“สมัคร” กระหายเลือด เรียก “ผบ.ทบ.-ผบ.ตร-เลขาฯกฤษฎีกา” หาทางสู้พันธมิตรฯ “อนุพงษ์-พัชรวาท” เตือนใช้กำลังนายกฯพังทันที สุดท้ายต้องขอให้ทั้ง 2 ไปเจรจากลุ่มพันธมิตรฯ ก่อนตัดสินใจงัด กม.ความมั่นคงฯมาเล่นงาน ขณะที่ ผบ.ทบ.ยืนยันต่อหน้าผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง ทบ. ไม่ปฎิวัติ-ไม่ใช้กำลังกับประชาชน พร้อมไฟเขียวกำลังพลร่วมชุมนุม ส่วน “เป็ดเฉลิม” ประกาศหุบปากไม่ตอแพันธมิตรฯ “สุริยะใส”เผยปรับระเบียบเชิญนักวิชาการเน้น ชำแหละระบอบทักษิณ พร้อมเปิดจราจรให้รถเมล์วิ่งผ่านได้ในบางเวลา
วานนี้(2 มิ.ย.)นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.15 น. ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและบึ้งตึงมาก เมื่อลงรถก็เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ จากนั้นในช่วงเที่ยง นายสมัคร หลบผู้สื่อข่าวไปรับประทานอาหารที่รร.โอเรียลเต็ล โดยไม่มีรถติดตามก่อนเดินทางกลับเข้าทำเนียบฯ ในช่วงบ่าย
ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางพบนายสมัครหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. รวมทั้ง คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 15 นาที ก่อนจะเดินทางกลับ ซึ่งคาดว่าเป็นการหารือประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ประกาศปักหลักชุมนุมกดดันนายสมัครให้ลาออกจากตำแหน่ง
ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 3 มิ.ย. นี้ นายสมัครจะหารือ ครม.ในการนำพ.ร.ก. การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) มาใช้ ภายหลังกลุ่มพันธมิตรฯประกาศปักหลักชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ จนกว่านายสมัครจะลาออกจากตำแหน่ง
**อนุพงษ์เตือนใช้กำลังนายกฯพัง
มีรายงานว่าในการหารือถึงสถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ประเมินข้อเสียในการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ในการผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมโดยใช้เงื่อนไขกฎหมายในการดำเนินการ ซึ่งอาจนำมาซึ่งการเผชิญหน้า และปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ และ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ ซึ่งผลเสียจะตกกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ตัดสินใจในการใช้กำลัง เพราะขณะนี้มีความพยายามจากหลายฝ่ายที่จะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.ต.อ.พัชรวาท เสนอแนะว่าไม่ควรใช้กำลังกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยควรปล่อยให้ชุมนุมไปและแก้ปัญหาด้วยการเมือง โดยเฉพาะต้องแก้ไขที่เงื่อนไขที่ทำให้สถานการณ์การเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นด้วย และนายกรัฐมนตรี จะงดการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในกรณีนี้ด้วย
**สมัครสั่งทหาร-ตร.เจรจาพันธมิตรฯ
จากนั้นเวลา 16.00 น. ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ น.ส.วิรินทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกฯ ร่วมแถลงข่าวถึงท่าทีของรัฐบาลต่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ กล่าวว่าการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.อนุพงษ์ พล.ต.อ.พัชรวาท และ คุณหญิงพรทิพย์นั้น นายกรัฐมนตรี ขอให้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร.ไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ในเบื้องต้นรัฐบาลจะใช้กฎหมายจราจรและกฎหมายอาญาเอาผิดกับพันธมิตรฯ เพราะรัฐบาลยืนยันจะไม่ใช้ความรุนแรง
ทั้งนี้ การออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ประกาศใช้ แต่ผบ.ทบ. ก็มีอำนาจที่จะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ปี 2550 ที่ สนช.และรัฐบาลชุดที่มาจาก คมช. เป็นผู้ผลักดัน เนื่องจากขณะนี้มีผู้เดือดร้อนจำนวนมากไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
“รัฐบาลเชื่อว่าเมื่อมีการไปคุยกันดีๆ ก็จะรู้เรื่อง มากกว่าที่จะใช้พ.รบ.ความมั่นคงฯ หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือกฎอัยการศึก และผมเองก็ยินดีที่จะเป็นตัวแทนของรัฐบาลในการไปเจรจากับพันธมิตรฯ” พล.ต.ท.วิเชียรโชติกล่าว
**โยนพันธมิตรฯบิดเบือนคำพูดหมัก
นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รองโฆษกฯ ระบุว่า การใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม ไม่ได้อยู่ในความคิดของนายสมัคร สุนทรเวชกลุ่มพันธมิตรฯ นำคำพูดของนายสมัคร ที่พูดในรายการโทรทัศน์เมื่อวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.นี้มาบิดเบือนประเด็น ซึ่งนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ต้องการที่จะใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม แต่นายกฯต้องการให้ พันธมิตรฯไปชุมนุมที่อื่นเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนกับประชาชน รวมทั้งเป็นถนนที่พระบรมวงศานุวงศ์ใช้พระราชดำเนิน
**ผบ.ทบ.ไม่ใช่กำลัง-ไม่ปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เวลา 09.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้เรียกประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงหลังการประชุมว่า ในการประชุม ผบ.ทบ.กล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ประเทศไทยไม่สามารถดำรงอยู่บนความขัดแย้งของประชาชน แต่ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ โดยทุกฝ่ายจะต้องไม่มีการใช้ความรุนแรงในการแสดงออก
สำหรับจุดยืนของกองทัพบกต่อสถานการณ์ในปัจจุบันผบ.ทบได้กล่าวยืนยันต่อผู้บังคับหน่วยว่า จะไม่มีการปฏิวัติ และจะไม่มีการใช้กำลังทหารกับประชาชน เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันมิใช่วาระที่ทหารจะออกไปทำอะไรทั้งสิ้น การแก้ไขปัญหา ของบ้านเมืองขณะนี้ต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของรัฐภายใต้กรอบของกฎหมาย
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า นโยบายและการสั่งการของ ผบ.ทบ.จะยึดมั่น ในอุดมการณ์ตามภาระหน้าที่ของทหารที่มีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน การดำเนินการใดๆ จะทำด้วยความละเอียดรอบคอบ และตระหนักถึงประโยชน์ ส่วนรวมและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมถึงความปลอดภัยของประชาชน เป็นหลัก ทั้งนี้หากทางรัฐบาลมีคำสั่งให้ทหารออกมาปฏิบัติหน้าที่เพื่อควบคุม สถานการณ์ทางทหารก็พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบกฎหมายที่มีอยู่
**ทำทุกอย่างเพื่อสถาบันและประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดผบ.ทบ.จึงได้ย้ำกับหน่วยขึ้นตรงว่าทหารจะไม่ปฏิวัติ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผบ.ทบ.อยากพูดกับผู้บังคับหน่วย เพื่อให้ได้ฟังจากปากของตนเอง เพราะผู้บังคับหน่วยหลายคนได้รับข่าวจากสื่อมวลชน แต่วันนี้ได้มีโอกาสพบกับผู้บังคับหน่วยจึงได้เล่าถึงความตั้งใจ และให้แนวทางกับผู้บังคับหน่วยจริงๆว่า ทหารจะไม่ปฏิวัติ
“ไม่ได้เป็นการปรามกำลังพลแต่พูดในข้อเท็จจริง ถึงภาพรวมว่า สถานการณ์ บ้านเมืองเป็นอย่างไร กองทัพบกมีจุดยืนอย่างไร และสิ่งที่ท่านทำทุกอย่างอยู่ภายใต้ ผลประโยชน์ของสถาบันและประชาชน”
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่าในที่ประชุมไม่ได้มีการพุดถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ใดๆทั้งสิ้น ส่วนหากกำลังพลจะออกไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ก็สามารถกระทำได้เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถกระทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงที่เข้าร่วมประชุมในระดับคุมกำลัง จะมีแม่ทัพภาคที่ทุกภาค และผู้บัญชาการกองพล เข้าร่วมประชุมด้วย
**”เฉลิม”เลิกตอแยพันธมิตรฯ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ต่อจากนี้จะไม่ขอพูดถึงและไม่ประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะที่ผ่านมาได้ถูกนำไปเป็นประเด็นโจมตี ไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไร และใช้คำด่าที่หยาบคายอยู่เพียงฝ่ายเดียวโจมตี แม้กระทั่งการเรียนจบดอกเตอร์ของตน และรัฐบาลมีวิธีการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม โดยจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ และจะไม่ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ต้องการขับไล่รัฐบาล และว่าทุกคนมีสิทธิจะคิด แต่จะทำได้หรือไม่เป็นอีกเรื่อง และขอยืนยันว่าความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้เป็นการถอดใจ แต่จะไม่ให้ความสนใจ
“นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งห้ามแสดงความคิดเห็น แต่ผมไม่ต้องการพูดถึง เพราะไม่อยากถูกด่าแล้ว รัฐบาลจะยังคงทำหน้าที่รักษากฎหมายต่อไป เชื่อว่าจะสามารถจัดการปัญหาได้ ส่วนที่ม็อบขู่ว่าจะเดินขบวนบุกมาที่บ้านผม ก็ไม่เป็นไร ถ้ามาก็จะให้ดื่มน้ำเย็น”
**มั่นใจสมัครไม่ถอดใจ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวเชื่อมั่นว่า นายสมัครจะไม่ถอดใจลาออก จากตำแหน่งตามที่มีกระแสข่าวว่ามีแรงกดดันในพรรคพลังประชาชนที่ต้องการเปลี่ยน ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และไม่น่าจะหาทางออกด้วยวิธียุบสภาฯ อย่างแน่นอน
“คนอย่างลุงหมัก อึดและสู้ รัฐบาลชุดนี้เปรียบเสมือนอั้งชิกกงในตำราจีน ที่สามารถพลิกตัวไปมา เพื่อสู้และตั้งรับกับสถานการณ์ได้”
ส่วนที่มีการระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลกดดัน และอาจถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครอึดอัดในเรื่องนี้ เพราะถ้าอึดอัด แนะนำให้ไปกินอีโน
**พปช.ตั้งวอร์รูมติดตาม
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญและจะไม่ให้ราคากับกลุ่มพันธมิตรฯสำหรับวอร์รูมของพรรคพลังประชาชนนั้น จะมีการติดตามประเด็นต่างๆ เพื่อสรุปสถานการณ์ทุกวัน โดยในวันจันทร์ถึงศุกร์เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป ส่วนในวันหยุดนั้นตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป
**พปช.เหนือโยนส.ส.อีสานป่วนสมัคร
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ส.กลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ พยายามกดดันให้นายสมัครลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งผลักดันให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา การประชุมภาคเหนือแต่ละครั้งไม่มีการกดดันให้นายสมัครลาออก ส.ส.ภาคเหนือ ค่อนข้างอะลุ่มอล่วย เปรียบเหมือนการฟ้อนรำที่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วถอยหลังสองก้าว ทั้งนี้อาจจะมีปัญหาที่ภาคอีสานที่มีทั้งกลุ่มส.ส.อีสานเหนือและกลุ่มส.ส.อีสานใต้
ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน กลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ กล่าวปฎิเสธข่าวที่ว่ากลุ่มตนกดดันให้นายสมัครออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่าเมื่อเช้าวันที่ 2 มิ.ย.ยังคุยกับนายเนวินอยู่เลย ไม่เห็นมีเรื่องนี้ เป็นการปล่อยข่าวมากกว่า
**ประชาระดมคนสู้พันธมิตรฯ
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน และแกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า ก่อนที่จะถึงวันที่ 4 มิ.ย. กลุ่มมหาประชาชนฯ จะประเมินท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งหากยังยืนกรานชุมนุมขับไล่นายสมัคร หรือกดดันให้ยุบสภา รวมทั้งเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวไปสนับสนุนหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน กลุ่มมหาประชาชนจะออกมารวมตัวชุมนุมที่ ท้องสนามหลวงในเย็นวันที่ 4 มิ.ย.อย่างแน่นอน
**พันธมิตรฯ ตั้งเวทีถาวร-เปิดจราจร
การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก วานนี้ (2 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ 9 ประชาชนยังคงเข้าร่วมการชุมนุมอย่างคึกคัก โดยมีการสร้างเวทีถาวร เพื่อชุมนุมอย่างต่อเนื่อง จนกว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะลาออก ตามจุดมุ่งหมายของการชุมนุม
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อน จากการชุมนุมทั้งโรงเรียน หน่วยราชการบางแห่งว่า พันธมิตรฯ ได้จัดระเบียบใหม่ ในเรื่องของการอำนวยความสะดวก โดยในวันนี้ได้มีการประสานให้รถประจำทางบางสาย สามารถวิ่งผ่านไปได้ในเวลา 15.00 -18.00 น. เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้พันธมิตรฯ ยังได้มีการจัดระเบียบเรื่องการรักษาความปลอดภัย โดยให้สื่อมวลชน และประชาชนที่มาร่วมชุมนุมต้องแสดงตัวให้เจ้าหน้าที่ตรวจอาวุธ ก่อนเข้าชุมนุม
นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการ ในนามกลุ่มเครือข่าวประชาธิปไตย ที่ออกมาระบุว่าเห็นต่างได้แต่ไม่ใช้ความรุนแรง รณรงค์ให้ประชาชนติดสัญลักษณ์สีขาว ริบบิ้น หรือสวมเสื้อสีขาว เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าไม่ต้องการเห็น ความรุนแรงนั้น ตนเห็นว่าเป็นความคิดริเริ่มที่ดี และสร้างสรรค์ต่อบรรยากาศ ทางการเมือง ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดความรุนแรงได้
**ปรับแผนชำแหละระบอบทักษิณ
นายสุริยะใส กล่าวว่า อย่างไรก็ตามพันธมิตรฯ ได้ปรับรูปแบบการปราศรัยบนเวทีโดยจะไม่มีการ ใช้คำที่รุนแรง ก้าวร้าว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะปรับเนื้อหาสาระของการปราศรัยโดยตั้งแต่วันนี้ (3 มิ.ย.) ในเวลา 19.00 - 22.00 น.จะจัดให้มีการเชิญนักวิชาการขึ้นมาปราศรัยเวที โดยเน้นเนื้อหาสาระและเปิดโปงระบอบทักษิณ และวาระซ่อนเร้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้
ส่วนประเด็นที่มีการเสนอให้มีการถอยคนละก้าวนั้น ขอเรียนว่าที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ชุมนุมด้วยเหตุผลเป็นไปแบบทีละขั้นทีละตอน แต่ฝ่ายที่ควรถอยควรจะเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะนายสมัครควรจะออกมาแสดงความชัดเจน ด้วยการออกนโยบาย ของรัฐบาลว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนกว่าคดีความของ พ..ต.ท.ทักษิณ จะสิ้นสุดลง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองลดความ ตึงเครียดลง ซึ่งอาจทำให้พันธมิตรฯ ยุติการชุมนุมก็เป็นได้
**รณรงค์ผูกผ้าขาวค้านใช้ความรุนแรง
วันเดียวกัน ที่ม.ธรรมศาสตร์ “เครือข่ายประชาธิปไตย เห็นต่างกันได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรง” ซึ่งประกอบไปด้วยอาจารย์มหาวิทยาลัย นิสิตนักศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรด้านศาสนาและภาคประชาสังคม นำโดยนายปริญญา เทวานฤมิตกุล รองอธิการบดีม.ธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์เชิญชวน ประชาชนทุกคนที่ไม่ต้องการเห็นความรุนแรงร่วมกันแสดงพลังโดยใช้สีขาวเป็นสัญลักษณ์
โดยเฉพาะรัฐบาลจะต้องไม่ใช้ความกำลังหรือ สร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรงในการแก้ปัญหาต่อประชาชนที่ขัดแย้งกับรัฐบาล อีกทั้งฝ่ายประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เห็นด้วยหรือฝ่ายที่เห็นต่างจากรัฐบาลจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงเข้าหากันด้วย
** ชี้ยุติขัดแย้งทักษิณต้องขึ้นศาล
นายปริญญา กล่าวว่า เราไม่ได้เรียกร้องให้มีการหยุดการชุมนุม แต่เรียกร้อง ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรง ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่มีความเห็น แต่เรื่องอะไรก็ตามที่จะเป็นชนวนที่จะนำไปสู่ความรุนแรงรัฐบาลควรหลีกเลี่ยง และเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เพราะจะเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ เพราะฉะนั้นต้องหลีกเลี่ยง
“ขณะนี้ดูเหมือนว่าเรากำลังขัดแย้งกันในทางความเชื่อ คือทักษิณ ผิดหรือไม่ผิด เพราะฉะนั้น เราต้องใช้ความจริงในการแก้ปัญหา โดยให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะถูกจะผิดให้ศาลตัดสิน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และเชื่อว่าสังคมไทยจะหยุดทะเลาะกันได้ หาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมขึ้นศาล ดังนั้น ต้องให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ต่อไปให้ถึงที่สุด หากถูกยกเลิกไปเรื่องจะไม่จบแน่นอน และขอย้ำว่าการปฏิวัติไม่ใช่ทางออก เพราะนี่คือการใช้ความรุนแรงมากที่สุด”
** ผบ.ตร.ใหม่ สั่งเจรจาพันธมิตรฯทุกวัน
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยภายหลังการประชุมเสร็จ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า มาดูความพร้อมในการเตรียมรับสถานการณ์ต่างๆ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ส่งตำรวจไปเจรจากับแกนนำทุกวันเพื่อทำอย่างไรจะให้ผู้ชุมนุมเลิกหรือเคลื่อนย้าย ซึ่งตามนโยบายของตำรวจมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับประชาชนอยู่แล้ว ผู้ชุมนุมก็เป็นประชาชนกลุ่มหนึ่งก็ต้องดูแลความปลอดภัย ต้องเจรจาจนกว่าผู้ชุมนุมจะยินยอม
ขณะที่พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. กล่าวว่า ได้เชิญอธิบดีอัยการมาร่วมหารือ ว่าจะทำอย่างไรให้การชุมนุมเดือดร้อนต่อประชาชนให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะเส้นทางถนนราชดำเนินที่ปิดกั้นอยู่ เด็กนักเรียนเดือดร้อน เส้นทางขบวนเสด็จฯ ก็ต้องวิ่งทางอ้อม เคยเจรจาขอให้เปิดเส้นทางมาแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ข้อกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว หากดำเนินการก็จะรุนแรงเป็นคดีอาญา จะทำอย่างไรจะให้เกิดความนุ่มนวล ตามที่รัฐธรรมนูญระบุว่าการชุมนุมย่อมทำได้ต้องชุมนุมด้วยความสงบและเปิดเผย หากชุมนุมฝ่าฝืนต่อกฎหมายก็ผิด หากกีดขวางการจราจร เข้าข่าย พ.ร.บ.จราจรทางบก ตำรวจก็พยายามเจรจาให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว รัฐบาลก็ถอยไปแล้ว ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่ถอยเลย
***เลี้ยบอ้างพันธมิตรฯ ทำฝรั่งขายหุ้น
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เป็นความขัดแย้งที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เห็นได้จากการปรับตัวลดลงจากการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยหากดูตัวเลขในรอบเดือน 4 สัปดาห์ จะเห็นได้ชัดว่านักลงทุนชาวต่างชาติขายหุ้นออกมามากขึ้น
ส่วนการเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานจากผลกระทบที่นักลงทุนต่างชาติมองว่ารัฐบาลเข้าไปแทรกแซงกิจการของกลุ่มโรงกลั่นนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่เป็นการขอความร่วมมือ
นพ.สุรพงษ์อ้างว่า หากการชุมนุมยังยืดเยื้อ แม้จะมีมาตรการใดๆ ออกมาก็คงลดผลกระทบตรงนี้ไม่ได้ แต่รัฐบาลก็เชื่อว่าในที่สุดแล้ว เหตุการณ์ต่างๆ คงจะคลี่คลายไปในทางที่ดี และขณะนี้รัฐบาลไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ ที่จะต้องประกาศยุบสภา และเชื่อว่าการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะไม่ยั่วยุให้เกิดการทำรัฐประหาร
**“พงศกร”ไม่เคยสั่งแจ้งความพันธมิตรฯ
นายพงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่นายบำเหน็จ ทิพย์อักษร รองเลขาธิการคณะกรรมการสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้พันธมิตรฯ เคลื่อนย้ายจุดชุมนุม เนื่องจากกีดขวางทางเข้าออกกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)นั้น แม้ตนกำกับดูแล สกสค.แต่ก็ไม่ได้สั่งการให้นายบำเหน็จทำเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่ข้าราชการได้รับความเดือดร้อนและไปดำเนินการเอง
“ที่ข้าราชการ ศธ.บอกว่ามีการล่ารายชื่อ โดยไม่บอกว่าจะเอาไปแจ้งความนั้น ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครไปหลอกข้าราชการได้ หากเป็นข้าราชการแล้วลงชื่อ พร้อมกับให้เลขที่บัตรประชาชนไปขนาดนั้น โดยไม่สอบถามก่อนว่าจะเอาไปทำอะไร ก็ไม่สมควรจะเป็นข้าราชการแล้ว ”รมช.ศึกษาธิการกล่าว
**"สนธิ" นำพนักงานเอเอสทีวีขอบคุณปชช.
เวลา 20.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐะนะผู้ก่อตั้งเอเอสทีวี พร้อมด้วยตัวแทนพนักงานเอเอสทีวีได้ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันบริจาคเงินให้รวมเบ็ดเสร็จแล้ว 20 ล้านบาท ซึ่งทุกบาททุกสตางค์จะนำไปจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน รวมทั้งนำไปเป็นค่าสัญญาณดาวเทียม และอื่นๆ
"เวลานี้ถือว่าพี่น้องทุกคนคนไทยทั้งในประเทศ และทั่วโลกเป็นเจ้าของเอเอสทีวี ซึ่งผมขอพูดแทนทุกคนว่าพวกเราจะยึดมั่น และพร้อมเสนอความจริงด้วยความกล้าหาญ ไม่ปกปิด และจะรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจเงิน" นายสนธิ กล่าวยืนยัน
นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เคยพูดทำนองว่า ไม่ต้องไม่สนใจ ไอ้ธิ มันสู้ได้ไม่นาน เพราะเงินมันหมดแล้ว ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามันไม่จริง
"ขอฝากเอเอสทีวีเอาไว้ด้วย แม้ช่องอื่นไม่กล้า แต่เรากล้า เพราะทุกบาททุกสตางค์เป็นของพี่น้อง พนักงานบางคนน้ำตาไหล เพราะมีความหมายต่อชีวิต เพราะเราไม่ได้สู้ให้คนชั่ว แต่สู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และพี่น้องทุกคน ดังนั้นถ้าอยากให้มีสื่อแบบนี้คงอยู่ต่อไปก็โปรดอย่าทิ้งพวกเรา" นายสนธิ ระบุ
**“อดีตคนเดือนตุลาฯ” ชื่นชมพันธมิตรฯ
เวลา 20.46น. นายชัยวัฒน์ สุระวิชัย หนึ่งในแกนนำ14 ตุลาฯ กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า การต่อสู้ของพ่อแม่พี่น้อง ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประชาชนและประชาธิปไตยอีกครั้ง โดยเฉพาะจากเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.51 พี่น้องได้ยกระดับการต่อสู้จากการที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาข่มขู่ประชาชนด้วยหวังว่าพ่อแม่พี่น้องจะเกรงกลัวแล้วไม่กล้ามาแต่เขาคิดผิด จิตใจอันยิ่งใหญ่ของพี่น้อง เขาเรียกว่า เป็นจิตใจแห่งการต่อสู้ จิตใจที่เอาผลประโยชน์ของประชาชนทั่วประเทศยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม เราเข้าใจอย่างแจ้งชัดว่านายสมัครคือนายกฯ ซึ่งหน้าที่ของนายกฯคือต้องแก้ความเดือดร้อนของประชาชน ปรากฏว่าข้าวขึ้นราคา แทนที่จะขายได้ราคาดี มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เกิดการประท้วงรัฐบาลสมัคร จากพี่น้องประชาชนที่เลือกระบบทักษิณ
“สิ่งที่รัฐบาลสมัครควรจะทำกลับไม่ทำ แต่ไปทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ คือไปรับใช้ทักษิณ หน้าที่หลักแทนที่จะรับใช้ประชาชนกลับไปปกป้องทักษิณ ตามทฤษฎีรัฐศาสตร์ การที่รัฐบาลไม่สามารถปกครองประเทศไทย และการที่ประชาชนปฏิเสธ แสดงว่าเขาหมดเงื่อนไขที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป เขามีหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน แต่กลับมาข่มขู่พีน้องประชาชน เรารับได้ไหม นายกฯแบบนี้สมควรจะอยู่ต่อไปไหม”นายชัยวัฒน์ กล่าว
วานนี้(2 มิ.ย.)นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.15 น. ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและบึ้งตึงมาก เมื่อลงรถก็เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ จากนั้นในช่วงเที่ยง นายสมัคร หลบผู้สื่อข่าวไปรับประทานอาหารที่รร.โอเรียลเต็ล โดยไม่มีรถติดตามก่อนเดินทางกลับเข้าทำเนียบฯ ในช่วงบ่าย
ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางพบนายสมัครหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. รวมทั้ง คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 15 นาที ก่อนจะเดินทางกลับ ซึ่งคาดว่าเป็นการหารือประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ประกาศปักหลักชุมนุมกดดันนายสมัครให้ลาออกจากตำแหน่ง
ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 3 มิ.ย. นี้ นายสมัครจะหารือ ครม.ในการนำพ.ร.ก. การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) มาใช้ ภายหลังกลุ่มพันธมิตรฯประกาศปักหลักชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ จนกว่านายสมัครจะลาออกจากตำแหน่ง
**อนุพงษ์เตือนใช้กำลังนายกฯพัง
มีรายงานว่าในการหารือถึงสถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ประเมินข้อเสียในการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ในการผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมโดยใช้เงื่อนไขกฎหมายในการดำเนินการ ซึ่งอาจนำมาซึ่งการเผชิญหน้า และปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ และ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ ซึ่งผลเสียจะตกกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ตัดสินใจในการใช้กำลัง เพราะขณะนี้มีความพยายามจากหลายฝ่ายที่จะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.ต.อ.พัชรวาท เสนอแนะว่าไม่ควรใช้กำลังกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยควรปล่อยให้ชุมนุมไปและแก้ปัญหาด้วยการเมือง โดยเฉพาะต้องแก้ไขที่เงื่อนไขที่ทำให้สถานการณ์การเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นด้วย และนายกรัฐมนตรี จะงดการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในกรณีนี้ด้วย
**สมัครสั่งทหาร-ตร.เจรจาพันธมิตรฯ
จากนั้นเวลา 16.00 น. ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ น.ส.วิรินทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกฯ ร่วมแถลงข่าวถึงท่าทีของรัฐบาลต่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ กล่าวว่าการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.อนุพงษ์ พล.ต.อ.พัชรวาท และ คุณหญิงพรทิพย์นั้น นายกรัฐมนตรี ขอให้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร.ไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ในเบื้องต้นรัฐบาลจะใช้กฎหมายจราจรและกฎหมายอาญาเอาผิดกับพันธมิตรฯ เพราะรัฐบาลยืนยันจะไม่ใช้ความรุนแรง
ทั้งนี้ การออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ประกาศใช้ แต่ผบ.ทบ. ก็มีอำนาจที่จะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ปี 2550 ที่ สนช.และรัฐบาลชุดที่มาจาก คมช. เป็นผู้ผลักดัน เนื่องจากขณะนี้มีผู้เดือดร้อนจำนวนมากไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
“รัฐบาลเชื่อว่าเมื่อมีการไปคุยกันดีๆ ก็จะรู้เรื่อง มากกว่าที่จะใช้พ.รบ.ความมั่นคงฯ หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือกฎอัยการศึก และผมเองก็ยินดีที่จะเป็นตัวแทนของรัฐบาลในการไปเจรจากับพันธมิตรฯ” พล.ต.ท.วิเชียรโชติกล่าว
**โยนพันธมิตรฯบิดเบือนคำพูดหมัก
นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รองโฆษกฯ ระบุว่า การใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม ไม่ได้อยู่ในความคิดของนายสมัคร สุนทรเวชกลุ่มพันธมิตรฯ นำคำพูดของนายสมัคร ที่พูดในรายการโทรทัศน์เมื่อวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.นี้มาบิดเบือนประเด็น ซึ่งนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ต้องการที่จะใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม แต่นายกฯต้องการให้ พันธมิตรฯไปชุมนุมที่อื่นเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนกับประชาชน รวมทั้งเป็นถนนที่พระบรมวงศานุวงศ์ใช้พระราชดำเนิน
**ผบ.ทบ.ไม่ใช่กำลัง-ไม่ปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เวลา 09.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้เรียกประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงหลังการประชุมว่า ในการประชุม ผบ.ทบ.กล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ประเทศไทยไม่สามารถดำรงอยู่บนความขัดแย้งของประชาชน แต่ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ โดยทุกฝ่ายจะต้องไม่มีการใช้ความรุนแรงในการแสดงออก
สำหรับจุดยืนของกองทัพบกต่อสถานการณ์ในปัจจุบันผบ.ทบได้กล่าวยืนยันต่อผู้บังคับหน่วยว่า จะไม่มีการปฏิวัติ และจะไม่มีการใช้กำลังทหารกับประชาชน เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันมิใช่วาระที่ทหารจะออกไปทำอะไรทั้งสิ้น การแก้ไขปัญหา ของบ้านเมืองขณะนี้ต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของรัฐภายใต้กรอบของกฎหมาย
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า นโยบายและการสั่งการของ ผบ.ทบ.จะยึดมั่น ในอุดมการณ์ตามภาระหน้าที่ของทหารที่มีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน การดำเนินการใดๆ จะทำด้วยความละเอียดรอบคอบ และตระหนักถึงประโยชน์ ส่วนรวมและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมถึงความปลอดภัยของประชาชน เป็นหลัก ทั้งนี้หากทางรัฐบาลมีคำสั่งให้ทหารออกมาปฏิบัติหน้าที่เพื่อควบคุม สถานการณ์ทางทหารก็พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบกฎหมายที่มีอยู่
**ทำทุกอย่างเพื่อสถาบันและประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดผบ.ทบ.จึงได้ย้ำกับหน่วยขึ้นตรงว่าทหารจะไม่ปฏิวัติ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผบ.ทบ.อยากพูดกับผู้บังคับหน่วย เพื่อให้ได้ฟังจากปากของตนเอง เพราะผู้บังคับหน่วยหลายคนได้รับข่าวจากสื่อมวลชน แต่วันนี้ได้มีโอกาสพบกับผู้บังคับหน่วยจึงได้เล่าถึงความตั้งใจ และให้แนวทางกับผู้บังคับหน่วยจริงๆว่า ทหารจะไม่ปฏิวัติ
“ไม่ได้เป็นการปรามกำลังพลแต่พูดในข้อเท็จจริง ถึงภาพรวมว่า สถานการณ์ บ้านเมืองเป็นอย่างไร กองทัพบกมีจุดยืนอย่างไร และสิ่งที่ท่านทำทุกอย่างอยู่ภายใต้ ผลประโยชน์ของสถาบันและประชาชน”
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่าในที่ประชุมไม่ได้มีการพุดถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ใดๆทั้งสิ้น ส่วนหากกำลังพลจะออกไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ก็สามารถกระทำได้เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถกระทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงที่เข้าร่วมประชุมในระดับคุมกำลัง จะมีแม่ทัพภาคที่ทุกภาค และผู้บัญชาการกองพล เข้าร่วมประชุมด้วย
**”เฉลิม”เลิกตอแยพันธมิตรฯ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ต่อจากนี้จะไม่ขอพูดถึงและไม่ประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะที่ผ่านมาได้ถูกนำไปเป็นประเด็นโจมตี ไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไร และใช้คำด่าที่หยาบคายอยู่เพียงฝ่ายเดียวโจมตี แม้กระทั่งการเรียนจบดอกเตอร์ของตน และรัฐบาลมีวิธีการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม โดยจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ และจะไม่ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ต้องการขับไล่รัฐบาล และว่าทุกคนมีสิทธิจะคิด แต่จะทำได้หรือไม่เป็นอีกเรื่อง และขอยืนยันว่าความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้เป็นการถอดใจ แต่จะไม่ให้ความสนใจ
“นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งห้ามแสดงความคิดเห็น แต่ผมไม่ต้องการพูดถึง เพราะไม่อยากถูกด่าแล้ว รัฐบาลจะยังคงทำหน้าที่รักษากฎหมายต่อไป เชื่อว่าจะสามารถจัดการปัญหาได้ ส่วนที่ม็อบขู่ว่าจะเดินขบวนบุกมาที่บ้านผม ก็ไม่เป็นไร ถ้ามาก็จะให้ดื่มน้ำเย็น”
**มั่นใจสมัครไม่ถอดใจ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวเชื่อมั่นว่า นายสมัครจะไม่ถอดใจลาออก จากตำแหน่งตามที่มีกระแสข่าวว่ามีแรงกดดันในพรรคพลังประชาชนที่ต้องการเปลี่ยน ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และไม่น่าจะหาทางออกด้วยวิธียุบสภาฯ อย่างแน่นอน
“คนอย่างลุงหมัก อึดและสู้ รัฐบาลชุดนี้เปรียบเสมือนอั้งชิกกงในตำราจีน ที่สามารถพลิกตัวไปมา เพื่อสู้และตั้งรับกับสถานการณ์ได้”
ส่วนที่มีการระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลกดดัน และอาจถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครอึดอัดในเรื่องนี้ เพราะถ้าอึดอัด แนะนำให้ไปกินอีโน
**พปช.ตั้งวอร์รูมติดตาม
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญและจะไม่ให้ราคากับกลุ่มพันธมิตรฯสำหรับวอร์รูมของพรรคพลังประชาชนนั้น จะมีการติดตามประเด็นต่างๆ เพื่อสรุปสถานการณ์ทุกวัน โดยในวันจันทร์ถึงศุกร์เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป ส่วนในวันหยุดนั้นตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป
**พปช.เหนือโยนส.ส.อีสานป่วนสมัคร
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ส.กลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ พยายามกดดันให้นายสมัครลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งผลักดันให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา การประชุมภาคเหนือแต่ละครั้งไม่มีการกดดันให้นายสมัครลาออก ส.ส.ภาคเหนือ ค่อนข้างอะลุ่มอล่วย เปรียบเหมือนการฟ้อนรำที่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วถอยหลังสองก้าว ทั้งนี้อาจจะมีปัญหาที่ภาคอีสานที่มีทั้งกลุ่มส.ส.อีสานเหนือและกลุ่มส.ส.อีสานใต้
ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน กลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ กล่าวปฎิเสธข่าวที่ว่ากลุ่มตนกดดันให้นายสมัครออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่าเมื่อเช้าวันที่ 2 มิ.ย.ยังคุยกับนายเนวินอยู่เลย ไม่เห็นมีเรื่องนี้ เป็นการปล่อยข่าวมากกว่า
**ประชาระดมคนสู้พันธมิตรฯ
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน และแกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า ก่อนที่จะถึงวันที่ 4 มิ.ย. กลุ่มมหาประชาชนฯ จะประเมินท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งหากยังยืนกรานชุมนุมขับไล่นายสมัคร หรือกดดันให้ยุบสภา รวมทั้งเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวไปสนับสนุนหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน กลุ่มมหาประชาชนจะออกมารวมตัวชุมนุมที่ ท้องสนามหลวงในเย็นวันที่ 4 มิ.ย.อย่างแน่นอน
**พันธมิตรฯ ตั้งเวทีถาวร-เปิดจราจร
การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก วานนี้ (2 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ 9 ประชาชนยังคงเข้าร่วมการชุมนุมอย่างคึกคัก โดยมีการสร้างเวทีถาวร เพื่อชุมนุมอย่างต่อเนื่อง จนกว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะลาออก ตามจุดมุ่งหมายของการชุมนุม
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อน จากการชุมนุมทั้งโรงเรียน หน่วยราชการบางแห่งว่า พันธมิตรฯ ได้จัดระเบียบใหม่ ในเรื่องของการอำนวยความสะดวก โดยในวันนี้ได้มีการประสานให้รถประจำทางบางสาย สามารถวิ่งผ่านไปได้ในเวลา 15.00 -18.00 น. เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้พันธมิตรฯ ยังได้มีการจัดระเบียบเรื่องการรักษาความปลอดภัย โดยให้สื่อมวลชน และประชาชนที่มาร่วมชุมนุมต้องแสดงตัวให้เจ้าหน้าที่ตรวจอาวุธ ก่อนเข้าชุมนุม
นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการ ในนามกลุ่มเครือข่าวประชาธิปไตย ที่ออกมาระบุว่าเห็นต่างได้แต่ไม่ใช้ความรุนแรง รณรงค์ให้ประชาชนติดสัญลักษณ์สีขาว ริบบิ้น หรือสวมเสื้อสีขาว เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าไม่ต้องการเห็น ความรุนแรงนั้น ตนเห็นว่าเป็นความคิดริเริ่มที่ดี และสร้างสรรค์ต่อบรรยากาศ ทางการเมือง ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดความรุนแรงได้
**ปรับแผนชำแหละระบอบทักษิณ
นายสุริยะใส กล่าวว่า อย่างไรก็ตามพันธมิตรฯ ได้ปรับรูปแบบการปราศรัยบนเวทีโดยจะไม่มีการ ใช้คำที่รุนแรง ก้าวร้าว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะปรับเนื้อหาสาระของการปราศรัยโดยตั้งแต่วันนี้ (3 มิ.ย.) ในเวลา 19.00 - 22.00 น.จะจัดให้มีการเชิญนักวิชาการขึ้นมาปราศรัยเวที โดยเน้นเนื้อหาสาระและเปิดโปงระบอบทักษิณ และวาระซ่อนเร้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้
ส่วนประเด็นที่มีการเสนอให้มีการถอยคนละก้าวนั้น ขอเรียนว่าที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ชุมนุมด้วยเหตุผลเป็นไปแบบทีละขั้นทีละตอน แต่ฝ่ายที่ควรถอยควรจะเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะนายสมัครควรจะออกมาแสดงความชัดเจน ด้วยการออกนโยบาย ของรัฐบาลว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนกว่าคดีความของ พ..ต.ท.ทักษิณ จะสิ้นสุดลง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองลดความ ตึงเครียดลง ซึ่งอาจทำให้พันธมิตรฯ ยุติการชุมนุมก็เป็นได้
**รณรงค์ผูกผ้าขาวค้านใช้ความรุนแรง
วันเดียวกัน ที่ม.ธรรมศาสตร์ “เครือข่ายประชาธิปไตย เห็นต่างกันได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรง” ซึ่งประกอบไปด้วยอาจารย์มหาวิทยาลัย นิสิตนักศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรด้านศาสนาและภาคประชาสังคม นำโดยนายปริญญา เทวานฤมิตกุล รองอธิการบดีม.ธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์เชิญชวน ประชาชนทุกคนที่ไม่ต้องการเห็นความรุนแรงร่วมกันแสดงพลังโดยใช้สีขาวเป็นสัญลักษณ์
โดยเฉพาะรัฐบาลจะต้องไม่ใช้ความกำลังหรือ สร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรงในการแก้ปัญหาต่อประชาชนที่ขัดแย้งกับรัฐบาล อีกทั้งฝ่ายประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เห็นด้วยหรือฝ่ายที่เห็นต่างจากรัฐบาลจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงเข้าหากันด้วย
** ชี้ยุติขัดแย้งทักษิณต้องขึ้นศาล
นายปริญญา กล่าวว่า เราไม่ได้เรียกร้องให้มีการหยุดการชุมนุม แต่เรียกร้อง ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรง ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่มีความเห็น แต่เรื่องอะไรก็ตามที่จะเป็นชนวนที่จะนำไปสู่ความรุนแรงรัฐบาลควรหลีกเลี่ยง และเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เพราะจะเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ เพราะฉะนั้นต้องหลีกเลี่ยง
“ขณะนี้ดูเหมือนว่าเรากำลังขัดแย้งกันในทางความเชื่อ คือทักษิณ ผิดหรือไม่ผิด เพราะฉะนั้น เราต้องใช้ความจริงในการแก้ปัญหา โดยให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะถูกจะผิดให้ศาลตัดสิน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และเชื่อว่าสังคมไทยจะหยุดทะเลาะกันได้ หาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมขึ้นศาล ดังนั้น ต้องให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ต่อไปให้ถึงที่สุด หากถูกยกเลิกไปเรื่องจะไม่จบแน่นอน และขอย้ำว่าการปฏิวัติไม่ใช่ทางออก เพราะนี่คือการใช้ความรุนแรงมากที่สุด”
** ผบ.ตร.ใหม่ สั่งเจรจาพันธมิตรฯทุกวัน
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยภายหลังการประชุมเสร็จ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า มาดูความพร้อมในการเตรียมรับสถานการณ์ต่างๆ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ส่งตำรวจไปเจรจากับแกนนำทุกวันเพื่อทำอย่างไรจะให้ผู้ชุมนุมเลิกหรือเคลื่อนย้าย ซึ่งตามนโยบายของตำรวจมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับประชาชนอยู่แล้ว ผู้ชุมนุมก็เป็นประชาชนกลุ่มหนึ่งก็ต้องดูแลความปลอดภัย ต้องเจรจาจนกว่าผู้ชุมนุมจะยินยอม
ขณะที่พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. กล่าวว่า ได้เชิญอธิบดีอัยการมาร่วมหารือ ว่าจะทำอย่างไรให้การชุมนุมเดือดร้อนต่อประชาชนให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะเส้นทางถนนราชดำเนินที่ปิดกั้นอยู่ เด็กนักเรียนเดือดร้อน เส้นทางขบวนเสด็จฯ ก็ต้องวิ่งทางอ้อม เคยเจรจาขอให้เปิดเส้นทางมาแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ข้อกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว หากดำเนินการก็จะรุนแรงเป็นคดีอาญา จะทำอย่างไรจะให้เกิดความนุ่มนวล ตามที่รัฐธรรมนูญระบุว่าการชุมนุมย่อมทำได้ต้องชุมนุมด้วยความสงบและเปิดเผย หากชุมนุมฝ่าฝืนต่อกฎหมายก็ผิด หากกีดขวางการจราจร เข้าข่าย พ.ร.บ.จราจรทางบก ตำรวจก็พยายามเจรจาให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว รัฐบาลก็ถอยไปแล้ว ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่ถอยเลย
***เลี้ยบอ้างพันธมิตรฯ ทำฝรั่งขายหุ้น
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เป็นความขัดแย้งที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เห็นได้จากการปรับตัวลดลงจากการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยหากดูตัวเลขในรอบเดือน 4 สัปดาห์ จะเห็นได้ชัดว่านักลงทุนชาวต่างชาติขายหุ้นออกมามากขึ้น
ส่วนการเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานจากผลกระทบที่นักลงทุนต่างชาติมองว่ารัฐบาลเข้าไปแทรกแซงกิจการของกลุ่มโรงกลั่นนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่เป็นการขอความร่วมมือ
นพ.สุรพงษ์อ้างว่า หากการชุมนุมยังยืดเยื้อ แม้จะมีมาตรการใดๆ ออกมาก็คงลดผลกระทบตรงนี้ไม่ได้ แต่รัฐบาลก็เชื่อว่าในที่สุดแล้ว เหตุการณ์ต่างๆ คงจะคลี่คลายไปในทางที่ดี และขณะนี้รัฐบาลไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ ที่จะต้องประกาศยุบสภา และเชื่อว่าการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะไม่ยั่วยุให้เกิดการทำรัฐประหาร
**“พงศกร”ไม่เคยสั่งแจ้งความพันธมิตรฯ
นายพงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่นายบำเหน็จ ทิพย์อักษร รองเลขาธิการคณะกรรมการสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้พันธมิตรฯ เคลื่อนย้ายจุดชุมนุม เนื่องจากกีดขวางทางเข้าออกกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)นั้น แม้ตนกำกับดูแล สกสค.แต่ก็ไม่ได้สั่งการให้นายบำเหน็จทำเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่ข้าราชการได้รับความเดือดร้อนและไปดำเนินการเอง
“ที่ข้าราชการ ศธ.บอกว่ามีการล่ารายชื่อ โดยไม่บอกว่าจะเอาไปแจ้งความนั้น ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครไปหลอกข้าราชการได้ หากเป็นข้าราชการแล้วลงชื่อ พร้อมกับให้เลขที่บัตรประชาชนไปขนาดนั้น โดยไม่สอบถามก่อนว่าจะเอาไปทำอะไร ก็ไม่สมควรจะเป็นข้าราชการแล้ว ”รมช.ศึกษาธิการกล่าว
**"สนธิ" นำพนักงานเอเอสทีวีขอบคุณปชช.
เวลา 20.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐะนะผู้ก่อตั้งเอเอสทีวี พร้อมด้วยตัวแทนพนักงานเอเอสทีวีได้ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันบริจาคเงินให้รวมเบ็ดเสร็จแล้ว 20 ล้านบาท ซึ่งทุกบาททุกสตางค์จะนำไปจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน รวมทั้งนำไปเป็นค่าสัญญาณดาวเทียม และอื่นๆ
"เวลานี้ถือว่าพี่น้องทุกคนคนไทยทั้งในประเทศ และทั่วโลกเป็นเจ้าของเอเอสทีวี ซึ่งผมขอพูดแทนทุกคนว่าพวกเราจะยึดมั่น และพร้อมเสนอความจริงด้วยความกล้าหาญ ไม่ปกปิด และจะรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจเงิน" นายสนธิ กล่าวยืนยัน
นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เคยพูดทำนองว่า ไม่ต้องไม่สนใจ ไอ้ธิ มันสู้ได้ไม่นาน เพราะเงินมันหมดแล้ว ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามันไม่จริง
"ขอฝากเอเอสทีวีเอาไว้ด้วย แม้ช่องอื่นไม่กล้า แต่เรากล้า เพราะทุกบาททุกสตางค์เป็นของพี่น้อง พนักงานบางคนน้ำตาไหล เพราะมีความหมายต่อชีวิต เพราะเราไม่ได้สู้ให้คนชั่ว แต่สู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และพี่น้องทุกคน ดังนั้นถ้าอยากให้มีสื่อแบบนี้คงอยู่ต่อไปก็โปรดอย่าทิ้งพวกเรา" นายสนธิ ระบุ
**“อดีตคนเดือนตุลาฯ” ชื่นชมพันธมิตรฯ
เวลา 20.46น. นายชัยวัฒน์ สุระวิชัย หนึ่งในแกนนำ14 ตุลาฯ กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า การต่อสู้ของพ่อแม่พี่น้อง ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประชาชนและประชาธิปไตยอีกครั้ง โดยเฉพาะจากเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.51 พี่น้องได้ยกระดับการต่อสู้จากการที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาข่มขู่ประชาชนด้วยหวังว่าพ่อแม่พี่น้องจะเกรงกลัวแล้วไม่กล้ามาแต่เขาคิดผิด จิตใจอันยิ่งใหญ่ของพี่น้อง เขาเรียกว่า เป็นจิตใจแห่งการต่อสู้ จิตใจที่เอาผลประโยชน์ของประชาชนทั่วประเทศยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม เราเข้าใจอย่างแจ้งชัดว่านายสมัครคือนายกฯ ซึ่งหน้าที่ของนายกฯคือต้องแก้ความเดือดร้อนของประชาชน ปรากฏว่าข้าวขึ้นราคา แทนที่จะขายได้ราคาดี มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เกิดการประท้วงรัฐบาลสมัคร จากพี่น้องประชาชนที่เลือกระบบทักษิณ
“สิ่งที่รัฐบาลสมัครควรจะทำกลับไม่ทำ แต่ไปทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ คือไปรับใช้ทักษิณ หน้าที่หลักแทนที่จะรับใช้ประชาชนกลับไปปกป้องทักษิณ ตามทฤษฎีรัฐศาสตร์ การที่รัฐบาลไม่สามารถปกครองประเทศไทย และการที่ประชาชนปฏิเสธ แสดงว่าเขาหมดเงื่อนไขที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป เขามีหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน แต่กลับมาข่มขู่พีน้องประชาชน เรารับได้ไหม นายกฯแบบนี้สมควรจะอยู่ต่อไปไหม”นายชัยวัฒน์ กล่าว