xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 18-24 พ.ค.2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ส.ส.พรรคพลังประชาชน นำรายชื่อ ส.ส.-ส.ว.164 คน ยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติม รธน. 2550 ต่อนายชัย ชิดชอบ ปธ.รัฐสภา(21 พ.ค.)
คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ


1. “พปช.”ไม่สนเสียงต้าน นำทีมยื่นญัตติแก้ รธน.แล้ว ขณะที่ “ชท.-ปชร.”ไม่เอาด้วย ด้าน “ปชป.”ออกแถลงการณ์ต้าน!

ในที่สุด ส.ส.พรรคพลังประชาชนก็มิได้นำพาต่อกระแสต้านการแก้ รธน.เพื่อตัดตอนคดียุบพรรคและคดีทุจริตอื่นๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องถูก คตส.กล่าวโทษ โดย ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้เดินหน้านำรายชื่อ ส.ส.และ ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อ 164 คน เข้ายื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติม รธน.2550 ต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาเมื่อวันที่ 21 พ.ค. สำหรับรายชื่อ ส.ส.-ส.ว.ดังกล่าว แบ่งเป็น ส.ส.พรรคพลังประชาชน 123 คน ,พรรคเพื่อแผ่นดิน 5 คน ,พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 4 คน ,พรรคมัชฌิมาธิปไตย 2 คน และ ส.ว.30 คน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มี ส.ส.พรรคชาติไทยและพรรคประชาราชร่วมลงชื่อเพื่อยื่นญัตติขอแก้ไข รธน.ครั้งนี้แต่อย่างใด ด้านนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา บอก ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับการแก้ รธน.เพราะประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย และว่า หลังจากรับรายชื่อ ส.ส.-ส.ว.164 คนดังกล่าวแล้ว จะให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร(พิทูร พุ่มหิรัญ)เร่งตรวจสอบรายชื่อและความถูกต้องของญัตติโดยเร็วที่สุด พร้อมชี้ว่า ไม่มีกระแสต่อต้านการแก้ รธน.แต่อย่างใด ทั้งนี้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้แนบร่างแก้ไข รธน.ฉบับ คปพร.ของ นพ.เหวง โตจิราการ ให้ประธานรัฐสภาด้วย โดยร่างแก้ไขฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาเหมือนกับ รธน.2540 ซึ่งเท่ากับตัดมาตรา 237 และ 309 ออกไปจาก รธน.โดยปริยาย รวมทั้งระบุให้การกระทำและประกาศคำสั่งต่างๆ ที่เกิดจาก คมช.เป็นโมฆะอีกด้วย สำหรับการยื่นญัตติขอแก้ไข รธน.ของ ส.ส.พรรคพลังประชาชนครั้งนี้ ปรากฏว่า มี ส.ส.พรรคพลังประชาชนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วย เช่น นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร ได้ออกมาแฉในวันเดียวกัน(21 พ.ค.)ว่า ส.ส.ในพรรคหลายคนต่างมึนงง และไม่ทราบมาก่อนว่า ส.ส.กลุ่มดังกล่าวจะยื่นญัตติขอแก้ไข รธน.ในวันดังกล่าว ทั้งที่การแก้ รธน.เป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องมีการประสานกันในพรรคและพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากเกิดอาการเสียงแตกในพรรคพลังประชาชนแล้ว ยังมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในการยื่นญัตติขอแก้ไข รธน.ด้วย โดย ส.ส.และ ส.ว.หลายคนที่ร่วมลงชื่อได้ออกมาแฉว่า ถูกหลอกให้ร่วมลงชื่อโดยเข้าใจว่าเป็นการลงชื่อเพื่อให้มีการทำประชามติก่อนแก้ รธน. ซึ่งล่าสุด(จนถึงเย็นวันที่ 23 พ.ค.) มีผู้ขอถอนชื่อต่อประธานรัฐสภาแล้ว 20 คน แบ่งเป็น ส.ว.19 คน และ ส.ส.1 คน(นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน) ด้านนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นแกนนำในการรวบรวมรายชื่อ ส.ส.-ส.ว.เพื่อยื่นญัตติแก้ไข รธน.อ้าง เหตุที่มีผู้ขอถอนชื่อหลายคน เป็นเพราะถูกอำนาจมืดในระบอบเผด็จการข่มขู่กดดันอย่างหนัก ขณะที่ ส.ว.สรรหาบางส่วน(เช่น นายคำนูณ สิทธิสมาน ,นายวรินทร์ เทียมจรัส ฯลฯ) ได้ขอให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีมี ส.ส.-ส.ว.โดนหลอกให้ร่วมลงชื่อเพื่อยื่นญัตติแก้ไข รธน. เพราะการกระทำดังกล่าวกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของสภา ด้านนายชัย ไม่เชื่อว่าจะมี ส.ส.-ส.ว.ถูกหลอกให้ลงชื่อ โดยบอก โตๆ กันแล้วจะถูกหลอกได้อย่างไร ถ้าถูกหลอกจริง ก็ให้ไปดำเนินคดีแล้วเอาเข้าคุกไปสิ เพราะถือว่าถูกหลอกแล้วทำให้เสียชื่อเสียง ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ออกมาแสดงความรำคาญต่อกระแสต้านการยื่นญัตติแก้ไข รธน. จึงได้ส่งสัญญาณว่าควรจะมีการทำประชามติเพื่อตัดความรำคาญก่อน โดยบอก วันที่ 27 พ.ค.นี้ จะนำเรื่องให้ที่ประชุม ครม.พิจารณา จะยอมเสียเงินสัก 2 พันล้านทำประชามติ และว่า เรื่องญัตติแก้ไข รธน.นายชัยต้องเก็บไว้ก่อน อย่าเพิ่งบรรจุ ส่วนการทำประชามติ ตนจะให้เวลาหาเสียง 45 วัน แล้วลงคะแนนต้นเดือน ก.ค.ว่าจะเอาหรือไม่เอา โดยจะถามประชาชนแค่ประเด็นเดียวว่า จะแก้หรือไม่แก้ รธน.เท่านั้น ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องแก้ ถ้าส่วนใหญ่เห็นด้วยก็แก้ จะได้ปิดปากกันเสียที หมดเรื่องกันเสียที ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่ตัดสินใจทำประชามติเรื่องแก้ รธน.เพราะนำเรื่องกระแสต้านมาพิจารณาด้วยใช่หรือไม่ นายสมัคร บอกว่า “ไม่ใช่กระแสต่อต้าน ผมรำคาญ ไม่บอกว่ารำคาญอะไร แต่ผมมีวิธีการของผม” อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณจากทาง กกต.ว่า การทำประชามติอาจจะไม่สามารถทำได้รวดเร็วอย่างที่นายสมัครต้องการ โดยนายประพันธ์ นัยโกวิท 1 ใน กกต. บอก ขณะนี้ยังไม่มี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ โดยอยู่ระหว่างยกร่าง ดังนั้นการที่รัฐบาลคาดว่าจะทำประชามติในช่วงต้นเดือน ก.ค.จึงไม่มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ด้านนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เมินคำแนะนำนายสมัคร สุนทรเวช ที่เสนอให้ชะลอการบรรจุญัตติแก้ไข รธน.ไว้ เพื่อทำประชามติก่อน โดยยืนยันว่า จะทำตามข้อบังคับการประชุมสภา ที่จะต้องบรรจุญัตติเข้าสู่วาระการประชุมภายใน 15 วัน นับแต่วันเปิดสมัยประชุมวิสามัญ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเปิดประชุมเมื่อใด ส่วนทางด้านพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประชุมด่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนยื่นญัตติแก้ไข รธน. พร้อมออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เพื่อแสดงจุดยืนของพรรคฯ โดยเรียกร้องให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนหยุดทำร้ายประเทศด้วยการถอนร่างแก้ไข รธน.ดังกล่าว เพราะนอกจาก รธน.2550 จะไม่ได้มีบทบัญญัติมาตราใดที่ขัดขวางการทำหน้าที่ของรัฐบาลแล้ว ผู้ยื่นญัตติขอแก้ รธน.ยังมีเจตนาที่จะลบล้างกฎหมายเพื่อรอดพ้นจากคดียุบพรรค และตัดตอนคดีทุจริตที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกฟ้องร้องในข้อหาโกงชาติอยู่ในขณะนี้ ด้วยการตัดมาตรา 237 และ 309 ออกจาก รธน. ทั้งยังจะมีการเปลี่ยนแปลงองค์กรอิสระที่กำลังปฏิบัติหน้าที่กีดมือขวางเท้าคนของพรรคพลังประชาชนอยู่ในขณะนี้ หากปล่อยให้การแก้ไข รธน.ดำเนินไปตามที่ผู้ยื่นญัตติต้องการ จะก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างกว้างขวางและอาจนำประเทศไปสู่สถานการณ์ไม่พึงประสงค์ได้ พรรคฯ จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องต่อสู้คัดค้าน ดังนั้น จากนี้ไป พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าคัดค้านการแก้ไข รธน.ครั้งนี้อย่างเต็มที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่ยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นใหญ่ในการนำเสนอทางออกที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง

เปิดรายชื่อ ส.ส.-ส.ว.เข้าชื่อยื่นญัตติแก้ รธน.“ฟอกมาร”
ส.ว.แฉ!! ถูกหลอกทำประชามติแก้ไข รธน.แห่ทยอยถอนชื่อเพิ่ม
“ปู่ชัย” จำใจบรรจุญัตติแก้ รธน.เข้าสู่สภา โวยสื่อตัวเร่งเผชิญหน้า
“คำนูณ” แฉร่างแก้ไข รธน.ขัด ม.291 - เตือน “ปู่ชัย” บรรจุเข้าวาระ “ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ”
“หมัก” ผวาพังยอมถอยทำประชามติแก้ รธน.ใช้งบ 2 พันล้าน
กกต.ติงเร่งทำประชามติอาจสะดุด เหตุ กม.อยู่ชั้นยกร่าง
ปชป.แถลงจี้ถอนร่างแก้ รธน. ชี้ล้ม กม.-เจตนาป้องประโยชน์ “แม้ว”

แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประชุมและออกแถลงการณ์ฉบับที่ 9 เรื่อง ชุมนุมใหญ่ต่อต้านการล้มล้าง รธน.(เมื่อ 22 พ.ค.)
2. “พันธมิตรฯ” ดีเดย์ “ชุมนุมใหญ่”ต้านล้ม รธน.ฉบับประชามติ 25 พ.ค.นี้ ด้าน “สนธิ”ชี้ นี่คือ “สงครามครั้งสุดท้าย”!

เมื่อวันที่ 22 พ.ค.แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประชุมและออกแถลงการณ์ฉบับที่ 9 เรื่อง “ชุมนุมใหญ่ต่อต้านการล้มล้างรัฐธรรมนูญ” โดยชี้ว่า การที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคได้ยื่นญัตติแก้ไข รธน.ต่อประธานรัฐสภาเมื่อวันที่ 21 พ.ค.เพื่อล้มล้าง รธน.2550 ทั้งฉบับที่มาจากการลงประชามติของคนส่วนใหญ่ในประเทศ 14 ล้าน 7 แสนเสียงนั้น เมื่อพิจารณาเนื้อหาร่างแก้ไข รธน.ของ ส.ส.ดังกล่าวแล้ว เป็นที่ชัดเจนว่า ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติได้ดำเนินการสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนอย่างชัดเจน โดยอันตรายต่อสถาบันชาติ ได้แก่ การลบล้าง รธน.2550 เพื่อลบล้างความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ,การช่วยเหลือนักการเมืองให้หลบหนีคดียุบพรรค ,การทำให้กระบวนการตรวจสอบนักการเมืองอ่อนแอลง และทำให้องค์กรอิสระอยู่ใต้อิทธิพลทางการเมืองจนไม่สามารถทำงานได้ อันจะนำไปสู่ความล่มจมของชาติอีกครั้งดังที่เคยเกิดมาแล้วในระบอบทักษิณจากการใช้ รธน.2540 ส่วนอันตรายต่อสถาบันศาสนา ได้แก่ การที่ผู้ต้องการล้มล้าง รธน.2550 จงใจใช้วิธีสกปรกด้วยการนำพุทธศาสนามาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการแก้ รธน. ทำให้เกิดความแตกแยกของศาสนิกชนของคนในชาติอย่างกว้างขวาง สำหรับอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น แถลงการณ์พันธมิตรฯ ระบุว่า เห็นได้จากการที่รัฐบาลและรัฐสภาชุดนี้ที่มีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำ ไม่ใส่ใจแก้ปัญหากระบวนการจาบจ้วงสถาบันที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและหลากหลายรูปแบบ ทั้งยังปล่อยให้รัฐมนตรีในรัฐบาลหุ่นเชิดแสดงทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้น หากการล้มล้าง รธน.2550 อย่างฉ้อฉลครั้งนี้ทำได้สำเร็จเมื่อใด ย่อมสะท้อนว่าฝ่ายการเมืองได้แสดงแสนยานุภาพของระบอบเผด็จการรัฐสภาที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเมื่อใดก็ได้ ส่วนอันตรายต่อประชาชนนั้น นอกจากรัฐบาลจะไร้ความสามารถ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง จนเกิดการชุมนุมของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานแล้ว รัฐบาลหุ่นเชิดยังกลับดำเนินการล้มล้างแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่จะช่วยเหลือให้ประชาชนพึ่งพาตัวเองได้ ลบล้างปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงออกจาก รธน. และลดอำนาจประชาชนในการตรวจสอบฝ่ายการเมือง แถลงการณ์พันธมิตรฯ ชี้ด้วยว่า รัฐบาลหุ่นเชิดมุ่งแต่จะหาทางล้มล้าง รธน.เพื่อฟอกผิดตัวเองและพวกพ้องโดยไม่สนใจต่อวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับ 3 สถาบันและประชาชน ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ หุ่นเชิดและหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่แม้จะดูเหมือนกลับลำให้ประธานรัฐสภาชะลอการบรรจุวาระการล้มล้าง รธน.เพื่อให้ทำประชามติก่อนนั้น ก็เป็นแค่เล่ห์เพทุบายที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติเล่นละครตบตาหลอกลวงประชาชน เพราะหากนายสมัครจริงใจที่จะให้มีการทำประชามติจริงๆ ก็สามารถสั่งให้ลูกพรรคพลังประชาชนถอนญัตติการล้มล้าง รธน.ได้ แต่กลับไม่ทำ กลับจะให้รัฐสภาชะลอการบรรจุญัตติเข้าสภา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ ดังนั้น เมื่อเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า วิกฤตต่างๆ และการล้มล้าง รธน.กำลังเกิดขึ้น พันธมิตรฯ จึงขอใช้สิทธิที่จะ “ชุมนุมใหญ่”เพื่อพิทักษ์ รธน.และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค.นี้ ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 15.00น. พร้อมกันนี้ พันธมิตรฯ จะใช้สิทธิรวบรวมรายชื่อประชาชน 2 หมื่นคน เพื่อดำเนินการยื่นถอดถอน ส.ส.-ส.ว.ที่ลงชื่อยื่นญัตติแก้ไข รธน.เนื่องจากมีพฤติกรรมขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งขัดต่อ รธน. และขอใช้สิทธิยื่นต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นักการเมืองเลิกการกระทำนั้นเสียหรือให้ยุบพรรคการเมืองดังกล่าว ทั้งนี้ แกนนำพันธมิตรฯ ขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วมชุมนุมเพื่อพิทักษ์ รธน.พร้อมขอให้ผู้สนใจเตรียมสำเนาบัตรประชาชน เพื่อถอดถอนนักการเมืองที่ล้มล้าง รธน.ด้วย ด้านสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศในรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน”ทางเอเอสทีวีเมื่อคืนนี้(23 พ.ค.)ว่า การชุมนุมในวันที่ 25 นี้ จะเป็น “สงครามครั้งสุดท้าย”ของตนแล้ว พร้อมเชื่อว่าจะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องเช่นกัน และอาจจะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของระบอบทักษิณ หรืออาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศไทยในยุคที่กำลังจะกลายเป็นสาธารณรัฐในที่สุดก็ได้

พันธมิตรฯ นัดชุมนุมใหญ่ 25 พ.ค.ต้านล้ม รธน.50 - ล่าชื่อถอด ส.ส.ยื่นญัตติฟอกมาร
“สนธิ” ลั่น “25 พ.ค.”สงครามครั้งสุดท้าย!

จักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ เตรียมเปิดแถลงชี้แจงกรณีคำบรรยายหมิ่นสถาบันในวันที่ 26 พ.ค.นี้
3. “จักรภพ”เตรียมชี้แจง “คำพูดหมิ่นเบื้องสูง”26 พ.ค.นี้ ลั่น ถ้าผิด-พร้อมรับโทษทัณฑ์!

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา บุคคลร้อนของทำเนียบรัฐบาลยังคงเป็นนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งนอกจากประเดิมเป็นรัฐมนตรีคนแรกในรัฐบาลนี้ที่ถูกฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง(21 พ.ค.)ฐานใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายและ รธน.กรณีแทรกแซงสื่อ และส่อฮั้วให้บริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง ของอดีตพนักงานทีไอทีวีเข้ารับสัมปทานผลิตรายการข่าวกับเอ็นบีทีแล้ว นายจักรภพยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางกรณีไปบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2550 ซึ่งหลายฝ่ายไม่เพียงมองว่าน่าจะเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน แต่อาจถึงขั้นเป็นกบฎด้วยซ้ำ เพราะเนื้อหาคำบรรยายสะท้อนถึงความไม่ต้องการการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยทางพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบคำแปลคำบรรยายของนายจักรภพให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ จัดการ เนื่องจากพรรคฯ มองว่า เป็น “ทัศนคติที่อันตรายต่อสถาบัน”แต่นายจักรภพพยายามปฏิเสธว่า ตนไม่ได้เจตนาให้เกี่ยวข้องกับสถาบัน พร้อมประกาศจะแปลคำบรรยายดังกล่าวให้สาธารณชนได้ทราบเร็วๆ นี้นั้น ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.นายจักรภพได้ไปตรวจราชการที่ จ.นครพนม และได้ไปรอพบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ (ผู้ซึ่งออกมาแฉก่อนหน้านี้ว่า มีขบวนการล้มปืน ทุน และเจ้า) ในงานเปิดพิพิธภัณฑ์ จ.นครพนมด้วย ซึ่งต่อมา(20 พ.ค.) นายจักรภพ ได้อ้างว่า พล.อ.ชวลิตบอกว่าจะช่วยอธิบายช่วยเคลียร์เรื่องที่ตนกำลังถูกสังคมเข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม พล.อ.ชวลิตได้ออกมาปฏิเสธในวันเดียวกันว่า ไม่ได้บอกว่าจะช่วยนายจักรภพชี้แจง เพราะเรื่องนี้คนไทยยอมไม่ได้ พล.อ.ชวลิต ยังบอกด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้บอกตนระหว่างเข้าอวยพรวันเกิดตน(เมื่อ 15 พ.ค.)ว่า มีความห่วงใยมากในสิ่งที่นายจักรภพได้พูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฯ พร้อมบอกด้วยว่า นายจักรภพต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ และคงพิจารณาตัวเองได้ว่า ต้องทำอย่างไร ด้านผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 4(ผบ.สส.-ผบ.ทบ.-ผบ.ทอ.-ผบ.ทร.)รู้สึกกังวลต่อคำพูดของนายจักรภพเช่นกัน จึงได้นัดหารือนอกรอบเมื่อวันที่ 20 พ.ค. โดยมีรายงานว่า กองทัพรู้สึกไม่พอใจการกระทำของนายจักรภพ ที่ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพจึงได้มอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นผู้ประสานกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม เพื่อให้ดำเนินการกับนายจักรภพ กระทั่งมีข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ได้เข้าพบนายสมัครที่ทำเนียบฯ เมื่อเย็นวันที่ 21 พ.ค. โดยนายสมัครได้หยิบเอกสารคำแปลคำพูดนายจักรภพให้ พล.อ.อนุพงษ์อ่านด้วย ซึ่งหลังจากพบกันดังกล่าว นายสมัครก็ได้ชวน พล.อ.อนุพงษ์เดินทางไปปฏิบัติราชการที่ประเทศฟิลิปปินส์ด้วยเมื่อวันที่ 22-23 พ.ค.(ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะมีการปฏิวัติ) ขณะที่นายจักรภพซึ่งตอนแรกมีกำหนดจะเดินทางไปกับนายสมัครด้วย กลับไม่ได้เดินทางไปด้วยแต่อย่างใด โดยนายจักรภพได้เก็บตัวเงียบและงดภารกิจต่างๆ อย่างไรก็ตาม นายจักรภพได้ส่ง จม.ถึงสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ว่า ตนพร้อมจะพิสูจน์ความผิดและความจริงกรณีคำบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฯ ให้เป็นที่ประจักษ์ และว่า ตนได้ขอให้นายกฯ แจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้พนักงานสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ให้สิ้นกระแสความ หากปรากฏว่า ตนได้กระทำผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา ก็พร้อมจะให้ดำเนินคดีและรับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย และล่าสุด(23 พ.ค.) นายจักรภพซึ่งยังเก็บตัวเงียบ ได้ให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกรัฐบาล ออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนว่า วันที่ 26 พ.ค.นี้(14.00น.) นายจักรภพจะเปิดแถลงชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์ใจเกี่ยวกับคำบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฯ และคำพูดอื่นๆ ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ที่ตึกนารีสโมสร และว่า ระหว่างนี้นายจักรภพกำลังรวบรวมเอกสารและแปลคำพูดต่างๆ เพื่อความถูกต้องตรงตามเจตนารมณ์ที่ตนพูด ส่วนความคืบหน้าด้านคดี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถอดเทปคำพูดภาษาอังกฤษของนายจักรภพที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฯ จากนั้นได้ส่งให้กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแปลเป็นภาษาไทยนั้น พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผย(22 พ.ค.)ว่า ขณะนี้ทางกองการต่างประเทศแปลเอกสารดังกล่าวเสร็จแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยจะให้พนักงานสอบสวนพิจารณาต่อไป และว่า ในการดำเนินคดีจะต้องยึดการแปลของกองการต่างประเทศเป็นหลักในการสอบสวนและใช้เป็นหลักในชั้นศาล เพราะถือเป็นผู้ชำนาญการ และตามขั้นตอนต้องเรียกนายจักรภพมาสอบสวน เพราะเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดี ขณะที่ พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ผู้ช่วย ผบ.ตร.บอกว่า แม้กองการต่างประเทศจะแปลคำบรรยายนายจักรภพเสร็จแล้ว แต่ในการพิจารณา คงต้องสอบถามผู้รู้เพิ่มเติม เช่น ผู้รู้ทางรัฐศาสตร์ ภาษาศาสตร์ ว่าภาษาอังกฤษที่ใช้ในทางรัฐศาสตร์มีความหมายว่าอย่างไร และต้องตรวจสอบไปยังราชบัญฑิตยสถานด้วยว่า คำที่ใช้บางคำนั้นมีความหมายแค่ไหน ส่วนทางด้านนายจักรภพซึ่งเตรียมเปิดแถลงในวันที่ 26 พ.ค.นี้ ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. มีบันทึกของที่ปรึกษานายจักรภพหลุดถึงมือสื่อมวลชน โดยเป็นบันทึกของนางอรอนงค์ เปรมะสกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ (จักรภพ) ที่ทำถึงนายจักรภพ เสนอแนะให้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที(ช่อง 11)ที่นายจักรภพกำกับดูแลอยู่ นำเสนอรายการสารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตลอดเดือน ก.ค.นี้ และสารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดเดือน ส.ค. เพื่อสยบกระแสข่าวที่ทำให้นายจักรภพเสียหายอยู่ในขณะนี้ ซึ่งท้ายหนังสือดังกล่าว นายจักรภพได้ลงนามเห็นชอบให้ดำเนินการตามที่นางอรอนงค์เสนอ ทั้งนี้ นางอรอนงค์ เป็นอดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันเป็นกรรมการมูลนิธิธรรมกาย และเป็นสีกาคนสนิทของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

เพ็ญ” เจออีกดอก ฝ่ายค้านยื่นถอดถอนแล้วคาดถึง ป.ป.ช.จันทร์นี้
“บิ๊กจิ๋ว” ชี้ปัญหา “จักรภพ” เป็นเรื่องส่วนตัวไปชี้แจงเอง - ลั่นยังไม่พร้อมเข้าสู่ถนนการเมือง
“นายแม้ว” สั่ง “เพ็ญ” ถอย-หนุน “หมัก” ประชามติแก้ รธน.
รายงานพิเศษ : จาก “แทรกแซงสื่อ” ถึง “ฮั้วเอ็นบีที”...(จักรภพ) ส่อไม่รอด !?!

สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และพิธีกรรายการ ชิมไปบ่นไปและ ยกโขยงหกโมงเช้า
4. “สมัคร”ลุ้น จะ “ตายน้ำตื้น”หรือไม่ หลังถูกยื่นสอบจัดรายการ“ชิมไปบ่นไป”!

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และพิธีกรรายการ “ชิมไปบ่นไป”และรายการ “ยกโขยงหกโมงเช้า” ได้ชี้แจงกรณีที่หยุดออกอากาศทั้ง 2 รายการดังกล่าวระหว่างจัดรายการ “สนทนาประสาสมัคร”ว่า เพราะมีคนจะเอาตนออกจากตำแหน่งนายกฯ จึงไปยื่น กกต.ให้สอบว่าการที่ตนเป็นพิธีกรจัดรายการดังกล่าว ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ โดยนายสมัคร ยืนยันว่า ตนได้ปรึกษานักกฎหมายก่อนแล้วว่า สามารถจัดได้ไม่มีปัญหา เพราะตนไม่ใช่ลูกจ้างบริษัทที่ผลิตรายการดังกล่าว(บ.เฟช มีเดีย จำกัด) ตนแค่รับจ้างเท่านั้น ซึ่งหาก กกต.บอกว่าไม่ผิด แต่ไม่สมควร ตนก็จะหยุดจัดเสีย ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ซึ่งเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติของนายสมัคร ว่าการจัดรายการดังกล่าว ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ ยืนยัน(19 พ.ค.)ว่า ตนไม่ได้เป็นขบวนการที่จ้องจะเอานายกฯ ออกจากตำแหน่ง แต่เกิดความสงสัยไม่แน่ใจว่า การจัดรายการของนายกฯ ขัดต่อ รธน.มาตรา 182(7) ,267 ,268 และ 269 หรือไม่ จึงได้ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ ซึ่งมาตรา 267 นั้น ระบุชัดว่า “นายกฯ และรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกันหรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใดก็มิได้ด้วย”ด้าน กกต.ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้โดยมี พล.อ.ยอดชาย เทพยสุวรรณ เป็นประธาน โดยจะให้ได้ข้อสรุปภายใน 15 วัน ขณะที่นายศักดิ์ชัย แก้ววรรณีสกุล กรรมการผู้จัดการ บ.เฟช มีเดีย ผู้ผลิตรายการ “ชิมไปบ่นไป”และ “ยกโขยงหกโมงเช้า” บอกผู้สื่อข่าว(19 พ.ค.)ว่า ไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ในทุกกรณีเกี่ยวกับการจัดรายการดังกล่าวของนายสมัคร โดยบอก ขอเวลาประชุมทีมงานก่อนว่าจะมีทิศทางหรือแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร จากนั้นจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ผู้ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบนายสมัคร เผยอีกครั้ง(22 พ.ค.)ว่า ตนได้ส่งหนังสือถึง กกต.อีก 1 ฉบับ ซึ่งน่าจะยืนยันได้ว่า นายสมัครเป็นลูกจ้างบริษัท เฟช มีเดีย โดยนายสมัครได้ให้สัมภาษณ์นิตยสาร “สกุลไทย”(ฉบับที่ 2543 ปีที่ 47 วันที่ 23 ต.ค.44) ว่า ตนได้เงินเดือนจากการจัดรายการ “ชิมไปบ่นไป”จาก บ.เฟช มีเดีย เป็นเงินเดือนละ 8 หมื่นบาท โดยได้บริจาคให้กองทุนสุนัขและแมวจรจัด สังกัด กทม. นอกจากนี้นายสมัครยังระบุด้วยว่า “ทำรายการมาตั้ง 31 เสาร์แล้ว ไม่น่าเชื่อว่า รายการครึ่งชั่วโมงมีสปอนเซอร์เต็มเหยียด” ทั้งนี้ นายเรืองไกร ตั้งข้อสังเกตว่า หากนับเวลาที่นายสมัครเป็นพิธีรายการดังกล่าวตั้งแต่ปี 2544 จนถึงช่วงที่นายสมัครเป็นนายกฯ นับเป็นเวลารวม 7 ปีเศษแล้ว ย่อมบ่งบอกว่านายสมัครได้มีพฤติกรรมที่ทำให้บริษัทดังกล่าวมีผลกำไรมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายสมัคร ได้ทำเอกสารชี้แจง กกต.(23 พ.ค.)ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยบอกว่า ตนไม่ได้เป็นลูกจ้าง บ.เฟช มีเดีย เป็นแค่พิธีกรกิตติมศักดิ์ที่ได้รับเชิญมาแต่ละครั้ง พร้อมยืนยัน ไม่เคยได้รับเงินเดือนใดใดทั้งสิ้น ด้านนางสดศรี สัตยธรรม 1 ใน กกต.เผย คาดว่าสิ้นเดือน พ.ค.นี้ การสอบสวนเรื่องนี้น่าจะแล้วเสร็จ ยกเว้นว่าคณะอนุกรรมการสอบสวนไม่ทัน อาจยื่นขอขยายเวลาออกไปได้ นางสดศรี ยังบอกด้วยว่า เชื่อว่าปัญหานี้น่าจะคลี่คลาย หากผู้ร้องไม่มีเอกสารหลักฐานการทำสัญญามายืนยันเป็นอย่างอื่น และว่า ส่วนตัวแล้ว ยังไม่เห็นเอกสารข้อมูลจากนิตยสารสกุลไทยที่นายเรืองไกรจะส่งให้ กกต.แต่อย่างใด

“หมัก” ขนลุกลูกจ้างชิมไปบ่นไป ขีดเส้น 15 วัน เข้าข่ายตกเก้าอี้
“หมัก” ชิมไปบ่นไป ส่อร่อแร่ ส.ว.ส่งหลักฐานมัด รับกินเงินเดือน 8 หมื่น
“หมัก” ปลิ้นปล้อน ปัดลูกจ้างชิมไปบ่นไป ปากสั่นแค่พิธีกรรับเชิญ

5. “มือมืด”บุกทำลาย “ปราสาทพนมรุ้ง” เชื่อ หวังล้มพิธีสืบชะตา ปท. ด้านตระกูล “ชิดชอบ”รีบปัด ไม่เกี่ยวข้อง!
นายสันทัด จัตุชัย ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบร่องรอยความเสียหาย หลังคนร้ายบุกขึ้นไปทุบทำลายปราสาทพนมรุ้งเสียหายหลายจุด
เมื่อวันที่ 20 พ.ค.มีรายงานว่า ได้เกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าทำลายปราสาทหินพนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ โดยหลายส่วนถูกทำลายเสียหาย เช่น เศียรนาคบริเวณสะพานนาคราช 11 เศียรถูกทุบบริเวณปากนาค ขณะที่ทวารบาล เทพผู้เฝ้าประตูด้านทิศใต้ของปรางค์ประธานก็ถูกทุบแขนทั้งสองข้าง ส่วนโคนนทิภายในปรางค์ประธานก็ถูกปากเสียหายเช่นกัน รวมทั้งสิงห์ที่อยู่ด้านหลังปราสาทก็ถูกทุบปากเสียหายอีก 2 ตัว นอกจากนี้คนร้ายยังได้เคลื่อนย้ายศิวลึงค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของปราสาทพนมรุ้งออกจากแท่น และนำไปทิ้งในรางสรงประสูติ(รางทำพิธีปลุกเสกน้ำมนต์)ด้วย ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า คนร้ายได้วางบุหรี่ ยาเส้น และแก้วน้ำชาคล้ายกับทำพิธีกรรมเซ่นไหว้ เพื่อขอขมาก่อนมีการทุบทำลายสิ่งศักดิ์ในตัวปราสาทด้วย ขณะที่นักท่องเที่ยวและประชาชนที่ทราบข่าวดังกล่าวต่างพากันรุมประณามและสาปแช่งโจรใจบาปดังกล่าว ด้านผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ นายสันทัด จตุชัย สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะก่อเหตุเมื่อกลางดึกวันที่ 19 พ.ค.ช่วงที่ยามของปราสาทพนมรุ้งไม่ได้เดินสำรวจ ขณะที่ตำรวจในพื้นที่ให้น้ำหนักกับประเด็นกลุ่มผู้ทำไสยศาสตร์มากที่สุด เพราะลักษณะการก่อเหตุจงใจทุบทำลายเฉพาะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ และมีการจัดเครื่องเซ่นไหว้เป็นลักษณะไสยศาสตร์เขมร สันนิษฐานว่า คนร้ายอาจได้รับการจ้างวานจากบุคคลบางกลุ่ม อาจเป็นกลุ่มการเมือง กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ หรือจากความขัดแย้งภายใน เพราะการกระทำดังกล่าวมีลักษณะความเชื่อว่า เป็นการทำลายพลังศักดิ์สิทธิ์และสิ่งลี้ลับ ทั้งนี้ ตำรวจได้ตั้งรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส 5 หมื่นบาท ด้านนายโสภณ เพชรสว่าง อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ ในฐานะแกนนำกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ ได้ออกมาเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยกลุ่มตนจะร่วมมืออีกทางด้วยการตั้งรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแสคนร้าย 1 แสนบาท นายโสภณ เผยด้วยว่า จากการพูดคุยกับผู้เฒ่าผู้แก่ในจังหวัดทราบว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย.มีนายทหารข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และประชาชนได้บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปราสาทพนมรุ้ง โดยขอเรื่องการสืบชะตาบ้านเมือง ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่า การบุกทุบทำลายพนมรุ้งครั้งนี้ เป็นการกระทำทางไสยศาสตร์ที่ต้องการทำลายคำขอของนายทหารข้าราชการและประชาชนที่ได้บวงสรวงเอาไว้ เพื่อไม่ให้เป็นไปตามที่ต้องการ นายโสภณ ยังเผยด้วยว่า นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก็เคยทำพิธีบวงสรวง สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ และมีการจัดประชุม ครม.สัญจรที่ปราสาทหินพนมรุ้ง ด้านนายชัย ชิดชอบ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และประธานสภาผู้แทนราษฎร รีบออกมาการันตีล้านเปอร์เซ็นต์ว่า นายเนวินและคนในครอบครัวตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุบทำลายปราสาทพนมรุ้ง เพราะตนเป็นตัวหลักในการบูรณะปราสาทพนมรุ้งมากับมือ นายชัย ยังชี้ด้วยว่า การทุบทำลายปราสาทพนมรุ้งครั้งนี้ไม่ใช่การทำคุณไสย แต่เป็นเรื่องของคนบ้าไปทำอย่างนั้น อย่างมงายเอาเรื่องการเมืองไปยุ่งด้วย นายชัย ยังบอกอีกว่า เมื่อจับคนที่ทุบทำลายปราสาทพนมรุ้งได้ ต้องนำมาเฉือนเนื้อเอาเกลือทา แล้วเอามดแดงมากัด โทษฐานทำลายคนทั้งประเทศ เพราะปราสาทหินพนมรุ้งถือเป็นอนุสาวรีย์สำคัญของชาติ พร้อมกันนี้ นายชัยยังได้ตั้งรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแสคนร้ายด้วยเป็นเงิน 5 แสนบาท.

แฉมือมืดใจบาปบุก “พนมรุ้ง” ทำพิธีกรรมกลางดึก-ก่อนทุบเศียรนาค/ยกศิวลึงค์ทิ้ง
ชาวบุรีรัมย์ทำพิธีแช่งคนชั่วบุกทุบพนมรุ้ง-ก.วัฒนธรรม ทุ่ม 300 ล.ล้อมคอกโบราณสถาน
ตร.บุรีรัมย์ประกบกลุ่มไสยศาสตร์ทุบ “พนมรุ้ง” - ตั้งรางวัลนำจับ 5 หมื่น

กำลังโหลดความคิดเห็น