“ดร.ปณิธาณ” แห่งรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หนุน รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบสันติ ตั้งกองกำลังกลางดูแลความปลอดภัยให้ทั้งพันธมิตรฯ และ กลุ่มก่อกวน ด้าน“วสันต์ พานิช” อดีต กก.สิทธิมนุษยชนฯ ชี้ แค่รัฐบาลควบคุมให้ตำรวจทำหน้าที่ปกป้องประชาชนอย่างไม่ลำเอียง ความรุนแรงก็ไม่เกิดขึ้นแล้ว
วานนี้ (4 มิ.ย.) รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ในรายการ "คมชัดลึก" ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชลแนล ถึงกรณี ความเหมาะสมในการใช้ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ตนคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ก็น่าจะมีการนำ พ.ร.ก.ดังกล่าวมาใช้ได้แล้ว เนื่องจากขณะนี้ทั้งสองฝ่าย คือพันธมิตรฯ และ รัฐบาล ต่างฝ่ายต่างมีคนสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากปล่อยให้สถานการณ์สุกงอมไปมากกว่านี้ ตนคิดว่าแต่ละฝ่ายก็คงเหนื่อยล้า กับสถานการณ์นี้ ซึ่งก็เป็นเหมือนการผลักดันให้เรื่องราวจบลงในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเท่าที่เห็นจากบทเรียนในต่างประเทศมักจบอย่างไม่ดี คือมีการเสียเลือดเสียเนื้อ ดังนั้นก่อนที่สถานการณ์จะไปถึงขั้นนั้นจึงควรหากรอบและวิธีที่ดีเข้ามาดูแลเพื่อป้องกันไว้ก่อน และการที่ตนเสนอเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าให้รัฐบาลใช้ความรุนแรง หรือให้พันธมิตรฯ หยุดการชุมนุม เพียงแต่คิดว่าเราน่าจะมีการตั้งคนกลางขึ้นมาเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าสิ่งสำคัญก็คือหากจะนำ พ.ร.ก.ดังกล่าวมาใช้ คงต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเสียก่อน เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องนี้ พอกล่าวถึง พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ก็จะคิดไปว่าต้องมีการสลายการชุมนุมหรือใช้ความรุนแรง ซึ่งแท้จริงแล้วมันไม่ใช่เพราะหากเราหาวิธีใช้ที่เหมาะสม เช่น ตั้งกองกำลังกลางขึ้นมาหน่วยหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ขึ้นตรงกับหน่วยใด มีความเป็นกลางและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เข้าไปมาควบคุมพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับทุกฝ่าย คือไม่ได้หมายความว่าจะนำ พ.ร.ก.ดังกล่าวมาควบคุมให้พันธมิตรฯ หยุดชุมนุม แต่เป็นการนำไปใช้เพื่อควบคุมความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่าย ทั้งกับพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ซึ่งก็ถือเป็นการนำมาใช้แบบสันติ
ด้าน นายวสันต์ พานิช อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินยังไม่สมควรนำมาใช้กับการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในตอนนี้ เนื่องจากตนคิดว่าการชุมนุมในครั้งนี้ ของพันธมิตรฯ เป็นการชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ ถึงแม้จะมีการพกไม้ หรือกระบอง แต่ก็เป็นไปเพื่อการป้องกันตัวเอง เพราะตำรวจไม่สามารถดูแลความปลอดภัยให้พวกเขาจากกลุ่มต่อต้านได้ อีกทั้งหากนำ พ.ร.ก.ดังกล่าวออกมาใช้ เราก็ไม่อาจรู้ว่าทางรัฐบาลจะนำมาใช้ในรูปแบบใด อาจมีการนำมาใช้เพื่อหวังสลายความชุมนุมหรือสร้างความรุนแรงก็ได้ เพราะหากดูจากแนวโน้มของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีที่ให้สัมภาษณ์ในครั้งที่ผ่านมาแล้ว การจะนำ พ.ร.ก.ดังกล่าวมาใช้แบบสันติน่าจะเป็นไปได้ยาก
นายวสันต์ กล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลมีการควบคุมสถานการณ์ที่ดีกว่านี้ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันความปลอดภัยอย่างจริงจังให้กับทั้งสองฝ่าย โดยไม่เลือกปฏิบัติ เช่น หากฝ่ายต่อต้านพยายามมาก่อความวุ่นวาย หรือทำร้ายพันธมิตรฯ เจ้าหน้าที่ก็ต้องสกัดกั้นป้องกันไม่ให้เข้าไปทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ หากทำได้อย่างนั้นตนเชื่อว่า ความรุนแรงก็คงไม่เกิด และก็ไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินเลย
“ถ้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่เอนเอียงให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ผมเชื่อว่าการเผชิญหน้าหรือความรุนแรงก็คงไม่เกิดขึ้น”นายวสันต์กล่าว
