“จำลอง” ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ให้ “อัญชลี” ซักละเอียดยิบถึงข้อคาใจต่างๆ ทั้งถูกหลอกให้มานำชุมนุม แล้วทหารจะออกตามมาเอง หรือต้องการชูลัทธิจำลอง-สันติอโศก ย้ำไม่ได้มาเพราะเคืองหมัก หรือแค้นทักษิณ แต่เพื่อประโยชน์ชาติ เห็นใจ ผบ.ทบ.ที่พูดอะไรมากไม่ได้ ยืนยันไม่มีอดอาหารประท้วง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ตอบคำถามเปิดใจ
เมื่อเวลาประมาณ 18.10 น.ของวันนี้ (7 มิ.ย.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในห้าแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นบนเวทีของการชุมนุมที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อเปิดใจในกรณีที่ถูกกล่าวหาต่างๆ นานา ถึงเหตุผลในการชุมนุมและต้องการนำไปสู่การปฏิวัติ โดยมี น.ส.อัญชลี ไพรีรัก เป็นผู้ซักถามในประเด็นต่างๆ
พล.ต.จำลอง ถูกตั้งคำถามว่า เขาอาจจะมีแนวโน้มในการอดข้าวประท้วงเพื่อยกระดับการชุมนุมให้มีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่ง พล.ต.จำลองได้ชี้แจงว่าการชุมนุมครั้งนี้คงอดอาหารไม่ได้ เพราะต้องมีการเคลื่อนไหว เดินไปด้วย นั่งรถไปด้วย ขึ้นหลังคารถไปด้วย ทำให้ทำไม่ได้
ต่อประเด็นที่ว่า พล.ต.จำลอง หลอก 4 แกนนำให้เคลื่อนผู้ชุมนุมออกมาเพราะต้องการจะเสนอลัทธิจำลอง หรือลัทธิสันติอโศก ขณะที่อีกฟากหนึ่งผนึกกำลังกับธรรมกาย ซึ่ง พล.ต.จำลอง เผยว่า การทำงานที่นี่ถือเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การเคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยสู่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านนั้น ทางแกนนำกลุ่มได้ประชุมกัน และก่อนเคลื่อนก็ถามผู้มาร่วมชุมนุมว่าต้องการจะเคลื่อนที่หรือไม่
“ไม่มีเหตุผลซ่อนอยู่เบื้องหลังการชุมนุม เรามาชุมนุมเพื่อใช้หนี้แผ่นดิน 3 สิ่งเหล่านี้ไม่มีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง ผมอยู่บ้านเฉยๆ ไม่สบายกว่าหรือ ที่เรามานั่งอยู่นี่ เราทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่ส่วนตัว” พล.ต.จำลองย้ำ
จากนั้น น.ส.อัญชลี ถามต่อไปว่า จริงหรือไม่ที่ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ นำโดย พล.ต.จำลองมากกว่านายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต.จำลองถูกนายทหารที่เป็นเพื่อนกันหลอกให้ออกมาชุมนุมแล้วทิ้งกลางคัน ทำให้การชุมนุมไม่สำเร็จเสียที ซึ่ง พล.ต.จำลองปฏิเสธว่าไม่จริง “ผมไม่โง่ขนาดนั้น”
ก่อนหน้านี้เชื่อว่าการออกมาของกลุ่มพันธมิตรฯ จะเป็นเงื่อนไขให้ออกมาปฏิวัติ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ทหารก็ไม่ปฏิวัติให้ โดย พล.ต.จำลองแจงว่า ไม่มีการชี้ หรือแนะใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการเจรจากับทหาร และไม่หวังกับทหารสมัยนี้ เราทำหน้าที่ให้เต็มที่ ส่วนผลจะเป็นอย่างไร คาดหวังไม่ได้ การชุมนุมครั้งไหนๆ ก็หวังผลชัดเจนไม่ได้
ส่วนกรณีที่ว่าพันธมิตรฯ ออกมาเร็วเกินไป สถานการณ์ยังไม่สุกงอมแต่ออกมาชุมนุมนั้น พล.ต.จำลอง ระบุว่า สุกงอมไม่รู้จะสุกงอมยังไง ครั้งนี้ยิ่งกว่าครั้งที่แล้ว มีเหตุอะไรมากมายที่รัฐบาลทำไว้ใหญ่โต แค่ 3-4 เดือนทำพังไปเท่าไหร่แล้ว เราเป็นเจ้าของบ้าน จ้างมาทำงานชั่วคราว จ้างมาอย่างมากแค่ 4 ปี ถ้าไม่ดีต้องออก ไม่ได้บอกว่าต้องอยู่ครบ 4 ปี
อย่างไรก็ดี พล.ต.จำลอง ยังปฏิเสธที่ถูกกล่าวหาว่าออกมาชุมนุมเพราะมีความแค้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีเรื่องไม่ถูกคอกับนายสมัคร สุนทรเวช แต่ระบุว่าเป็นเรื่องของประเทศชาติ
“ผมไม่ได้โกรธทักษิณ ทุกวันนี้ถ้าเจอหน้าก็ยังให้เป็นน้อง ผมต้องรับผิดชอบมากกว่าเพื่อน เพราะผมคือตัวการนำทักษิณเข้าสู่การเมือง” พล.ต.จำลอง กล่าว และระบุว่าการออกมาชุมนุมไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ต้องพักค้างอยู่ที่ถนน ครั้งที่แล้ว 34 วัน ครั้งนี้อีก 14 คืนนับว่าหนักหนา
ส่วนจะเอาอะไรไปจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น พล.ต.จำลอง บอกว่าถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องออกมาช่วยกัน เพราะวิกฤตอยู่ที่รัฐบาล อยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งจะมีผลต่อ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
“ผมพยายามทำอย่างเต็มที่ คุณเคยนอนกลางดินกินกลางทราย 48 วันหรือเปล่า นี่เป็นเรื่องใหญ่โต ไม่เคยนึกว่าคนที่เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่เคยดูถนนทุกสายในเมืองนี้ ต้องมากินนอนกลางถนน นับเป็นเดือนกว่าๆ จะให้ทำอะไรก็บอก อยากให้ทำอะไรดีกว่านี้ ก็ขอเพียงแต่เขียนมา” พล.ต.จำลองกล่าว
ทั้งนี้ การเรียกประชาชนออกมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก พล.ต.จำลอง ระบุว่า ไม่ใช่ต้องการกระตุ้นให้ทหารออกมาปฏิวัติ คงจะไปกะเกณฑ์เช่นนั้นไม่ได้ แต่ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าประชาชนไม่ออกมา กระบวนการยุติธรรมก็ฟ่อหมด ไม่มีใครหนุนหลังให้กำลังใจ อย่างตอนนี้ ใครที่เกี่ยวข้องก็ถูกหมายเรียกจับ
น.ส.อัญชลี ถามต่อไปว่า ทำไมไม่ใช้หนทางรัฐสภาแก้ปัญหา พล.ต.จำลอง เปิดเผยว่า เมื่อ 29 ปีก่อนเคยอยู่ในสภา เป็น ส.ว.จากการแต่งตั้ง และเป็น ส.ส.จากการเลือกตั้ง และเป็นหัวหน้าพรรค ไม่เห็นว่าจะแก้ปัญหาได้ แม้จะเชื่อในระบบรัฐสภา แต่ก็ยอมรับว่าแก้วิกฤติไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ต่างๆ คงพึ่ง ส.ส.และ ส.ว.ได้
“หลายครั้งที่มีวิกฤต แล้วก็ไม่สามารถแก้ในสภาได้ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่จำเป็นต้องออกมา ให้เหนื่อยและลำบากเปล่า ถ้าเพียงแต่สามารถบอกให้ ส.ส.แก้ปัญหาได้ เราคงนอนอยู่บ้านสบาย ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. รัฐบาลไหน การเมืองเรายังไม่ก้าวหน้า เราก็รู้ว่า ส.ส.มายังไง”
อย่างไรก็ดี พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า ที่เห็นว่า ส.ส.ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าชอบการปฏิวัติ และก็ไม่ได้ต้องการจะพัฒนาการชุมนุมครั้งนี้ให้ รุนแรงมีความรุนแรงเทียบเท่าเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 เพียงแค่ตองการให้ประชาชนยืนหยัด ออกมาช่วยกัน
หลายคนถามว่าชัยชนะของการชุมนุมอยู่ที่ไหนกันแน่ ซึ่ง พล.ต.จำลองบอกว่า อยู่ที่ข้อเรียกร้องของผู้ที่มาชุมนุม ตามแถลงการณ์ฉบับแรกๆ ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต้องการให้แก้ปัญหาประชาชน อยากให้แก้ปัญหาปากท้อง ไม่ใช่มุ่งแก้รัฐธรรมนูญ
“ไม่เคยมีปัญหาข้าวยากหมากแพงยุคใดหนักเท่ายุคนี้ เราบอกแล้วว่าให้แก้ปัญหาประชาชนก่อน อย่ามัวไปแก้รัฐธรรมนูญ พวกนี้ทำผิดตั้งแต่ต้น เราเห็นว่าหมดเวลาแล้ว 3 เดือนไม่ถือว่าน้อยไป เพราะทำบ้านเมืองพังหมดแล้ว” พล.ต.จำลองกล่าว
นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ยังระบุว่า การชุมนุมไม่ใช่การเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อยากให้รัฐบาลลองจัดการชุมนุมบ้าง โดยไม่ต้องใช้เงินเรียกคน การชุมนุมไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ส่วนประเด็นในการชุมนุมที่ถูกกล่าวหาว่าเลื่อนลอยและหาทางลงไม่ได้นั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า เราไม่ได้เป็นคนผิด ไม่จำเป็นต้องหาทางลง ฝ่ายรัฐบาลต่างหากที่ต้องหาทางลง เมื่อเราได้สิ่งที่เห็นว่าเป็นไปได้แล้ว เราก็กลับบ้าน การกลับบ้านง่าย แต่บอกให้มาชุมนุมนี่ยาก
น.ส.อัญชลี ถามอีกว่า พอนานวันขึ้นคนชุมนุมก็จะอ่อนล้า และจะมากันน้อยลง และในที่สุดก็จะล้มเหลว ซึ่ง พล.ต.จำลองยืนยันว่าไม่จริง
“แม้มีคนน้อยก็จะสู้ เหลือ 5-10 คนก็จะสู้ เรามากู้ชาติครั้งนี้ เสี่ยงน้อยกว่าพระเจ้าตาก และพระนเรศวร ออกไปนอกกำแพงกรุง หัวจะกุด แขนจะขาด เขายังยอมกัน แล้วเรามาเพียงแค่นี้จะไม่ยอมได้อย่างไร” พล.ต.จำลองกล่าว อีกทั้งการชุมนุมก่อให้เกิดความวุ่นวายนั้นไม่จริง เพราะเป็นการชุมนุมอย่างอหิงสา เมื่อตำรวจต้องการเข้ามา จะฉีดน้ำ แก๊สน้ำตาก็ทำ แล้วบอกให้ผู้ชุมนุมกลับมานั่งที่ แต่ถ้าทำเมื่อใด รัฐบาลก็แพ้เมื่อนั้น
พล.ต.จำลอง ถูกถามอีกว่า มีหลายฝ่ายพยายามนำเอาคนกลางเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ย ทั้ง พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (อดีต ผอ.รมน.) และถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ มาขอโทษจะไกล่เกลี่ยได้หรือไม่
“คนกลางที่หามาต้องเป็นดี แต่คนดีก็ต้องเข้าข้างคนดี ระหว่างเรากับรัฐบาล ใครเป็นคนดีคนชั่ว มาได้เลยคนกลาง ถ้าเป็นคนดีจริง” พล.ต.จำลองกล่าว
นอกจากนี้ ต่อประเด็นที่ว่าการชุมนุมเป็นอุปสรรค ทั้งการจราจรและการค้าขายนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า รัฐบาลใช้วิชามารตลอด ขณะที่ผู้ชุมนุมสู้อย่างตรงไปตรงมา ยกตัวอย่างการพยายามนำเด็กนักเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม ที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานที่ชุมนุมมาเป็นเครื่องมือ ให้มาบอกผู้ชุมนุมว่าพวกนักเรียนลำบาก แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนรู้ทัน บอกว่าไม่ให้ นี่นับเป็นวิชามารอย่างหนึ่ง
ส่วนที่มีแม่ค้าที่อ้างว่าค้าขายในแถวบางลำพู และเทเวศร์ นำผลไม้เน่ามาทิ้งบริเวณหน้าโรงเรียนกรมแผนที่ทหาร แยก จ.ป.ร.เพื่อขอร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดการจราจร เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการจำหน่ายผลไม้ไม่ได้ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น พล.ต.จำลองเผยว่า มีแม่ค้าแถวตลาดจตุจักรแจ้งว่า เป็นแม่ค้าปลอม เพราะเห็นกินๆ นอนๆ อยู่แถวนั้น เป็นคนเข็นขยะ
อีกทั้งถ้ารัฐบาลไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้ว นายสมัครลาออกแล้ว และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (รองนายกรัฐมนตรี) ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน จะเป็นอย่างไนต่อไปนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า แม้เป็นคำถามที่น่าคิด แต่สถานการณ์ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งต้องมีการประชุมก่อนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ส่วนทหารร่วมรุ่น และพี่น้องทหารของ พล.ต.จำลองที่มีมากมาย แต่ไม่เห็นว่าจะมาร่วมการชุมนุมนั้น พล.ต.จำลอง เผยว่า มีมากันเยอะ แต่อย่าให้ต้องขึ้นมาบนเวที เพราะพวกเขามาในฐานะพลเมืองธรรมดา อย่าให้ต้องแต่งเครื่องแบบมาเลย อาจจะเดือดร้อน แต่เขาก็รู้หนาวรู้ร้อน และกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไร ซึ่ง พล.ต.จำลองย้ำว่า ไม่ได้หวังพึ่งใคร
สำหรับท่าทีของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก นั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปมองเลย โดยไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ตอนนี้ พล.อ.อนุพงษ์คงพูดอย่างมากได้แค่นี้ ถ้าใครอยู่กับรัฐบาลจะพูดมากกว่านี้ได้อย่างไร
“เมื่อเช้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ พูดสั้นๆ ว่าจะอยู่ข้างประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน” พล.ต.จำลองกล่าว และถ้าอ้างว่าส่วนใหญ่อยู่ที่การเลือกตั้ง ซึ่งเลือกพรรคพลังประชาชนมา ก็อ้างอีกได้ว่าส่วนใหญ่ก็คือคนรับร่างรัฐธรรมนูญ 14.7 ล้าน แต่ก็อย่าไปคาดคั้นทหารที่กำลังอยู่ในราชการ ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์