ลูกกรอกเดินสายออกสื่อด่าพันธมิตรฯ “วิเชียรโชติ” ขู่ห้ามพูดแก้ รธน.เพื่อ “แม้ว”

“วิเชียรโชติ” อ้าง การชุมนุมพันธมิตรฯ ผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อน ทำตำรวจไม่ได้พักผ่อนอยู่กับลูกเมีย ขู่ให้เลิกโจมตีรัฐบาลว่า แก้ รธน.เพื่อฟอกผิด “ทักษิณ” ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นการหมิ่นศาล

วันนี้ (4 มิ.ย.) พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุขโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ เวทีความคิด ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินรายการโดย นายสุวิท สุทธิประภา ถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ในขณะนี้ถือว่า กำลังทำผิดกฎหมายอยู่หลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ร.บ.รักษาความสะอาดเรียบร้อย เพราะการที่ไปปักหลักชุมนุมโดยการปิดถนนสาธารณะ ย่อมทำให้ประชาชนที่ต้องสัญจรไปมาได้รับความเดือดร้อน ซึ่งแม้กว่า 10 วันที่ผ่านมา ทางตำรวจจะได้เข้าไปเจรจาขอให้พันธมิตรฯ เปิดถนนหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล ไม่ว่าใครจะพูดทางพันธมิตรฯ ก็ไม่เปลี่ยนใจ

“ขณะนี้แม้แต่เด็กมากราบเท้าลุงจำลอง ขอเจรจา ก็ยังไม่ยอมเปิดเลย ผมถึงบอกว่าขณะนี้มันทำความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากเกินไปแล้ว”โฆษกรัฐบาลกล่าวอ้าง

อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็จะไม่ใช้ความรุนแรงอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลเข้าใจดีว่า กลุ่มคนที่มาร่วมชุมนุมเป็นกลุ่มคนที่หลงผิด ถูกชักชวนมา หรือถูกจ้างวานมา เราจึงจะใช้วิธีพูดคุยกันดีๆ ว่าขอให้ย้ายไปชุมนุมที่อื่นที่ประชาชนจะไม่ได้รับความเดือดร้อนอย่างนี้ อีกทั้งเส้นทางที่พันธมิตรฯ ปิดอยู่นั้นเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระราชวงศ์ ที่ขณะนี้มีงานสวดพระศพสมเด็จพระพี่นางฯ ทุกคืน เส้นทางดังกล่าวจึงจำเป็นที่จะต้องใช้อยู่ตลอด

ดังนั้นการที่นายสุริยะใส กตะศิลา หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า หากจะมีการเสด็จพระราชดำเนิน ก็ให้ประสานงานมาจะเปิดทางให้นั้น ตนอยากจะย้อนถามว่า นายสุริยะใส เป็นใคร จึงสำคัญถึงขนาดที่ ทางเลขาธิการสำนักพระราชวังจะต้องประสานงาน หรือรายงานไปว่าจะมีพระบรมสานุวงศ์เสด็จวันไหนเมื่อไหร่ การกระทำอย่างนี้ตนอยากถามจริง ๆ ว่าความจงรักภักดีของเขาอยู่ที่ไหน

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อไปว่า เรื่องการชุมนุมในครั้งนี้อยากขอให้ทางพันธมิตรฯ เห็นใจคนอื่นที่ได้รับความเดือดร้อนบ้าง ทั้งประชาชนที่ต้องใช้ถนน รวมไปถึงตำรวจที่มาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งบางนายก็เป็นตำรวจที่กำลังได้รับการอนุญาตให้พัก หลังจากไปประจำอยู่ที่จังหวัดชายแดนใต้ก็ไม่ได้พักเพราะ ต้องถูกเรียกตัวมาดูแลกลุ่มพันธมิตรฯ

“ตำรวจบางนายที่อยู่ใต้ ได้กลับมาพัก 1 เดือน แทนที่จะได้พัก ก็ต้องถูกเรียกมาดูแล พล.ต.จำลอง และพวก ก็ต้องเห็นใจตำรวจบ้าง เพราะตำรวจก็มีลูกมีเมีย มีครอบครัวเหมือนกัน ต้องเห็นใจเขาด้วย”

พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีการนำเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ รธน. นั้น ตนอยากชี้แจงว่า เรื่องนี้ น่าจะจบไปได้แล้ว เพราะตอนนี้คดีต่าง ๆ ของอดีตนายกก็ส่งถึงศาลแล้ว ดังนั้นการแก้ รธน. ถึงแม้จะส่งผลต่อ คตส. ก็ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีอยู่ดี เพราะ คตส. เป็นเพียงฝ่ายรวบรวมเอกสารหลักฐานเท่านั้น แต่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาเองคดีเอง ซึ่งจะไม่มีใครสามารถไปชี้นำหรือมีอิทธิพลได้ ดังนั้นหากทางพันธมิตรฯ ยังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อยู่ ก็อาจถือได้ว่าเป็นการหมิ่นศาล

อยึ่ง สำหรับการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ท.วิเชียรโชติครั้งนี้ เป้นส่วนหนึ่งของขบวนการทำลายความชอบธรรมในการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้ใช้สื่อในเครือข่ายของรัฐเป็นเครื่องมือในการบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ซึ่งสื่อของรัฐส่วนใหญ่รายงานออกมาว่าการก่อความรุนแรงทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงความรุนแรงเกิดจากการเข้ามายั่วยุและจงใจเข้ามาทำร้ายผู้ชุมนุมโดยฝ่ายต่อต้านพันธมิตรฯ

หลังจากนั้น เมื่อพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ก็ถูกสกัดกั้นอยู่เชิงสะพานมัฆวาน ถนนราชดำเนินนอก ทำให้ต้องปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณดังกล่าว แต่รัฐบาลกลับเป็นฝ่ายโทษพันธมิตรฯ ว่าทำให้การจราจรติดขัด สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และขยายประเด็นไปถึงการขัดขวางขบวนเสด็จ แม้ว่าพันธมิตรฯ พร้อมที่จะเปิดทางรับเสด็จตลอดเวลาก็ตาม

สำหรับ พล.ต.ท.วิเชียรโชตินั้น ถือเป็นคนใหล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณอีกคนหนึ่ง เคยเป็นกรรมการ ป.ป.ช. แต่มีปัญหาเรื่องการขึ้นเงินให้ตัวเอง ทำให้ต้องลาออก แต่ก็ยังได้ดิบได้ดีเป็นโฆษกรัฐบาลชุดนี้ เพื่อทำหน้าที่ปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า กรณีที่ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ อ้างว่า คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นสู่ศาล การแก้ไข รธน.เพื่อยกเลิก คตส.ไม่มีผลต่อคดีนั้น เป็นการบิดเบือนข้อมูลอย่างโจ่งแจ้ง เพราะขณะนี้ คดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ขึ้นสู่ศาลมีเพียงคดีเดียว คดีคดีที่ดินรัชดา ส่วนที่เหลืออีก 10 กว่าคดี อยู่ระหว่างการเตรียมฟ้อง และอีก 20 กว่าคดียังไม่แล้วเสร็จ และต้องโอนไปให้ ป.ป.ช.