทิตย์ เพื่อเข้าไปล้างคดีเก่าแล้วหาผลประโยชน์ก้อนใหม่
บอร์ดการบินไทยเองยังมีการแต่งตั้งนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด นางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการบริหาร บริษัท พี.โอเวอร์ซีส์ สตีล จำกัด ซึ่งบริษัทเหล็กมันเกี่ยวข้องกับการบินตรงไหน นอกจากนี้ ยังมีนายวิชิต สุรพงษ์ชัย ที่เป็นเพื่อนซี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย แถมยังมี พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ อดีตประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง และยังมีอธิบดี ม.รามคำแหงอย่างนายรังสรรค์ แสงสุข เข้าไปอยู่ในบอร์ดด้วย
นอกจากนั้นยังส่งนายพิชิต ลิขิตสมบูลย์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ คนที่แจ้งความจับพันธมิตรฯเข้าไปเป็นบอร์ดของธนาคารกรุงไทยด้วย ดังนั้น เราจะนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เราจำเป็นต้องสู้จนกว่าเราจะได้ชัยชนะ
**"จำลอง"ย้ำ 5 แกนนำยังแน่นแฟ้น
เวลา 21.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นกล่าวปราศรัยเพื่อยืนยันความสามัคคีกลมเกลียวของ 5 แกนนำ พร้อมระบุพยายามจากรัฐบาลใส่ร้ายป้ายสี พยายามทำทุกวิถีทาง ทั้งการปล่อยข่าว 5 แกนนำกับอีก 1 ประสานงานกำลังแตกคอกันทางความคิด ซึ่งไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงมติสภาประชาชนภาคเหนือที่ประกาศให้พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเขตปลอดแกนนำพันธมิตรฯพร้อมสั่งห้ามตนสวมใส่เสื้อม่อฮ่อมว่า 5 แกนนำพันธมิตรฯ เป็นคนไทย ทำไมถึงจะไปเชียงใหม่ไม่ได้ ไม่เท่านั้นการห้ามคนชื่อ พล.ต.จำลอง สวมใส่เสื้อม่อฮ่อมก็ดูจะใจร้ายไปสักนิด
"ดูเหมือนว่าเรากำลังโชคร้าย นึกไม่ถึงว่ามีรัฐบาลเผด็จการบริหารบ้านเมือง ยังจะมีลูกหาบของรัฐบาลเป็นเผด็จการด้วย"
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงขบวนการนรกป่วนกรุงอีกว่า คนสำคัญในขบวนการนรกป่วนกรุงมาให้สัมภาษณ์เป็นตุเป็นตะกล่าวหาตนดีใจที่ได้ยินเสียงปืนนัดแรกในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 พยายามอ้างเห็นสีหน้าตนแสดงออกถึงความดีใจหลังได้ยินเสียงปืนนัดแรก เป็นการกล่าวหาที่บ๊องมาก เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นตนอยู่แถวหน้า มีโอกาสเป็นตายเท่ากัน แต่หากตนอยู่ในโรงแรมมีความซาดิสต์ได้ยินเสียงปืนนัดแรก ชอบให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดก็ว่ากันอีกอย่าง จะโกหกทั้งทีต้องแนบเนียนกว่านี้หน่อย
ช่วงท้าย พล.ต.จำลอง ได้ประกาศยกการชุมนุมว่าจะเป็นตัวอย่างการชุมนุมที่ทั่วโลกต้องศึกษา เพราะเราชุมนุมกันอย่างสงบ พร้อมพรั่งด้วยความรู้ทางวิชาการ และต่อไปจะเป็นแหล่งสโมสรของประชาชนกลางถนนราชดำเนิน รัฐบาลต้องขอบคุณพันธมิตรฯที่ช่วยสร้างแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ขึ้นมากลางกรุง
แฉ"หมัก-แม้ว"ร่วมล้างชั่วให้ตัวเอง
เวลา 21.10 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขอมติจากเวทีพันธมิตรฯว่า ขอให้ผู้ร่วมชุมนุมที่เคยมาร่วมชุมนุมแล้วทั้งหมด หรือคนที่จบจาก ม.ราชดำเนินทั้งหมด กลับมารวมตัวอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งที่ประชุมเองก็เห็นด้วยโดยหลังจากนี้ แกนนำพันธมิตรฯจะได้กำหนดวันเวลาอีกครั้ง
หลังจากสภาพันธมิตรฯลงมติเห็นชอบแล้ว นายสมศักดิ์ ได้กล่าวต่อถึงคดีทุจริตโครงการซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นถึงที่มาที่ไปของการที่นายสมัคร เข้ามาเป็นหุ่นเชิดของทักษิณ และนำไปสู้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คตส.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ แล้วมีข้อสรุปว่า ได้ชี้มูลความผิดการจัดซื้อรถ เรือดับเพลิงแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณา โดยความมีอยู่ว่า การจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.ตั้งแต่ขั้นตอนของการลงนาม MOU มีมูลเชื่อว่า เป็นการกระทำการอย่างมีเป้าหมายเดียวกันและขัดต่อมติ ครม.มีการระบุข้อมูลวิธีการที่ส่อไปในทางทุจริต โดยให้ราคาสูงเกินความจำเป็นสร้างความเสียหายต่อรัฐเป็นมูลค่ากว่า 1.9 พันล้านบาทเศษ
โดยมูลความผิดดังกล่าว เป็นความตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งมีโทษจำคุก 1-10 ปีและปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนั้นยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ พ.ร.บ.ฮั่ว โดยคนที่กระทำความผิดต้องมีระวางโทษตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดวีชิต หรือปรับ 100,000-400,000 บาท
มาตรา 13 กำหนดว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.นี้ ให้ถือว่าผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ มีโทษจำคุก 7-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 140,000-400,000 บาท
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สมัยที่นายสมัคร เป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้เห็นชอบอนุมัติการจัดซื้อดังกล่าวเป็นมูลค่ารวมประมาณ 6,687.498 ล้านบาทหรือประมาณ 133.7 ล้านยูโร แล้วได้นำเสนอความเห็นชอบต่อสภา กทม.และได้รับความเห็นชอบในที่สุดในวันที่ 20 ส.ค.47 และได้รับการอนุมัติโดยนายโภคิณ พลกุล รมว.มหาดไทย ในขณะนั้นในวันที่ 27 ส.ค.47
โดยการลงนามดังกล่าวเป็นการลงนามก่อนที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 29 ส.ค.47 เพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งถือเป็นโครงการเมกะโปรเจกทิ้งทวนแถมยังโกงภาษีของประชาชนคนไทยทั้งประเทศด้วย ซึ่งทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าทำไมทักษิณ ถึงเลือกสมัครมาเป็นหุ่นเชิดเพราะทักษิณก็มีความผิดที่ คตส.ชี้มูล ทั้งคดีที่ดินรัชดาฯการปกปิดข้อมูลของเอสซีเอสเซท นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเล่นงาน คตส.ให้ตัวเองพ้นผิด
"ที่ไปที่มาของรัฐบาลหุ่นเชิด เกิดขึ้นเพราะต่างคนต่างกำลังจะติดคุกด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้เรื่องนี้กำลังจะจบลง เพราะทักษิณมีความผิดถึงขึ้นติดคุก สมัครเองก็กำลังจะติดคุก เจ๊เพ็ญเองก็กำลังจะติดคุก เพราะฉะนั้นทั้ง 3 คนต้องจบด้วยการติดคุกด้วยกันทั้งหมด"
**เตรียมเปิดเวทีย่อยหนุน คตส
เวลา 21.50 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นปราศรัยบนเวทีโดยกล่าวถึงการเดินทางไปให้กำลังใจ คตส.ในเวลา 13.30 น.วันนี้ว่า พันธมิตรฯจะต้องให้กำลังใจ คตส.ทั้ง 11 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความกล้าหาญในการตรวจสอบทุจริตของระบอบทักษิณ สามารถสรุปได้แล้ว 12 คดี คิดเป็นมูลค่าถึง 180,000 ล้านบาท ถือเป็นการฝากวีรกรรมไว้ในแผ่นดิน
"พรุ่งนี้เราจะต้องไป ถ้าเราไม่ไป ไฉนเลยจะมีคนกล้าเสียสละในแผ่นดินและจะเป็นเรื่องที่เสียหายในชีวิตเรามาก พรุ่งนี้เราจะใส่สีเหลืองไปโดยพร้อมเพียงกันพร้อมดอกไม้ ใครไม่มีดอกไม้ไม่เป็นไร ขอให้ไปด้วยใจ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน"
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในวันนี้(9) หลังจากให้กำลังใจ คตส.แล้ว พันธมิตรฯจะปราศรัยที่หน้าสำนักงาน คตส. (ใกล้กระทรวงการคลัง) ด้วย โดยจะมี คตส.ที่ถือเป็นหญิงกล้าและเคยสู้กับระบอบทักษิณมาขึ้นปราศรัยด้วย นั่นคือ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณพยายามจะใช้วุฒิสภาถอดถอนจากตำแหน่งผู้ว่า สตง. แต่ถอดถอนไม่ได้ เพราะในหลวงไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย
**คตส.ยินดีพันธมิตรฯมาให้กำลังใจ
ด้านนายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการคณะกรรมการที่ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯจะเดินทางมาให้กำลังใจ คตส.ว่า ตนคิดว่าอย่างน้อยในสถานการณ์เช่นนี้ ยังมีความเข้าใจและเห็นใจ คตส. และเห็นใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่ผ่านมาก็มีประชาชนจากต่างจังหวัดมาให้กำลังใจเช่นกัน แต่ครั้งนี้จะพิเศษกว่าที่ผ่านมา เพราะประชาชนจะมาเป็นจำนวนมาก
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.กล่าวว่า รู้สึกเฉยๆ ที่กลุ่มพันธมิตรฯจะเดินทางมาให้กำลังใจนั้น เพียงแต่ทำงานไปให้ครบวาระเท่านั้นเอง
**โพลชี้ ปชช.ส่วนใหญ่หนุนพันธมิตรฯ
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ฐานสนับสนุนของสาธารณชนต่อท่าทีของพันธมิตรฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองทัพ และรัฐบาล จากประชาชน 18 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พิจิตร พิษณุโลก ขอนแก่น อุบลราชธานี หนองคาย นครราชสีมา บุรีรัมย์ อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ ชลบุรี นครปฐม สมุทรปราการ นนทบุรี สงขลา และนครศรีธรรมราช 3,338 ตัวอย่าง ผลสำรวจพบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 46.5 ของคนกรุงเทพฯ และร้อยละ 46.2 ของคนต่างจังหวัดเห็นพ้องต้องกันว่า สนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่ต้องไม่ทำให้สังคมวุ่นวายและประชาชนเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 8.4 ของคนกรุงเทพฯ และร้อยละ 6.5 ของคนต่างจังหวัดสนับสนุนพันธมิตรฯ ทุกรูปแบบ
ในทางตรงกันข้ามร้อยละ 30.3 ของคนกรุงเทพฯและร้อยละ 31.5 ของคนต่างจังหวัด ระบุว่าไม่สนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ ทุกรูปแบบ นอกจากนี้ร้อยละ 7.6 ของคนกรุงเทพฯและร้อยละ 9.4 ของคนต่างจังหวัดระบุไม่สนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ และยังชักชวนคนอื่นๆ ให้ต่อต้านการชุมนุมด้วย
**"ชลิต"ย้ำกองทัพไม่เลือกข้าง
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวว่า แผนยุทธศาสตร์ดาวกระจายของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น กองทัพไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดูแล ทั้งนี้ เห็นว่าการดำเนินการใดๆ ไม่ควรล่วงล้ำสิทธิบุคคลอื่น หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับส่วนรวม โดยทหารจะไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง แต่จะอยู่กับความถูกต้อง
พล.อ.อ.ชลิต ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ มอบหมายให้ทนายความแจ้งความดำเนินคดีต่อนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา แต่กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอให้กำลังใจทุกคน
**"พัลลภ"หนุน"จำลอง"ไล่รัฐบาล
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นพ.ประเวศ วะสี ราษฏรอาวุโส เสนอแนวทางที่จะให้อดีตนายกฯมาร่วมกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองว่า แนวคิดดังกล่าวถือเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง แต่ว่าจะสามารถทำได้ขนาดไหนก็เป็นอีกเรื่อง เพราะคนที่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องกล้าตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ถ้าหากขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ไม่ทำอะไรเลยประเทศชาติก็ไม่ได้อะไร ตนไม่อยากเห็นแบบนี้
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับ พล.ต.จำลอง ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยากให้ตนไปเจรจา แต่โดยส่วนตัวเห็นว่ามันไกลเกินไปที่จะพูดแล้ว ทั้่งนี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยโทรศัพท์ไปหา พล.ต.จำลอง โดยโทรศัพท์ไปให้กำลังใจเพื่อนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลประกาศจะสลายการชุมนุม
"ผมบอกกับเพื่อน (จำลอง) ว่าเพื่อนสู้ถูกต้องแล้ว ถ้าหากตำรวจมาจับก็ให้ปล่อยให้ตำรวจจับไป อย่าต่อสู้หรือขัดขืน วันนี้เพื่อน (จำลอง) ชนะแล้ว ซึ่ง พล.ต.จำลอง เขาก็บอกกับผมมาว่าขอบคุณเพื่อนที่ให้กำลังใจ ส่วนสถานการณ์ การชุมนุมผมก็ติดตามตลอดเห็นยังตรึงเครียดกันอยู่"
**ขุนทหารนัดถกสถานการณ์วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (9 มิ.ย.) เวลา 08.00 น.พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. นัดประชุมร่วมรับประทานอาหารมื้อเช้าที่กองทัพเรือ พร้อมกับมีการหารือเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เพื่อเป็นข้อเสนอแนะให้กับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นำมาใช้หลังจากที่ ผบ.เหล่าทัพจะเกษียณอายุราชการในปลายปีนี้
นอกจากนี้ ผบ.เหล่าทัพ อาจจะหยิบยกประเด็นสถานการณ์ การเมืองที่กำลังร้อนแรง โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาลอยู่ที่ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์มากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ทั้งนี้การหารือจะมีการขอความเห็นจาก ผบ.เหล่าทัพ ถึงความเหมาะสมในการใช้ พรบ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ด้วย
**"มาร์ค"ปัดข้อเสนอ"บิ๊กสุ" ยุบสภา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ขอแสดงความเห็นถึงข้อเสนอของ พล.อ.สุจินดา ที่ขอให้นายสมัคร ยุบสภา และให้ประชาชนตัดสิน เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งหากยุบสภาก็จะมีการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาไม่ใช่เรื่องของเสียงข้างมาก หรือข้างน้อย แต่เป็นการใช้เสียงข้างมากแล้วไปกระทบกับกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ ของอดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น การแก้ปมปัญหาต้องช่วยกันทำให้เกิดกระบวนการยุติธรรม สามารถรักษาความเป็นอิสระได้และขอให้ตำรวจทำกฏหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ ดำเนินการแบบตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเสนอให้ข้าราชการที่ถูกโยกย้ายหากเห็นว่าเกิดความไม่เป็นธรรม แนะนำให้ไปร้องศาลปกครองจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะที่ผ่านมาฝ่ายค้านพยายามตั้งกระทู้ถามถึงเรื่องการโยกย้ายข้าราชการที่ผิดปกติ แต่รัฐบาลมักอ้างว่าเป็นกฏหมายที่สามารถทำได้
**จวกรัฐเบนประเด็นโยนบาปให้คนอื่น
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้นายสมัคร พยายามโยนบาปให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯว่าเป็นผู้ที่ทำให้การบริหารประเทศผิดพลาด รวมถึงโฆษกรัฐบาลระบุว่านักลงทุนเยอรมันระงับการมาลงทุนในไทยเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ถือเป็นการสร้างความสับสนและเข้าใจผิดให้กับประชาชน เพราะข้อเท็จจริงการพิจารณาที่จะเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจต่างชาติจะต้องดูหลายปัจจัยหลัก ในเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ได้ดูที่ปัจจัยเฉพาะด้าน ที่สำคัญกลุ่มพันธมิตรฯมีการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทั่วโลก จึงถือเป็นการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง
"รัฐบาลบริหารประเทศเหมือนคนใกล้ล้มละลาย แถมยังพยายามสร้างความ แตกแยกให้เกิดขึ้น เช่นการจัดให้มีม๊อบชนม๊อบ รมว.มหาดไทย ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ ควบคุมไม่ให้สถานการณ์บานปลาย แต่กลับออกมาสนับสนุนให้คนออกมาต่อต้าน กลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯจะเป็นอย่างไรถือเป็นสิทธิของเขา และรัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ แต่ปัญหาคือนายกฯไม่มีอำนาจตัดสินใจ แต่คนที่ มีอำนาจแท้จริงคืออดีตนายกฯ ดังนั้น ปัญหาต่างๆ เกิดจากรัฐบาลทั้งสิ้น อย่าเบี่ยงเบนประเด็น และพยายามโยนบาปให้คนอื่น ถ้านักลงทุนไม่มาก็เพราะรัฐบาลชุดนี้บริหารไม่สำเร็จขาดเชื่อมั่นมากกว่า"
**ปลุกผีคาราวานคนจนชนพันธมิตรฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีต ส.ว.อุบลราชธานี มองว่ารัฐบาลจะใช้ยุทธวิธีป่าล้อมเมือง โดยขนมวลชนจัดตั้งของหัวคะแนนนักการเมืองพรรคพลังประชาชนในภาคอีสานเข้ากดดันผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เคยใช้จัดการกับผู้ชุมนุมมาแล้วเมื่อปี 2549 ปรากฎว่าไปสอดคล้องกับข้อมูลของนายอธิวัฒน์ บุญชาติ แกนนำอีสานกู้ชาติที่เปิดเผยบนเวทีพันธมิตรฯว่า อดีตนักการเมืองใหญ่ของบุรีรัมย์ ได้สั่งให้ลูกสมุนระดมมวลชนหลายพันคนเข้ากรุงเทพฯในสัปดาห์นี้
แหล่งข่าวจากแกนนำเอ็นจีโอในพื้นที่ระบุว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนจัดตั้งที่พรรคพลังประชาชนจะนำมาใช้ครั้งนี้จะเป็นคนกลุ่มเดียวกันในเครือข่ายคาราวานคนจน ซึ่งออกมาเคลื่อนไหวเมื่อปี 2549 มีนายคำตา แคนบุญจันทร์, นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ และนางสะอิ้ง ทวายสินธุ์ เป็นแกนนำสำคัญ
แต่การเคลื่อนไหวครั้งใหม่ จะไม่เป็นเอกภาพเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะมีการแตกคอกันในกลุ่ม เนื่องจากมีการนำชื่อกลุ่มในเครือข่ายคาราวานคนจนไปหาประโยชน์กับตัวของแกนนำบางคน จนเป็นที่ทราบกันดีว่าหลังการเคลื่อนไหวเมื่อปี 2549 มีแกนนำได้รับประโยชน์จากโครงการโคล้านตัว ได้รับสัมปทานขุดบ่อน้ำ ได้เงินมาใช้หมุนเวียนในโรงงานผลิตน้ำแข็ง และซื้อรถยนต์ด้วยเงินสด
ขณะที่ประชาชนผู้เข้าร่วมเคลื่อนไหวส่วนใหญ่กลับไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา ดังนั้น การจะออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐบาลครั้งนี้ ผู้เป็นแกนนำต้องประกาศประเด็นการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน จะเคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐบาลในเรื่องใด และคัดค้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพราะอะไร
"ทุกเรื่องต้องมีความชัดเจนไม่คลุมเครือเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะสร้างความเสียหายให้กับคนอีสานและเครือข่ายความเดือดร้อนหลายกลุ่มที่ไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าจะสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณก็ประกาศตัวให้ชัดเจนเหมือนนายขวัญชัย ไพรพนา ดีเจนักจัดรายการวิทยุ จ.อุดรธานี ที่ประกาศชัดเจนว่ารักทักษิณ ดังนั้นการจะออกมาเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มนี้ ต้องกล้าประกาศจุดยืน เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนและได้เลือกข้างจะไปอยู่ข้างไหนกันเลยดีกว่า"
**จับตาทีมล่า"สนธิ"จากอีสานใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานพบการเคลื่อนไหวของซุ้มมือปืนในอีสานใต้ ซึ่งเป็นทีมล่าสังหารที่มีประวัติโชกโชน มีนายตำรวจเชื้อสายแขกปาทานเป็นหัวหน้ากลุ่ม มีลูกน้องเป็นอดีตตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการ รวมตัวกับกลุ่มมือปืนที่เข้ามาอาศัยบารมีนักการเมืองคุ้มกะลาหัว และมีผลงานสังหารฝ่ายตรงข้ามนายใหญ่มานับสิบศพ เริ่มเคลื่อนไหว คาดว่ามีเป้าหมายตามล่าสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในห้าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามที่เป็นข่าวออกมาเป็นระยะ
สำหรับกลุ่มมือปืนซุ้มนี้ มีผลงานทั้งการอุ้มผู้รับเหมาที่มีความขัดแย้งกับนายใหญ่กรณีเขื่อนสียัด สังหารหัวคะแนนฝ่ายตรงข้าม และกลุ่มมาเฟียที่ไม่ยอมส่งส่วยใน จ.บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งนายตำรวจใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ทราบดี แต่ไม่กล้ายื่นมือเข้าไปดำเนินการ เพราะได้รับการสนับสนุนจากนายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ล่าสุดเหิมเกริมคิดตามล่าสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในห้าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยดังกล่าว
วานนี้ (8 มิ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า ในสัปดาห์หน้าพันธมิตรฯจะยกระดับการชุมนุมให้มีความเข้มข้นมาขึ้น โดยใช้หลักสิทธิของพลเมืองที่จะไม่เชื่อฟังรัฐ หรือที่เรียกว่า อารยะขัดขืน หรือดื้อแพ่ง เนื่องจากรัฐบาลหมดสภาพในการเป็นรัฐบาล และหมดความชอบธรรมในการบริหารบ้านเมืองต่อไป ดังนั้นประชาชนจึงสามารถใช้สิทธิที่ไม่เชื่อรัฐบาลที่หมดความชอบธรรมได้ แต่จะใช้มาตรการอย่างไรนั้นจะประกาศให้ทราบภายหลังจากที่แกนนำพันธมิตรฯได้หารือกันและจะประกาศบนเวที เพื่อขอความเห็นชอบจากผู้ชุมนุม
"ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้หมดความชอบธรรมแล้ว ประชาชนสามารถใช้สิทธิ ของพลเมืองแสดงสิทธิที่จะไม่เชื่อฟังรัฐได้ และสามารถต่อต้านคำสั่งที่ไม่ชอบได้ ซึ่งขณะนี้มีหลายฝ่ายเสนอ เช่น เสนอให้หยุดงาน ไม่เสียภาษี ปิดน้ำปิดไฟ ข้าราชการต่อต้านคำสั่งมิชอบ ฯลฯ ซึ่งต้องดูว่ามาตรการใดจะเป็นเหตุเป็นผลและส่งผลกระทบโดยรวมน้อยที่สุด" ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวและว่า การที่ประชาชนมาชุมนุมมากในวันศุกร์และเสาร์แสดงความประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ
**นำประชาชน10คันรถให้กำลังใจ คตส.
นายสุริยะใส กล่าวว่า ในวันนี้ (9 มิ.ย.) พันธมิตรฯจะเดินทางไปให้กำลังใจคณะกรรมการคณะกรรมการที่ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่รัฐ (คตส.) ประมาณ 10 คันรถ โดยจะตั้งขบวนในเวลา 12.00 น. ที่หน้าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย และจะแวะหน้ากรมประชาสัมพันธ์เพื่อให้ข้าราชการกรมฯทบทวนบทบาทการทำงานและให้กำลังใจคนในกรมสรรพากร เพื่อทำงานให้ถูกต้อง โดยทั้งสององค์กรจะต้องแสดงความกล้าหาญโดยเฉพาะกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งถูกรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือมาโดยตลอด
ขณะเดียวกันในวันเดียวกันจะเป็นวันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ทางพันธมิตรฯ ก็ยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนขบวนไปยังหน้ารัฐสภาอย่างแน่นอน เนื่องจากยุทธศาสตร์ดาวกระจายวันนี้(7 มิ.ย.) ในการเดินทางไปยังสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ก็เกือบจะมีการปะทะกับกลุ่มต่อต้านพันธมิตร เราจึงนำคนไปจำนวนน้อย เพราะเราทราบมาว่าจะมีกลุ่มแท๊กซี่และคนรักทักษิณ มาต่อต้าน
**แฉ"แม้ว"เคยประกาศลุย"เนวิน-เหลิม"
นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีกลุ่มรักทักษิณ จัดชุมนุมต่อต้านพันธมิตรที่ จ.เชียงใหม่ประกาศเป็นพื้นที่ปลอด 5 แกนนำ บวก 1 ผู้ประสานงานพันธมิตรนั้นว่า ทุกคนมีสิทธิ์ในการชุมนุมและสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ แต่การประกาศเขตปลอดดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า ลิ่วล้อและบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เหิมเกริมไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เท่ากับเป็นการประกาศเป็นรัฐอิสระ โดยใช้ อำนาจเถื่อน จึงเห็นว่าระบอบทักษิณ ยังทรงอิทธิพลอยู่ในประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นได้
"ทำให้ไม่แปลกใจว่า การที่นายเนวิน ชิดชอบ ประกาศว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนผู้ต่อต้านพันธมิตรฯ จากที่สื่อหลายแขนงเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกัน และยังแปลกใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนที่จะเข้ารับดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้บอกกับผู้ใหญ่ที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีว่าจะจัดการกับคน 2 คน คือนายเนวิน และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แต่มาวันนี้กลับต้องไปพึ่งบารมี ของทั้ง 2 คนเพื่อให้ตัวเองกลับมามีอำนาจและรอดพ้นคดี จนกลายเป็นเรื่องที่น่าชิงชัง"
**เห็นด้วยข้อเสนอยุบสภาเลือกตั้งใหม่
นายสุริยะใส แสดงความเห็นด้วยกับข้อเสนอของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ ที่เสนอให้นายสมัคร สุนทรเวช ยุบสภาว่าเป็นทางออกที่ดีสุด ซึ่งพรรคพลังประชาชนไม่ต้องกลัว เนื่องจากเป็นพรรคที่มีเงินมาก เมื่อมีเลือกตั้งก็กลับมาใหม่ได้ แต่เมื่อรัฐบาลขณะนี้หมดความชอบธรรมทำงานไม่ได้ กลับยังดันทุรังอยู่ต่อ บ้านเมือง จึงเกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้ เช่นเดียวกับ สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หมดความชอบธรรม บริหารประเทศแต่ยังดันทุรังลากอยู่ต่อ จนนำไปสู่การยึดอำนาจในที่สุด
"ขณะที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ก็อย่านิ่งดูดาย ควรจะออกมาแสดงความเห็นถึงปัญหาของบ้านเมืองเพราะพันธมิตรฯ ก็พร้อมที่จะรับฟัง และหากมีทางออกที่ดีพันธมิตรฯก็พร้อมจะหยุดเคลื่อนไหว"นายสุริยะใสกล่าว ส่วนที่มีหลายฝ่ายพยายามบิดเบือนการชุมนุมของพันธมิตรฯ เช่นว่าเรา ได้คืบจะเอาศอก หรือเสนอให้ถอยคนละก้าวนั้น นายสุริยะใส ยืนยันว่า เรามีจุดยืน ในการชุมนุม 3 เรื่องคือ พ.ต.ท.ทักษิณ และบริวาร จะต้องขึ้นต่อสู้คดีตามกระบวนการเยี่ยงสามัญชน และจะต่อต้านให้ถึงที่สุดหากมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และข้าราชการประจำ นอกจากนี้ ยังต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 เพื่อฟอกความผิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในทุกวิธี
**"วีระ"แฉ"สมัคร"วิ่งเต้นล้มคดีหมิ่น
ด้านบรรยากาศที่เวทีพันธมิตรฯตั้งแต่เช้าวานนี้ (8 มิ.ย.) ยังคงมีประชาชนมาร่วมชุมนุมกันต่อเนื่อง โดยในช่วงค่ำเวลา 19.00 น.นายวีระ สมความคิด กรรมการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่นขึ้นให้ข้อมูลแก่ประชาชนบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้ใช้อำนาจก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม โดยการวิ่งเต้นไม่ให้องค์คณะที่ต้องอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีที่ นายสมัครหมิ่นประมาท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญาไปก่อนหน้านี้ หลังจากผลการพิพากษาของศาลอุทรณ์ได้ตัดสินสั่งให้ยืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
"การใช้อำนาจของการเป็นนายกฯที่บริหารประเทศ เข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมแบบนี้ ต้องไล่ออกสถานเดียว"
นายวีระ กล่าวต่อถึงการใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีของ ร.ต.อ.เฉลิม ด้วยว่า หลังจากเป็นรัฐมนตรีได้ไม่นาน ร.ต.อ.เฉลิม ได้ใช้อำนาจทำให้เกิดความเกรงอกเกรงใจ โดยขอนายสมัคร ให้ลูกชายนายดวง อยู่บำรุง กลับเข้ามารับราชการทหารอีกครั้ง
"พี่น้องจำได้ใช่ไหมครับว่านายดวง นั้น ถูกกล่าวหาว่าฆ่าดาบยิ้มตาย ในข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นโทษประหารชีวิตสถานเดียว และถ้าหากเป็นทหารทั่วไป แค่หนีทหารก็ถูกไล่ออกแล้ว แต่นายดวง ทั้งหนีทหารและฆ่าคนตาย ยังกลับเข้ามารัฐราชการทหารได้อีก ฉะนั้น การที่เรามีเสนาบดีใช้อำนาจช่วยเหลือตัวเองและพวกพ้องอย่างนี้ ปล่อยให้อยู่บริหารประเทศไม่ได้แล้ว"
นายวีระ กล่าวปิดท้ายด้วยว่า การชุมนุมของเราไม่ได้หวังให้ทหารเข้ามาทำการปฏิวัติอีก ตนขอบอกไว้ ณ ที่นี่ว่าทหารไม่ต้องอกมาปฏิวัติแล้วเพราะประชาชนจะเป็นคนออกมาปฏิวัติเอง
**แฉ รบ.สมัครส่งคนยึดรัฐวิสาหกิจ
เวลา 20.10 น.นายประพันธ์ คูณมี อดีต สนช.เผยบนเวทีว่า ขณะนี้รัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ กำลังส่งคนของตัวเองเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจทั้งหมด โดยมีจุดประสงค์ในการล้างความผิดของตัวเองที่เคยทำเอาไว้ แล้วต่อด้วยการโกงกินใหม่อีกครั้ง ยกตัวอย่างเช่น บอร์ดการไฟฟ้านครหลวง ที่มีการแต่งตั้ง พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ อดีตนักเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.ท.พฤณท์ สุวรรณทัต เตรียมทหารรุ่น 10 ที่เคยขู่จะบุกบ้านพระอาทิตย์ เพื่อเข้าไปล้างคดีเก่าแล้วหาผลประโยชน์ก้อนใหม่
บอร์ดการบินไทยเองยังมีการแต่งตั้งนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด นางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการบริหาร บริษัท พี.โอเวอร์ซีส์ สตีล จำกัด ซึ่งบริษัทเหล็กมันเกี่ยวข้องกับการบินตรงไหน นอกจากนี้ ยังมีนายวิชิต สุรพงษ์ชัย ที่เป็นเพื่อนซี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย แถมยังมี พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ อดีตประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง และยังมีอธิบดี ม.รามคำแหงอย่างนายรังสรรค์ แสงสุข เข้าไปอยู่ในบอร์ดด้วย
นอกจากนั้นยังส่งนายพิชิต ลิขิตสมบูลย์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ คนที่แจ้งความจับพันธมิตรฯเข้าไปเป็นบอร์ดของธนาคารกรุงไทยด้วย ดังนั้น เราจะนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เราจำเป็นต้องสู้จนกว่าเราจะได้ชัยชนะ
**"จำลอง"ย้ำ 5 แกนนำยังแน่นแฟ้น
เวลา 21.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นกล่าวปราศรัยเพื่อยืนยันความสามัคคีกลมเกลียวของ 5 แกนนำ พร้อมระบุพยายามจากรัฐบาลใส่ร้ายป้ายสี พยายามทำทุกวิถีทาง ทั้งการปล่อยข่าว 5 แกนนำกับอีก 1 ประสานงานกำลังแตกคอกันทางความคิด ซึ่งไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงมติสภาประชาชนภาคเหนือที่ประกาศให้พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเขตปลอดแกนนำพันธมิตรฯพร้อมสั่งห้ามตนสวมใส่เสื้อม่อฮ่อมว่า 5 แกนนำพันธมิตรฯ เป็นคนไทย ทำไมถึงจะไปเชียงใหม่ไม่ได้ ไม่เท่านั้นการห้ามคนชื่อ พล.ต.จำลอง สวมใส่เสื้อม่อฮ่อมก็ดูจะใจร้ายไปสักนิด
"ดูเหมือนว่าเรากำลังโชคร้าย นึกไม่ถึงว่ามีรัฐบาลเผด็จการบริหารบ้านเมือง ยังจะมีลูกหาบของรัฐบาลเป็นเผด็จการด้วย"
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงขบวนการนรกป่วนกรุงอีกว่า คนสำคัญในขบวนการนรกป่วนกรุงมาให้สัมภาษณ์เป็นตุเป็นตะกล่าวหาตนดีใจที่ได้ยินเสียงปืนนัดแรกในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 พยายามอ้างเห็นสีหน้าตนแสดงออกถึงความดีใจหลังได้ยินเสียงปืนนัดแรก เป็นการกล่าวหาที่บ๊องมาก เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นตนอยู่แถวหน้า มีโอกาสเป็นตายเท่ากัน แต่หากตนอยู่ในโรงแรมมีความซาดิสต์ได้ยินเสียงปืนนัดแรก ชอบให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดก็ว่ากันอีกอย่าง จะโกหกทั้งทีต้องแนบเนียนกว่านี้หน่อย
ช่วงท้าย พล.ต.จำลอง ได้ประกาศยกการชุมนุมว่าจะเป็นตัวอย่างการชุมนุมที่ทั่วโลกต้องศึกษา เพราะเราชุมนุมกันอย่างสงบ พร้อมพรั่งด้วยความรู้ทางวิชาการ และต่อไปจะเป็นแหล่งสโมสรของประชาชนกลางถนนราชดำเนิน รัฐบาลต้องขอบคุณพันธมิตรฯที่ช่วยสร้างแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ขึ้นมากลางกรุง
แฉ"หมัก-แม้ว"ร่วมล้างชั่วให้ตัวเอง
เวลา 21.10 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขอมติจากเวทีพันธมิตรฯว่า ขอให้ผู้ร่วมชุมนุมที่เคยมาร่วมชุมนุมแล้วทั้งหมด หรือคนที่จบจาก ม.ราชดำเนินทั้งหมด กลับมารวมตัวอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งที่ประชุมเองก็เห็นด้วยโดยหลังจากนี้ แกนนำพันธมิตรฯจะได้กำหนดวันเวลาอีกครั้ง
หลังจากสภาพันธมิตรฯลงมติเห็นชอบแล้ว นายสมศักดิ์ ได้กล่าวต่อถึงคดีทุจริตโครงการซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นถึงที่มาที่ไปของการที่นายสมัคร เข้ามาเป็นหุ่นเชิดของทักษิณ และนำไปสู้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คตส.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ แล้วมีข้อสรุปว่า ได้ชี้มูลความผิดการจัดซื้อรถ เรือดับเพลิงแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณา โดยความมีอยู่ว่า การจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.ตั้งแต่ขั้นตอนของการลงนาม MOU มีมูลเชื่อว่า เป็นการกระทำการอย่างมีเป้าหมายเดียวกันและขัดต่อมติ ครม.มีการระบุข้อมูลวิธีการที่ส่อไปในทางทุจริต โดยให้ราคาสูงเกินความจำเป็นสร้างความเสียหายต่อรัฐเป็นมูลค่ากว่า 1.9 พันล้านบาทเศษ
โดยมูลความผิดดังกล่าว เป็นความตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งมีโทษจำคุก 1-10 ปีและปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนั้นยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ พ.ร.บ.ฮั่ว โดยคนที่กระทำความผิดต้องมีระวางโทษตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดวีชิต หรือปรับ 100,000-400,000 บาท
มาตรา 13 กำหนดว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.นี้ ให้ถือว่าผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ มีโทษจำคุก 7-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 140,000-400,000 บาท
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สมัยที่นายสมัคร เป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้เห็นชอบอนุมัติการจัดซื้อดังกล่าวเป็นมูลค่ารวมประมาณ 6,687.498 ล้านบาทหรือประมาณ 133.7 ล้านยูโร แล้วได้นำเสนอความเห็นชอบต่อสภา กทม.และได้รับความเห็นชอบในที่สุดในวันที่ 20 ส.ค.47 และได้รับการอนุมัติโดยนายโภคิณ พลกุล รมว.มหาดไทย ในขณะนั้นในวันที่ 27 ส.ค.47
โดยการลงนามดังกล่าวเป็นการลงนามก่อนที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 29 ส.ค.47 เพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งถือเป็นโครงการเมกะโปรเจกทิ้งทวนแถมยังโกงภาษีของประชาชนคนไทยทั้งประเทศด้วย ซึ่งทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าทำไมทักษิณ ถึงเลือกสมัครมาเป็นหุ่นเชิดเพราะทักษิณก็มีความผิดที่ คตส.ชี้มูล ทั้งคดีที่ดินรัชดาฯการปกปิดข้อมูลของเอสซีเอสเซท นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเล่นงาน คตส.ให้ตัวเองพ้นผิด
"ที่ไปที่มาของรัฐบาลหุ่นเชิด เกิดขึ้นเพราะต่างคนต่างกำลังจะติดคุกด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้เรื่องนี้กำลังจะจบลง เพราะทักษิณมีความผิดถึงขึ้นติดคุก สมัครเองก็กำลังจะติดคุก เจ๊เพ็ญเองก็กำลังจะติดคุก เพราะฉะนั้นทั้ง 3 คนต้องจบด้วยการติดคุกด้วยกันทั้งหมด"
**เตรียมเปิดเวทีย่อยหนุน คตส
เวลา 21.50 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นปราศรัยบนเวทีโดยกล่าวถึงการเดินทางไปให้กำลังใจ คตส.ในเวลา 13.30 น.วันนี้ว่า พันธมิตรฯจะต้องให้กำลังใจ คตส.ทั้ง 11 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความกล้าหาญในการตรวจสอบทุจริตของระบอบทักษิณ สามารถสรุปได้แล้ว 12 คดี คิดเป็นมูลค่าถึง 180,000 ล้านบาท ถือเป็นการฝากวีรกรรมไว้ในแผ่นดิน
"พรุ่งนี้เราจะต้องไป ถ้าเราไม่ไป ไฉนเลยจะมีคนกล้าเสียสละในแผ่นดินและจะเป็นเรื่องที่เสียหายในชีวิตเรามาก พรุ่งนี้เราจะใส่สีเหลืองไปโดยพร้อมเพียงกันพร้อมดอกไม้ ใครไม่มีดอกไม้ไม่เป็นไร ขอให้ไปด้วยใจ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน"
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในวันนี้(9) หลังจากให้กำลังใจ คตส.แล้ว พันธมิตรฯจะปราศรัยที่หน้าสำนักงาน คตส. (ใกล้กระทรวงการคลัง) ด้วย โดยจะมี คตส.ที่ถือเป็นหญิงกล้าและเคยสู้กับระบอบทักษิณมาขึ้นปราศรัยด้วย นั่นคือ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณพยายามจะใช้วุฒิสภาถอดถอนจากตำแหน่งผู้ว่า สตง. แต่ถอดถอนไม่ได้ เพราะในหลวงไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย
**คตส.ยินดีพันธมิตรฯมาให้กำลังใจ
ด้านนายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการคณะกรรมการที่ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯจะเดินทางมาให้กำลังใจ คตส.ว่า ตนคิดว่าอย่างน้อยในสถานการณ์เช่นนี้ ยังมีความเข้าใจและเห็นใจ คตส. และเห็นใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่ผ่านมาก็มีประชาชนจากต่างจังหวัดมาให้กำลังใจเช่นกัน แต่ครั้งนี้จะพิเศษกว่าที่ผ่านมา เพราะประชาชนจะมาเป็นจำนวนมาก
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.กล่าวว่า รู้สึกเฉยๆ ที่กลุ่มพันธมิตรฯจะเดินทางมาให้กำลังใจนั้น เพียงแต่ทำงานไปให้ครบวาระเท่านั้นเอง
**โพลชี้ ปชช.ส่วนใหญ่หนุนพันธมิตรฯ
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ฐานสนับสนุนของสาธารณชนต่อท่าทีของพันธมิตรฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองทัพ และรัฐบาล จากประชาชน 18 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พิจิตร พิษณุโลก ขอนแก่น อุบลราชธานี หนองคาย นครราชสีมา บุรีรัมย์ อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ ชลบุรี นครปฐม สมุทรปราการ นนทบุรี สงขลา และนครศรีธรรมราช 3,338 ตัวอย่าง ผลสำรวจพบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 46.5 ของคนกรุงเทพฯ และร้อยละ 46.2 ของคนต่างจังหวัดเห็นพ้องต้องกันว่า สนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่ต้องไม่ทำให้สังคมวุ่นวายและประชาชนเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 8.4 ของคนกรุงเทพฯ และร้อยละ 6.5 ของคนต่างจังหวัดสนับสนุนพันธมิตรฯ ทุกรูปแบบ
ในทางตรงกันข้ามร้อยละ 30.3 ของคนกรุงเทพฯและร้อยละ 31.5 ของคนต่างจังหวัด ระบุว่าไม่สนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ ทุกรูปแบบ นอกจากนี้ร้อยละ 7.6 ของคนกรุงเทพฯและร้อยละ 9.4 ของคนต่างจังหวัดระบุไม่สนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ และยังชักชวนคนอื่นๆ ให้ต่อต้านการชุมนุมด้วย
**"ชลิต"ย้ำกองทัพไม่เลือกข้าง
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวว่า แผนยุทธศาสตร์ดาวกระจายของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น กองทัพไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดูแล ทั้งนี้ เห็นว่าการดำเนินการใดๆ ไม่ควรล่วงล้ำสิทธิบุคคลอื่น หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับส่วนรวม โดยทหารจะไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง แต่จะอยู่กับความถูกต้อง
พล.อ.อ.ชลิต ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ มอบหมายให้ทนายความแจ้งความดำเนินคดีต่อนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา แต่กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอให้กำลังใจทุกคน
**"พัลลภ"หนุน"จำลอง"ไล่รัฐบาล
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นพ.ประเวศ วะสี ราษฏรอาวุโส เสนอแนวทางที่จะให้อดีตนายกฯมาร่วมกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองว่า แนวคิดดังกล่าวถือเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง แต่ว่าจะสามารถทำได้ขนาดไหนก็เป็นอีกเรื่อง เพราะคนที่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องกล้าตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ถ้าหากขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ไม่ทำอะไรเลยประเทศชาติก็ไม่ได้อะไร ตนไม่อยากเห็นแบบนี้
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับ พล.ต.จำลอง ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยากให้ตนไปเจรจา แต่โดยส่วนตัวเห็นว่ามันไกลเกินไปที่จะพูดแล้ว ทั้่งนี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยโทรศัพท์ไปหา พล.ต.จำลอง โดยโทรศัพท์ไปให้กำลังใจเพื่อนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลประกาศจะสลายการชุมนุม
"ผมบอกกับเพื่อน (จำลอง) ว่าเพื่อนสู้ถูกต้องแล้ว ถ้าหากตำรวจมาจับก็ให้ปล่อยให้ตำรวจจับไป อย่าต่อสู้หรือขัดขืน วันนี้เพื่อน (จำลอง) ชนะแล้ว ซึ่ง พล.ต.จำลอง เขาก็บอกกับผมมาว่าขอบคุณเพื่อนที่ให้กำลังใจ ส่วนสถานการณ์ การชุมนุมผมก็ติดตามตลอดเห็นยังตรึงเครียดกันอยู่"
**ขุนทหารนัดถกสถานการณ์วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (9 มิ.ย.) เวลา 08.00 น.พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. นัดประชุมร่วมรับประทานอาหารมื้อเช้าที่กองทัพเรือ พร้อมกับมีการหารือเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เพื่อเป็นข้อเสนอแนะให้กับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นำมาใช้หลังจากที่ ผบ.เหล่าทัพจะเกษียณอายุราชการในปลายปีนี้
นอกจากนี้ ผบ.เหล่าทัพ อาจจะหยิบยกประเด็นสถานการณ์ การเมืองที่กำลังร้อนแรง โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาลอยู่ที่ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์มากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ทั้งนี้การหารือจะมีการขอความเห็นจาก ผบ.เหล่าทัพ ถึงความเหมาะสมในการใช้ พรบ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ด้วย
**"มาร์ค"ปัดข้อเสนอ"บิ๊กสุ" ยุบสภา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ขอแสดงความเห็นถึงข้อเสนอของ พล.อ.สุจินดา ที่ขอให้นายสมัคร ยุบสภา และให้ประชาชนตัดสิน เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งหากยุบสภาก็จะมีการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาไม่ใช่เรื่องของเสียงข้างมาก หรือข้างน้อย แต่เป็นการใช้เสียงข้างมากแล้วไปกระทบกับกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ ของอดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น การแก้ปมปัญหาต้องช่วยกันทำให้เกิดกระบวนการยุติธรรม สามารถรักษาความเป็นอิสระได้และขอให้ตำรวจทำกฏหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ ดำเนินการแบบตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเสนอให้ข้าราชการที่ถูกโยกย้ายหากเห็นว่าเกิดความไม่เป็นธรรม แนะนำให้ไปร้องศาลปกครองจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะที่ผ่านมาฝ่ายค้านพยายามตั้งกระทู้ถามถึงเรื่องการโยกย้ายข้าราชการที่ผิดปกติ แต่รัฐบาลมักอ้างว่าเป็นกฏหมายที่สามารถทำได้
**จวกรัฐเบนประเด็นโยนบาปให้คนอื่น
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้นายสมัคร พยายามโยนบาปให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯว่าเป็นผู้ที่ทำให้การบริหารประเทศผิดพลาด รวมถึงโฆษกรัฐบาลระบุว่านักลงทุนเยอรมันระงับการมาลงทุนในไทยเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ถือเป็นการสร้างความสับสนและเข้าใจผิดให้กับประชาชน เพราะข้อเท็จจริงการพิจารณาที่จะเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจต่างชาติจะต้องดูหลายปัจจัยหลัก ในเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ได้ดูที่ปัจจัยเฉพาะด้าน ที่สำคัญกลุ่มพันธมิตรฯมีการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทั่วโลก จึงถือเป็นการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง
"รัฐบาลบริหารประเทศเหมือนคนใกล้ล้มละลาย แถมยังพยายามสร้างความ แตกแยกให้เกิดขึ้น เช่นการจัดให้มีม๊อบชนม๊อบ รมว.มหาดไทย ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ ควบคุมไม่ให้สถานการณ์บานปลาย แต่กลับออกมาสนับสนุนให้คนออกมาต่อต้าน กลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯจะเป็นอย่างไรถือเป็นสิทธิของเขา และรัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ แต่ปัญหาคือนายกฯไม่มีอำนาจตัดสินใจ แต่คนที่ มีอำนาจแท้จริงคืออดีตนายกฯ ดังนั้น ปัญหาต่างๆ เกิดจากรัฐบาลทั้งสิ้น อย่าเบี่ยงเบนประเด็น และพยายามโยนบาปให้คนอื่น ถ้านักลงทุนไม่มาก็เพราะรัฐบาลชุดนี้บริหารไม่สำเร็จขาดเชื่อมั่นมากกว่า"
**ปลุกผีคาราวานคนจนชนพันธมิตรฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีต ส.ว.อุบลราชธานี มองว่ารัฐบาลจะใช้ยุทธวิธีป่าล้อมเมือง โดยขนมวลชนจัดตั้งของหัวคะแนนนักการเมืองพรรคพลังประชาชนในภาคอีสานเข้ากดดันผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เคยใช้จัดการกับผู้ชุมนุมมาแล้วเมื่อปี 2549 ปรากฎว่าไปสอดคล้องกับข้อมูลของนายอธิวัฒน์ บุญชาติ แกนนำอีสานกู้ชาติที่เปิดเผยบนเวทีพันธมิตรฯว่า อดีตนักการเมืองใหญ่ของบุรีรัมย์ ได้สั่งให้ลูกสมุนระดมมวลชนหลายพันคนเข้ากรุงเทพฯในสัปดาห์นี้
แหล่งข่าวจากแกนนำเอ็นจีโอในพื้นที่ระบุว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนจัดตั้งที่พรรคพลังประชาชนจะนำมาใช้ครั้งนี้จะเป็นคนกลุ่มเดียวกันในเครือข่ายคาราวานคนจน ซึ่งออกมาเคลื่อนไหวเมื่อปี 2549 มีนายคำตา แคนบุญจันทร์, นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ และนางสะอิ้ง ทวายสินธุ์ เป็นแกนนำสำคัญ
แต่การเคลื่อนไหวครั้งใหม่ จะไม่เป็นเอกภาพเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะมีการแตกคอกันในกลุ่ม เนื่องจากมีการนำชื่อกลุ่มในเครือข่ายคาราวานคนจนไปหาประโยชน์กับตัวของแกนนำบางคน จนเป็นที่ทราบกันดีว่าหลังการเคลื่อนไหวเมื่อปี 2549 มีแกนนำได้รับประโยชน์จากโครงการโคล้านตัว ได้รับสัมปทานขุดบ่อน้ำ ได้เงินมาใช้หมุนเวียนในโรงงานผลิตน้ำแข็ง และซื้อรถยนต์ด้วยเงินสด
ขณะที่ประชาชนผู้เข้าร่วมเคลื่อนไหวส่วนใหญ่กลับไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา ดังนั้น การจะออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐบาลครั้งนี้ ผู้เป็นแกนนำต้องประกาศประเด็นการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน จะเคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐบาลในเรื่องใด และคัดค้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพราะอะไร
"ทุกเรื่องต้องมีความชัดเจนไม่คลุมเครือเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะสร้างความเสียหายให้กับคนอีสานและเครือข่ายความเดือดร้อนหลายกลุ่มที่ไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าจะสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณก็ประกาศตัวให้ชัดเจนเหมือนนายขวัญชัย ไพรพนา ดีเจนักจัดรายการวิทยุ จ.อุดรธานี ที่ประกาศชัดเจนว่ารักทักษิณ ดังนั้นการจะออกมาเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มนี้ ต้องกล้าประกาศจุดยืน เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนและได้เลือกข้างจะไปอยู่ข้างไหนกันเลยดีกว่า"
**จับตาทีมล่า"สนธิ"จากอีสานใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานพบการเคลื่อนไหวของซุ้มมือปืนในอีสานใต้ ซึ่งเป็นทีมล่าสังหารที่มีประวัติโชกโชน มีนายตำรวจเชื้อสายแขกปาทานเป็นหัวหน้ากลุ่ม มีลูกน้องเป็นอดีตตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการ รวมตัวกับกลุ่มมือปืนที่เข้ามาอาศัยบารมีนักการเมืองคุ้มกะลาหัว และมีผลงานสังหารฝ่ายตรงข้ามนายใหญ่มานับสิบศพ เริ่มเคลื่อนไหว คาดว่ามีเป้าหมายตามล่าสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในห้าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามที่เป็นข่าวออกมาเป็นระยะ
สำหรับกลุ่มมือปืนซุ้มนี้ มีผลงานทั้งการอุ้มผู้รับเหมาที่มีความขัดแย้งกับนายใหญ่กรณีเขื่อนสียัด สังหารหัวคะแนนฝ่ายตรงข้าม และกลุ่มมาเฟียที่ไม่ยอมส่งส่วยใน จ.บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งนายตำรวจใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ทราบดี แต่ไม่กล้ายื่นมือเข้าไปดำเนินการ เพราะได้รับการสนับสนุนจากนายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ล่าสุดเหิมเกริมคิดตามล่าสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในห้าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยดังกล่าว