xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” เฉ่ง “รัฐตำรวจ” ทำวิบัติ ชี้รังแก “สุนัย” สางแค้นให้"แม้ว"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัยบนเวทีเชิงสะพานมัฆวานฯ
“สนธิ” สุดทนรัฐตำรวจรับใช้นักกรเมืองชั่ว สัญญาณอันตรายทำบ้านเมืองวิบัติ อัดยับ “สุนัย” ทำงานเพื่อชาติกลับถูกออกหมายจับรังแก เพื่อแก้แค้นแทนนายใหญ่ แต่ที “จักรภพ” หมิ่นสถาบันกษัตริย์ กลับปล่อยให้ลอยนวล ย้ำ 3 เดือนรัฐบาลมีแต่ทำลายเศรษฐกิจจนพินาศฉิบหายรังแกประชาชน ย้ำนาทีนี้ไม่ต้องพูดว่าจะลงอย่างไร เพราะประเด็นสำคัญคือจะสู้ให้ถึงที่สุด ตายเป็นตาย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อเวลาประมาณ 21.15 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีโดยชี้ให้เห็นถึงความชั่วร้ายของ “รัฐตำรวจ” ภายใต้ระบอบทักษิณ ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะการออกหมายจับ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีลักษณะเหมือนกับที่ตัวเองกำลังโดน

นายสนธิ ได้ชี้ให้เห็นว่า ตามปกติเมื่อมีเจ้าทุกข์ไปแจ้งความก็ต้องมีหมายเรียกไปยังผู้ต้องหา ซึ่ง นายสุนัยได้ส่งหนังสือชี้แจงไปอย่างละเอียด จากนั้นตำรวจก็น่าจะนำมาเปรียบเทียบชั่งน้ำหนักได้ และกรณีนี้ก็เหมือนกับการชี้แจงด้วยตัวเอง ส่วนตำรวจจะพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องก็ต้องปรึกษาผู้บังคับบัญชา ถ้าฟ้องก็ต้องส่งอัยการแล้วแจ้งให้ผู้ต้องทราบ

นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมต้องไปแจ้งความดำเนินคดีต่อนายสุนัย ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำไมไม่แจ้งความที่กรุงเทพฯ เพราะเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ที่เป็นเช่นนี้เพราะมี พล.ต.ท.ชลอ ชูวงศ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งนายตำรวจคนนี้เมื่อครั้งเป็นผู้บัญชาการอยู่ภาคอีสานก็เคยสั่งให้ลูกน้องกลั่นแกล้งให้แจ้งความดำเนินคดีกับตนเอง และต่อมาเมื่อมีการสั่งการให้ผู้บังคับการกองปราบ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง เตะถ่วงไม่ยอมให้ประกันตัวจนประชาชนทนไม่ไหวต้องยกมาล้อมกองปราบฯจนต้องยอมให้มีการประกันตัวในที่สุด

นายสนธิ กล่าวว่า ในกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน พล.ต.ท.ชลอ มีลูกน้องใกล้ชิดเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท นายสุนัย นั่นเอง

นายสนธิยังได้กล่าวถึงใช้ดุลพินิจของศาลที่อนุมัติหมายจับนายสุนัย ทั้งที่นายสุนัยเป็นถึงอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา เป็นครูบาอาจารย์ของผู้พิพากษาทั่วประเทศ และเป็นข้าราชการซี 10 ของกระทรวงยุติธรรม แต่ก็ยังกล้าออกหมายจับ ทั้งที่คดีหมิ่นประมาทเป็นคดีลหุโทษ สังคมนี้มันจะอยู่ได้หรือ นี่คือเหตุผลที่ตนเองต้องออกมาสู้

“แล้วที นายจักรภพ ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระมหากษัตริย์ และตำรวจบอกว่ามีมูล แต่ยังปล่อยให้เลื่อนชี้แจงไปอยู่เรื่อย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ยังมีหน้าอยู่อย่างนี้อีกหรือ สังคมไทยเป็นแบบนี้อยู่ได้อย่างไร คุณสุนัย ทำคดีคุณทักษิณทุจริต ทำเพื่อชาติบ้านเมือง แต่ทีนายจักรภพหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ กลายเป็นว่าคนทำงานเพื่อชาติกลับกลายเป็นว่าถูกตำรวจจับ” นายสนธิกล่าว

นายสนธิยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐตำรวจกำลังกลับมาแล้ว และเรื่องนี้เป็นสัญญาณของความพินาศฉิบหายของสังคมไทย หากตำรวจเป็นสุนัขรับใช้นักการเมือง

นายสนธิ ยังกล่าวว่า ความชั่วร้ายของรัฐตำรวจกำลังคืบคลานมาสู่สังคมไทย พร้อมกันนี้ยังได้เล่าเหตุการณ์ข่มขู่เอาชีวิตตัวเองเมื่อคืนที่ผ่านมา (5 มิ.ย.) ที่มีขบวนการสัตว์นรกมาจะเอาชีวิต แต่โชคดีที่มีการป้องกันไว้อย่างดี และถ้ายิงเข้ามา 1 นัดก็จะยิงสวนกลับไปนับสิบนัด ให้มันรู้ว่าคนที่สู้ด้วยความอัดอั้นแล้วตายเป็นตาย

นายสนธิ ชี้ให้เห็นว่า 3 เดือนที่รัฐบาลชุดนี้ทำประเทศฉิบหายทางเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง แถมยังมีการรังแกประชาชนทุกเรื่อง และว่าสาเหตุที่นักลงทุนไม่กล้ามาเพราะไม่มีกำไร เพราะนี่คือสันดานของนักลงทุน แต่ที่รัฐบาลบอกว่านักลงทุนไม่มาคือนักเล่นหุ้น ไม่ใช่นักลงทุน

นายสนธิ กล่าวว่า อ่านข่าวเรื่องการจับกุมนายสุนัยแล้วน้ำตาไหล เหมือนกับตัวเองที่เจ็บแต่พูดไม่ได้ และตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่แม้เอาหอกแหลมแทงยังไม่ร้องเลย

“ประเทศนี้ปลูกข้าวมาก แต่ต้องซื้อข้าวแพง ไม่มีข้าวกิน หรือประเทศนี้ผลิตน้ำตาลมากแต่ต้องบริโภคน้ำตาลแพง นี่คือ 3 เดือนที่รัฐบาลสร้างความฉิบหาย นี่ยังไม่รวมเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ คิดว่าพวกเราสนุกนักหรือไงที่ต้องมานั่งแบบนี้” นายสนธิ ระบุ และว่าเวลานี้บ้านเมืองมีสองฝ่ายคือฝ่ายเราที่มีชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ กับฝ่ายสาธารณรัฐ ที่เกิดขึ้นมาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในยุครัฐบาลทักษิณ แต่ถูกเราจับได้

นายสนธิ ย้ำว่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายต้องสู้ให้ถึงที่สุด ถามว่าจะจบลงอย่างไร ก็ขอบอกว่าลงยังไงไม่ใช่ประเด็น ประเด็น คือ จะสู้ให้ถึงที่สุด ตายเป็นตาย
กำลังโหลดความคิดเห็น