xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” อัดรัฐตำรวจคืนชีพ-เตือนเสียอธิปไตย “เขาพระวิหาร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล
“สนธิ” ระบุ “รัฐตำรวจ” กำลังหวนกลับมาอีกครั้ง ย้ำพรรคพลังประชาชนหมดความชอบธรรม เพราะเป็นนอมินีของไทยรักไทย ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย อัด “กลุ่มสีขาว” อย่าไร้เดียงสา ให้รู้จักแยกแยะชั่ว-ดี ผิด-ถูก ไม่ใช่มาบอกให้ถอยพร้อมกับโจร ชี้ เรากำลังเสียดินแดนเขาพระวิหาร โดยนักการเมืองชั่วสมคบคิดกับต่างชาติเพื่อแลกผลประโยชน์เข้าตัวเอง

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อเวลา 18.40 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีกล่าวกับผู้ชุมนุมว่า สาเหตุที่ต้องขึ้นเวทีในช่วงเวลานี้เพราะมีรายงานว่าถูกติดตามจากทีมสามานย์ถึงสองทีม ซึ่งเวลานี้ถือว่ารัฐตำรวจได้เกิดขึ้นแล้ว พร้อมได้ยกตัวอย่างกรณีของนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ถูกออกหมายจับจากคดีหมิ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งตำรวจไปรอจับกุมคาสนามบินขณะเดินทางกลับจากต่างประเทศ ทั้งที่เป็นถึงอดีตผู้พิพากษา อดีตอธิบดี ไม่ให้เกียรติ แต่โชคดีที่มีทหารรักชาติพาตัวออกไป

นายสนธิ กล่าวว่า เวลานี้เป้าหมายจึงมาที่ตนเอง แม้จะไม่กลัวแต่ต้องระวัง ทำให้ไปไหนมาไหนไม่มีเวลาตายตัว เพราะถ้าไม่ขึ้นเวทีพร้อมแกนนำพันธมิตรฯ ก็จะถูกนำไปขยายผลว่าเกิดการแตกคอกันอีก

นายสนธิ ยังได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่ต้องไล่พรรคพลังประชาชนออกไป เพราะไม่มีความชอบธรรม เนื่องจากที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทย ว่ามีพฤติกรรมอันเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากนั้นก็มีการย้ายตั้งพรรคพลังประชาชน และแม้ว่าจะพยายามเตะถ่วงอย่างไรก็ตาม อนุกรรมการของ กกต.ก็มีการสรุปออกมาว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย แต่ก็อ้างว่าไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยผลสรุปดังกล่าวเมื่อโยงกับคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถสรุปได้ว่าพรรคพลังประชาชนมีพฤติกรรมอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่มีความชอบธรรมอีกต่อไป

นายสนธิ ยังได้กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มสีขาว ซึ่งถ้าจะเป็นสีขาวต้องเป็นสีขาวของธรรมะ ไม่ใช่ขาวตอแหล ต้องแยกผิด-ถูก ไม่ใช่ให้ถอยกันคนละก้าว กำลังกล่าวหาว่าเราสร้างความรุนแรง ซึ่งคนในกลุ่มนี้มี นายโคทม อารียา และนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อยู่ในกลุ่มที่ชอบโผล่ออกมาในช่วงที่กำลังเผชิญหน้า บอกว่าให้ถอยคนละก้าวแล้วเอาสีขาวของตัวเองเข้าไป

“นายโคทม เป็นแบบนี้มาตลอดช่วงที่มีการต่อสู้กับเผด็จการก็เงียบ แต่พอได้จังหวะก็ออกมา ที่ผ่านมาเคยด่าเผด็จการ 19 กันยา แต่พอได้เป็น สนช.ก็เงีบบ ส่วนนายปริญญาที่ไร้เดียงสา และไม่รู้ว่ามีเงินหรืออำนาจรัฐอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะมีโรงเรียนที่บุรีรัมย์ และกลุ่มเนวิน ขานรับกันทันที ดังนั้น เมื่อมีเรื่องแบบนี้พวกเราก็ต้องต่อสู้กันอีกนาน ยังมีอีกหลายศึกที่ต้องเผชิญในวันข้างหน้า” นายสนธิ ระบุ

แกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้ยังกล่าวเปรียบเทียบว่า เหมือนเรากำลังสู้กับโจร หลังจากนั้นก็ให้เรากับโจรถอยมาคนละก้าว แทนที่จะออกมาสู้โจรกับเราถึงจะถูก ดังนั้นจึงให้จำชื่อคนเหล่านี้ว่าเป็นของปลอม

นายสนธิ กล่าวว่า เรากำลังจะเสียอธิปไตยอีกครั้ง โดยเฉพาะกรณีพื้นที่ทับซ้อนในพื้นที่เขาพระวิหาร โดยในวันพรุ่งนี้เขมรจะยื่นเรื่องต่อองค์การยูเนสโก เพื่อขอจดทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนในบริเวณใกล้เคียงจำนวน 10.5 ตารางกิโลเมตรไปด้วย

“ผมเคยพูดว่าเราสูญเสียเขาพระวิหารเมื่อปี 2505 เพราะในสมัยนั้นเขมรยื่นเรื่องอ้างสิทธิ์เขาพระวิหาร แต่ไทยเราไม่ได้ยื่นเรื่องใช้สิทธิ์โต้แย้ง เมื่อต้องขึ้นศาลทำให้เราต้องพ่ายแพ้ ดังนั้นประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยเมื่อเขมรกำลังยื่นให้ปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นมรดกโลก ซึ่งเราก็ต้องก็ต้องยื่นในพื้นที่ 10.5 ตารางกิโลเมตรของเราด้วย เพราะถ้าพิจารณาก็ต้องพิจารณาของเราด้วย

ประเด็นก็คือ เขมรจะยื่นอะไรก็ไม่ใช่ประเด็น แต่ไทยต้องยื่นของเราด้วย มันจะตายเชียวหรือ เวลานี้เท่ากับว่ามีผู้นำบางคนยอมเสียงพื้นที่บริเวณนั้นเพื่อแลกกับการเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอ่าวไทย ที่มีก๊าซและน้ำมันจำนวนมหาศาล” นายสนธิ ระบุ และว่า อยากถาม นายสมัคร นายนพดล และพรรคพลังประชาชนจะนิ่งเฉยอยู่ทำไม ทำไมไม่ออกเป็นนโยบายในการอ้างสิทธิ์เรื่องนี้ เพราะถ้าไม่ยื่นแล้วเชื่อว่าในที่สุดแล้วพื้นที่ทั้งหมดเขมรก็จะเป็นผู้ดูแล

นายสนธิ กล่าวว่า เราจะแพ้เป็นครั้งที่สอง ทำไมเราถึงโชคร้ายแบบนี้ มีนักการเมืองแบบนี้ มีแต่คนขายชาติ

นอกจากนี้ นายสนธิยังได้เปิดโปงกรณีที่มีการอ้างว่าจะไม่ขายน้ำมันเบนซิน 95 โดยอ้างว่ามีราคาแพงกว่าแก๊สโซฮอล์ลิตร 2 บาท แต่ข้อเท็จจริงแล้วถ้าเทียบระยะทางกันแล้ว เบนซิน 95 วิ่งได้ 100 เมตร แต่แก๊สโซฮอลล์ วิ่งได้ 70 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่า 20-30 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุที่เปลี่ยนแปลงก็เพราะมีนายทุนทำเอทานอล ที่ร่วมมือกับคนใน ปตท.

ขณะเดียวกัน กรณีเพิ่มงบก่อสร้างรถไฟฟ้าอีก 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงก็คือ เพื่อต้องการโกงอีก 5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนำเงินไปให้ผู้รับเหมาแล้วนำไปให้นักการเมือง

“ถ้าวันหนึ่งถ้าเราต้องบอกกับลูกหลานว่า พ่อ แม่ หรือป้า สู้ได้แค่นี้ แต่เมื่อสู้เพื่อชาติจึงเป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์ ได้บุญกุศล ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ต้องชักชวนกันออกมากันให้มากที่สุด” นายสนธิ ระบุและว่า ตำรวจต้องรู้จักหน้าที่ ถ้าตำรวจบ่นว่าเหนื่อยก็ให้ลาออกไป มีแต่พลังศักดิ์สิทธิ์ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์เท่านั้นที่ทำให้เราชนะได้”

นายสนธิ กล่าวว่า กรณีที่มีการกลั่นแกล้ง คตส.และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทุกอย่างเป็นไปตามคำแถลงการณ์ของพันธมิตรฯมาตั้งแต่ต้น ในตอนท้ายได้เรียกร้องให้ทุกคนรวมพลังกันสร้างเครือข่ายขับไล่ความชั่วร้ายออกไปจากแผ่นดินไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น