“สมัคร” นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยโชว์ความกลิ้งกลอกแบบไม่อายฟ้าดิน ปฏิเสธหน้าตาเฉยไม่เคยสั่งให้สลายการชุมนุมพันธมิตรฯ รับแจ้นพึ่ง “เหลิม” ออกตัวแทน ย้ำจะต้องยุติการชุมนุมให้ได้เพื่อกู้หน้ารัฐบาล อ้างเบื้องสูงครั้งแล้วครั้งเล่ากีดขวางเส้นทางเสด็จฯ พันธมิตรฯ แถลงการณ์จวกหมักป้ายสี แอบอ้างสถาบันโจมตีผู้ชุมนุมว่าเป็นผู้ไม่จงรักภักดี ประกาศมีขบวนเสด็จผ่านมายังสถานที่ชุมนุมเมื่อใดจะเปิดเส้นทางโดยทันที และแปรขบวนเป็นพสกนิกรที่จะคอยต้อนรับเสด็จด้วยความจงรักภักดีสูงสุด จี้ลาออกจากตำแหน่งทันที บี้พรรคร่วมถอนตัว ขณะที่ แก๊งมอเตอร์ไซค์นปก.นับร้อยก่อกวนเวที
หลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ออกอากาศรายการพิเศษผ่านทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยประกาศอย่างชัดเจนว่าในวันดังกล่าวจะใช้กำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์อย่างแตกหักนั้น วานนี้ (1 มิ.ย.)นายสมัครได้กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ NBT ถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
**ลั่นไม่เคยพูดสลายม็อบ
ฉะทีวีไม่ชอบขี้หน้าทำป่วน
นายสมัครว่า ตอนแรกไม่ได้คิดที่จะนำเรื่องที่พูดเมื่อวันที่ 31 พ.ค.มาพูดต่ออีกครั้ง โดยขอยืนยันว่าที่พูดไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่เมื่อพูดออกไปก็มีสถานีโทรทัศน์ 1-2 ช่อง ที่ไม่ชอบหน้ารัฐบาลก็ออกข่าว อย่างไปอ.ต.ก. นักข่าวไปกันเป็นพรวนเลย ไม่รู้จะตามไปทำไม จากนั้นตนเองก็ไปเยี่ยมลูกสาว กลายเป็นว่า เหตุการณ์เครียดหนัก ลูกสาวเข้าโรงพยาบาล เป็นหลานคนที่ 3 ผู้ชาย
“ผมซื้อของก็ถามลูกว่าจะกินอะไร ก็ตามเฮโลไปโรงพยาบาลกันอีก โห...นายสมัครป่วยหรือ-ลูกสาวป่วยหรือ ผมก็หลบไปเขียนหนังสือให้ต่วยตูน ก็เล่าให้ฟังว่าทำหน้าที่ปกติธรรมดา ไม่มีอะไรแปลกประหลาดพิสดาร ยืนยันในสิ่งที่ผมพูดทุกประการ”
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า นั่งดูโทรทัศน์กลายเป็นเรื่องว่า จุดชนวนให้บ้านเมืองร้าวฉาน เหมือนกับว่าการชุมนุมกันมันถูกต้อง และนายกฯไปจุดชนวน ก็คิดว่าแปลก พอบ่ายโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ไม่ชอบรัฐบาล ไปออกข่าวว่า ตำรวจขีดเส้นตาย สลายม็อบ 17.00 น. นักวิชาการออกมา ทำให้กลายเป็นคนร้ายโดยฉับพลัน
“ผมโทรหาตำรวจว่า ไปกำหนดเวลาสลายม็อบเลยหรือ เขาบอกเปล่าครับ อ้าวผมก็รำคาญเต็มที ออกข่าวกันรุนแรงเหลือเกิน ข่าวออกไปทั่วโลก นายกฯสลายม็อบ ผมรำคาญใจ ก็นึกถึงเฉลิม (อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย) ช่วยบอกให้ด้วย ขอยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ประกาศสลายม็อบ 5 โมงเย็น ให้ช่วยบอกที คุณเฉลิมแกก็มีแบบฉบับของแก ก็เป็นความปรารถนาดี แต่กลายเป็นว่า ท่านหลุดออกมาว่า “เชิญชุมนุมกันตามสบาย” แป๊บเดียวได้เรื่องเลยว่าตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ นสพ.ไทยรัฐ พาดหัว “รัฐกลับลำไม่สลายการชุมนุม” มติชน พาดหัว “คนแห่ร่วมพันธมิตร หลังสมัครขู่ลุย เฉลิมแจ้นแก้แทน”
“ผมไม่ได้แสดงการขู่ แต่พูดตามหลักเกณฑ์ และยืนยันว่าหมายความตามที่พูดทุกประการ ว่าสิ่งที่คุณพูดที่สะพานมัฆวานฯ มันผิดกฎหมาย มันไม่ถูกต้อง ฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ วิธีการตกลงกันไว้แล้ว คำว่าสลายม็อบไม่ได้พูดถึง บอกเพียงว่า คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ก็บอกให้เค้าจัดการ มีวิธีการ เขาซักซ้อมเสร็จเรียบร้อย อย่าลืมว่า เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องเสด็จหลีก นักเรียนก็ได้รับความเดือดร้อน จะบอกให้ว่า ไม่ได้ใช้คำว่าสลาย ตำรวจต้องไปเจรจาความ ต้องการบอกว่า คุณ ทำตรงนี้ไม่ได้ ต้องรื้อถอนออกไป ต้องเปิดเส้นทางตามปกติ ยังพูดเลยจะไปชุมนุมที่ไหนไม่มีใครว่า ก็พูดจาชัดเจน”นายกฯ กล่าว
**อ้างซ้ำซากขวางทางเสด็จฯ
นายสมัคร กล่าวอีกว่า ตอนที่จะสลายจะถ่ายโทรทัศน์ทุกช่องไปทั่วโลกให้รู้เลย ว่ามันผิดกฎหมาย ถ้าจะทำก็ต้องทำอย่างนี้ ไม่ได้ตั้งเวลา จะเลือกเวลาที่เจรจากัน จะขยายเสียงด้วย ให้คนทั้งโลกได้ฟัง ไปถ่ายทอดดูว่าการเจรจาความ คุณขวางทางตรงนี้ไม่ได้ เพราะมันผิดกฎหมาย ต้องถอนออกไป หากไม่รื้อ ตำรวจจะจัดการรื้อแทน จะเรียกว่าสลายไม่ได้ ไม่มีการไปคิดตบตี เรื่องรายละเอียดก็มอบหมายไปแล้ว แต่ทำกันเอง ปลุกระดมกันเอง อ้างตำรวจดีเดย์ 5 โมงเย็น เป็นทำนองว่า ถ้าทำแบบนั้น รัฐบาลก็แพ้”
“วันที่เค้าฟัดกันเองวันนั้น มีคนอดรนทนไม่ได้ ข่าวออกมาวิ่งไล่ตีกันเอง นั่นแหล่ะเป็นเหตุ เราจะทำอะไร นั่งประคับประคองสถานการณ์ ไม่ได้เลย หน้าตารัฐบาลไทย ไม่มีเหลือหลอเลย ผมยืนยันว่า บ้านเมืองต้องมีขื่อมีแป ใครจะมาทำอะไรตามอำเภอใจ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะหลีกเลี่ยง ไม่ได้ครับ คนที่ไปร่วม ท่านต้องอายนะครับ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องเสด็จหลีก ถนนนี้ชื่อว่า “ราชดำเนิน” แล้วไปนั่งขวางแบบนั้น จงรักภักดีต่อเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ไม่อายคนทั้งบ้านทั้งเมืองหรือครับ คนเพียงหยิบมือจะเทียบกับคน 63 ล้านคนหรือ ผมดูแลบ้านเมืองนี้ ไม่มีหรอกครับไปข่มขู่เข่นฆ่า แต่จะถ่ายโทรทัศน์ออกไปทั่วโลกว่า คนดื้อด้านเป็นอย่างไร และใช้เหตุผลอะไร กระบองก็ไม่ใช่ ปืนก็ไม่ใช่ ตำรวจจะดูเวลาที่เหมาะสม ทำอย่างนี้นักวิชาการทั้งหลายพอใจมั้ยครับ”นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายสมัคร กล่าวอีกว่า พวกคุณมาชุมนุมขวางทางแบบนี้ไม่ได้ ตำรวจต้องดำเนินการ คุณไปต่อกันเองว่า สลายม็อบ ไปกำหนดเวลากันเอง และปลุกระดมเร่งเร้า ทำไมผมจะไม่รู้ว่าอยากให้บุกเข้าไปตอนคนเยอะๆ จะได้ออกข่าว ไม่มีหรอกครับ ใครปลุกระดม พี่น้องทั่วประเทศจะต้องได้เห็น 7 วันก็พอเพียงแล้ว
“ผมต้องดำเนินการ ด่าผม “ไอ้-อี” ถอยไปนั่งกลางวง กลัวใครจะจับกุม ไม่มีหรอกครับ พี่น้องประชาชนที่ไปนั่งตรงนั้น ถ้าคุณ จงรักภักดี นั่งต่อไปสิครับ ที่ต้องให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จไปทางอื่น คนไทยหรือเปล่าครับ ผมไม่ได้มีอะไรแอบแฝง เป็นหน้าที่ของคนเป็นนายกรัฐมนตรี ให้นักวิชาการประกาศเลยว่า การไปนั่งขวางถนน เค้าเดือดร้อนกันหมด ช่วยออกมายืนยันว่า ถูกต้อง...โทรทัศน์ปลุกระดมเอง เร่งเร้าให้คนเยอะ อยากให้ตำรวจเค้าเร่งรัดในเวลานั้น เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผมยังยืนยันเหมือนเดิม คนทำผิดกฎหมาย ตำรวจต้องดำเนินการ จะถ่ายทอดออกไปให้รู้ทั่วโลกให้รับรู้”
**จัดฉากชงคำถามอัดพันธมิตรฯ
สำหรับในช่วงตอบคำถาม มีมีผู้ถามว่า ฝากนายกฯเลิกพูดสลายม็อบ แล้วมาแก้ปัญหาปากท้อง นายสมัครกล่าวตอบว่า ไม่ได้พูดเรื่องสลายม็อบ แต่ต้องให้ออก จะออกทีวีให้รู้ไปเลยว่า เขาเถียงอย่างไร ไม่มีการตบ-การตี และพูดก็พูดดีด้วย ยืนยัน ไม่มีทุบ-ไม่มีตี-ไม่มีจับกุม แต่ก็กลายเป็นสลายม็อบ ตนเองกลายเป็นคนใช้ไม่ได้ กลายเป็นคนเลวในพริบตา
“ผมขอย้ำว่าคนพวกนี้จะมาอยู่เหนือกกฎหมายไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่พูดไว้เมื่อวาน จะทำตามกฎหมาย ไม่มีการไปตบไปตี การดำเนินการจะถ่ายทอดให้ดูว่า คนขัดขวางการใช้จราจรหน้าตาเป็นอย่างไร”
นายกรัฐมนตรีกล่าวปิดท้ายรายการด้วยว่า มีคนต้องการท้าให้จับ ให้จลาจล เป้าหมายคือให้รัฐบาลนี้พ้นไปเสีย ก็ร้องถามว่า แล้วจะให้ใครมาเป็นรัฐบาล มันไม่ได้ มันต้องมีความไม่บังควร นี่มันไม่มีอะไรเลย แล้วมาบอกว่าจะไล่รัฐบาล ประชาชนเดือดร้อน ผมถึงต้องแก้ไขปัญหา
เมื่อถามต่อว่า เอเอสทีวีใช้ภาษาหยาบคาย ทำไมไม่ปิด นายสมัคร กล่าวว่า “ปิดไม่ได้ครับ ศาลคุ้มครอง ถ้าไม่อยากรู้ ก็อย่าไปเปิดฟัง เค้าออกอากาศได้ เพราะศาลคุ้มครองมา 2 ปีแล้ว ส่วนคำถามที่ว่า นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นส.ส.หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า “ก็ต้องฝากคำถามนี้ไปนะครับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประกาศล้มล้างรัฐบาลเป็นกบฏ หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เรื่องนี้นักกฎหมายเค้าดูอยู่ ถามอีกว่า เห็นด้วยที่จะสลายม็อบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ครับๆ เห็นด้วยก็เห็นด้วย”
เมื่อถามว่า ทำไมนักข่าวไม่ไปถาม 5 แกนนำว่าทำไม ให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องเสด็จหลบ นายสมัคร กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวได้ยินแล้วใช้มั๊ยครับ ช่วยกรุณาไปถามพวกแกนนำหน่อยเถอะ
เมื่อถามว่า พันธมิตรฯกู้ชาติอยากรู้ใครที่ขายชาติ นายสมัครกล่าวตอบว่า ก็ชอบใช้กันเหลือเกิน กู้ชาติ ๆ ไม่รู้ว่า ชาติล่มไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่ต้องแตกตื่นและห่วงคะแนนผม ผมทำอะไรไม่ได้คิดถึงคะแนน ทำงานเพื่องาน มานั่งตรงนี้ต้องรับผิดชอบ ต้องประกาศว่านี่คือความเป็นธรรม คุณทำผิดกฎหมาย บอกให้รู้ก่อน และจะถ่ายทอดไปทั่วโลกว่าคนพวกนี้ ที่อ้างว่าจงรักภักดี แต่ให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องอ้อมไปทางอื่น ดูหน้าว่าเป็นอย่างไร”นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ หลังจบรายการ นายสมัครปฏิเสธให้ความชัดเจนกรณีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากนั้นเดินทางไปยังโรงแรมปาร์ค นายเลิศ เพื่อร่วมงานแต่งงาน ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านพักที่ซอยนวมินทร์ และในเวลา 15.30 น. นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้การต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย ที่กระทรวงกลาโหม แต่ไม่อนุญาตให้สื่อเข้าถ่ายภาพ
**พันธมิตรฯ โต้หมักแอบอ้างสถาบันป้ายสี
วันเดียวกันเวลาประมาณ 21.00 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 13/2551 เรื่อง การประณามนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีมติให้ประกาศจุดยืนดังต่อไปนี้
1. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอกราบขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั่วทุกสารทิศนับแสนคน ที่ได้หลั่งไหลเข้ามาร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยจิตใจ ที่มุ่งมั่น และ กล้าหาญ เพื่อมาปกป้องภารกิจศักดิ์สิทธิ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อโค่นระบอบทักษิณและขับไล่รัฐบาลอันพาลหุ่นเชิด และขอกราบขอบพระคุณสื่อสารมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่นำเสนอข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รอดพ้นจากความป่าเถื่อนในการสลายการชุมนุมของนายกรัฐมนตรีในที่สุด
2. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอประณามการกระทำของนายสมัคร สุนทรเวช ว่าได้หมดความชอบธรรมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เพราะได้ใช้วาจาที่ส่อให้เห็นถึงเจตนาที่จะใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ใช้สิทธิในการชุมนุมโดยสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ใช้สิทธิในฐานะคนไทยที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญตามมาตรา 69 และทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามมาตรา 70 เพื่อปกป้องรักษา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที
3. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอประณามนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ที่ได้พูดจาแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อมาโจมตีผู้ชุมนุมว่าเป็นผู้ไม่จงรักภักดีเพราะมากีดขวางเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินนั้น เป็นความชั่วร้ายที่อาจทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทและสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เสื่อมเสียต่อพระเกียรติของสถาบันพระมหากษัตริย์ได้
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอกราบเรียนให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนและสื่อสารมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศทราบว่า การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น มีวัตถุประสงค์ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้พ้นภัยจากอริราชศัตรู จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชุมนุมจะไม่มีความจงรักภักดีตามที่นายกรัฐมนตรีได้พยายามบิดเบือนแต่ประการใด
สาเหตุการชุมนุมที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์นั้นเกิดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้รัฐบาลชุดนี้เป็นฝ่ายที่ได้นำเครื่องกีดขวางการจราจรมาขัดขวางมิให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเดินทางไปยังที่ทำเนียบรัฐบาลตามแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับที่ 11/2551 กลุ่มผู้ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงมีความจำเป็นต้องชุมนุมปักหลักพักค้าง ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งเท่ากับว่าตำรวจเป็นฝ่ายเลือกพื้นที่การชุมนุมให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเอง
นอกจากนั้นหากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ทราบว่า จะมีขบวนเสด็จผ่านมายังสถานที่ชุมนุมเมื่อใด กลุ่มผู้ชุมนุมก็พร้อมจะเปิดเส้นทางโดยทันที และแปรขบวนเป็นพสกนิกรที่จะคอยต้อนรับเสด็จด้วยความจงรักภักดีสูงสุด ดังที่ได้เคยปฏิบัติมาแล้วในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสี่แยกมิสกวัน ถนนราชดำเนิน เมื่อ ปี พ.ศ. 2549
4. จากพฤติกรรมและทัศนคติที่เป็นอาชญากรรมของนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ด้วยการแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อทำลายการชุมนุมของประชาชนที่จงรักภักดีนั้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอกราบเรียนวิงวอน ให้พรรคร่วมรัฐบาล ได้โปรดแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศชาติ ด้วยการหยุดให้การสนับสนุนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยทันที
5. ตลอดเวลาการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2549 นั้นได้พิสูจน์แล้วว่า มีแต่ความสงบ สันติ อหิงสา และปราศจากอาวุธมาโดยตลอด ไม่เคยก่อความรุนแรงใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นหากมีแผนการใดๆจากฝ่ายรัฐบาลหุ่นเชิด ทั้งที่มาจากเจ้าหน้าที่รัฐนอกเครื่องแบบ หรือกลุ่มอันธพาลรับจ้าง ที่จะเข้ามาแทรกซึมในหมู่พี่น้องประชาชนที่มาชุมนุม แล้วสร้างความวุ่นวายหรือก่อเหตุรุนแรง เพื่อแอบอ้างเป็นสาเหตุในการสลายการชุมนุมนั้น ต้องถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว
6. ความยืนหยัดและเด็ดเดี่ยวของพ่อแม่พี่น้องประชาชนตลอดระยะเวลา 8 วัน 8 คืนที่ผ่านมา ในการเข้าร่วมทำภารกิจศักดิ์สิทธิ์กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นวีรกรรมที่สมควรแก่การยกย่องของวิญญูชนทั่วโลก ไม่ว่าจะมองจากมาตรฐานใดๆ ดังนั้นจึงขอให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนและเพื่อนร่วมชาติทุกท่าน ได้โปรดยืนหยัดและเด็ดเดี่ยวอย่างหาญกล้า เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของพวกเราทุกคน เพื่อบรรลุชัยชนะในการโค่นล้มระบอบทักษิณ และขับไล่รัฐบาลอันพาลหุ่นเชิดให้จงได้ ในเร็ววันนี้
**จำลองประกาศชัยชนะ
เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (1 มิ.ย.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีพร้อมประกาศว่า รุ่งอรุณวันนี้เป็นชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรฯ แล้ว พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาชนที่อยู่ที่บ้านออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นวันที่ 8 แล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักเหนียวแน่น การชุมนุมยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องด้วยความสงบเรียบร้อย
ขณะที่ทางด้านการรักษาความปลอดภัยนั้น ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลต่างๆ และตำรวจตระเวนชายแดน สับเปลี่ยนกำลังปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกัน
**ยันชุมนุมต่อจนกว่าจะชนะ
เมื่อเวลา 15.50 น.พล.ต.จำลองได้ออกมาย้ำจุดยืนบนเวทีพันธมิตรฯ โดยยืนยันว่าจะชุมนุมต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ และจะไม่ย้ายสถานที่ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานไปที่ทำเนียบรัฐบาล แม้ตำรวจจะเปิดทางให้ก็ไม่ไป โดยจะยืดหยัดอยู่ที่นี่ ขับไล่รัฐบาลจนสำเร็จ และจะไม่เข้าไปยุ่งบริเวณทำเนียบรัฐบาล สิ่งที่พูดไปเราพูดความจริงทุกอย่าง ไม่ได้พูดอย่างทำอย่างหรือพูดกลับไปกลับมา พันธมิตรฯทำตามเหตุผลทุกประการไม่ได้บิดเบี้ยว
"เราอยู่ตรงนี้ดีแล้ว เราจะกินนอนที่นี่ ภูมิประเทศแถวนี้ผมรู้ดีกว่าตำรวจ สมัยเป็นนักเรียนนายร้อยเดินไปเดินมา บริเวณนี้ตั้ง 5 ปี ส่วนที่ทำเนียบฯ ก็เคยทำงานการเมืองมาหลายสมัย จึงรู้ทำเลดีกว่าตำรวจแน่"พล.ต.จำลองกล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ไม่ให้ความสนใจกับคำพูดของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาพูดกลับไปกลับมาในเรื่องการสลายการชุมนุม พร้อมยืนยันจะปักหลักยืดเยื้อ โดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และไม่ถือว่าผิด พ.ร.บ.การจราจร เพราะไม่ได้นำแผงเหล็กมาปิดขวางการจราจรเหมือนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำ อย่างไรก็ตาม คิดว่าเราคงชุมนุมกันไม่เกินวันที่ 17 มิ.ย.นี้อย่างแน่นอน จึงขอให้ผู้ร่วมชุมนุมอดทนกันเอาไว้
**“สุริยะใส” ยัน แกนนำพันมิตรฯไม่มีเสียงแตก
เมื่อเวลา 17.00 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯกีดขวางขบวนเสด็จฯ ว่า ยืนยันว่าพันธมิตรฯประสานข้อมูลตลอดเวลา ถ้าหากมีการเสด็จฯมาจริง เราก็พร้อมจะปรับเส้นทางเสด็จฯให้ แต่นายกฯไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นการกล่าวหาม็อบ นายกฯควรรับผิดชอบในคำพูด ส่วนกรณีที่บอกว่าไม่มีการสลายการชุมนุมแล้วนั้น จากการที่ได้สอบถามตำรวจพบว่า คำสั่งการสลายการชุมนุมยังอยู่ แต่ทำไม่ได้เพราะผู้มาชุมนุมเกิน 5,000 คน โดยหลักการสลายการชุมนุมต้องน้อยกว่า 5,000 คน อย่างไรก็ตามพันธมิตรฯก็เตรียมพร้อมรับมือการสลายม็อบตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากประชาชนบางตาจะมีการเตรียมพร้อมอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า ยอมรับว่าเวลากลางวันกับหลังเที่ยงคืนคนจะน้อย แต่จากการประสานกับตำรวจเชื่อว่าด้วยศักดิ์ศรีแล้วจะไม่กระทำในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะจะเสี่ยงกับความรุนแรง เราเป็นชุมนุมที่มีคนจำนวนมาก ไม่ใช่แบบนปก. ที่เจอสถานการณ์อย่างนี้คงถอยและยกธงขาวไปแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า เงื่อนไขการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ คืออะไร กันแน่ นายสุริยะใส กล่าวว่า รัฐบาลยุบสภาฯหรือลาออก เป็นเงื่อนไขที่ง่ายที่สุดของการเมือง ต่อข้อถามว่า วันนี้(2มิ.ย.)มีการเตรียมพร้อมเรื่องเส้นทางของโรงเรียนบริเวณรอบนี้อย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า ประสานไปที่โรงเรียนแล้ว ซึ่งเราก็พร้อมที่จะเปิดเส้นทางให้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีช่องทางตามกฎหมายดำเนินการกับนายกฯหรือไม่ ที่นายกฯมากล่าวหาแบบนี้ นายสุริมใส กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือเรื่องนี้ แต่หากจะทำจริง ก็พร้อมจะหาช่องทางตามกฎหมายเพื่อดำเนินการกับนายกฯ ขณะนี้ได้กำชับผู้ชุมนุมไม่ให้ยั่วยุเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเป็นเพื่อนเราไม่ใช่ศัตรูคู่สู้
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าพันธมิตรฯเสียงแตก เนื่องจากแกนนำบางคนต้องการให้ประกาศชัยชนะช่วงนี้ ขณะที่บางคนต้องการให้ชุมนุมยืดเยื้อ นายสุริยะใส กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีเสียงแตก แค่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายจะเลือกแนวทางที่ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรึงกำลังบางตาลง ไม่ตึงเครียดเหมือนเมื่อวันที่ 31พ.ค. โดยในช่วงบ่ายกลุ่มพันธมิตรฯ ได้นำหมวกสีเหลืองมีตราสัญลักษณ์มาแจกให้ผู้ชุมนุมเพื่อกันแดด รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนปฏิบัติหน้าที่ด้วย
**ครส. จี้นายกฯ ลาออก
รับผิดชอบคำขู่สลายชุมนุม
วันเดียวกัน นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ออกแถลงการณ์ให้นายกรัฐมนตรีลาออก และปรับคณะรัฐมนตรี หาทางออกการเมืองไทยอย่างสร้างสรรค์ หยุดประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยมีเนื้อหา ดังนี้
1.ครส.ขอเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออก เพื่อหลีกทางให้มีการแก้ไขปัญหาการเมืองอย่างสร้างสรรค์ การออกมาข่มขู่คุกคามประชาชนที่ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลต่อสาธารณะ ถือเป็นวาทะของผู้นำเผด็จการที่สมควรถูกโลกประณาม หากเป็นบรรทัดฐานสากล นายกรัฐมนตรีอาจถูกถอดถอนหรือถูกปลดไปแล้ว การออกมาพูดต่อสาธารณะในวันเสาร์ที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรี จึงเป็นการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้นในสังคม นำพาบรรทัดฐานของภาวะผู้นำในระบอบประชาธิปไตยให้ถอยหลังลงคลอง และสะท้อนว่าไม่เคยเข้าใจสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตลอดจนสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษยชาติ นับตั้งแต่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนได้บัญญัติขึ้นเป็นทางการกว่า 60 ปี
2.ครส.ขอเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชาชน สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล กดดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาข้าวยากหมากแพง และสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองได้
3.สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ไม่มีมูลเหตุทางการเมืองใดที่รัฐบาลจะประกาศภาวะฉุกเฉิน หรือประกาศกฎอัยการศึก เพื่อใช้อำนาจในการสลายการชุมนุมของประชาชนได้ หากมีการกระทำดังกล่าวรัฐต้องรายงานหรือแจ้งผ่านเลขาธิการสหประชาชาติก่อนตามที่ประเทศไทยเป็นภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงและไม่เคยมีประเทศประชาธิปไตยใดใช้สิทธิในอำนาจรัฐดังกล่าวจัดการประชาชน
**ผบ.ส.ส.ดีใจหมักไม่ใช้ความรุนแรง
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ทุกคนเห็นด้วยกรณีนายกรัฐมนตรีประกาศไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมส่วนข้อเสนอให้สองฝ่ายถอยคนละก้าวนั้น เห็นว่าหากทั้งสองฝ่ายหาทางประนีประนอม ทำความเข้าใจความต้องการของกันและกันแบบคนไทย ให้ผู้นำไปคุยกันโดยนึกถึงชาติบ้านเมือง และเห็นประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตัว เชื่อว่าจะทำให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่าย
พร้อมขอยืนยันอีกครั้งว่า หน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมเป็นของตำรวจ ส่วนทหารเน้นการป้องกันประเทศเป็นหลัก และทหารมีวินัยไม่ทำตามอารมณ์ แต่จะทำตามกฎหมายและคำสั่ง.
**อดีต ส.ว. ฉะยับ “หมัก-ลิ่วล้อแม้ว”
หมดความชอบธรรมในการเป็นรัฐบาล
ที่เวทีสะพานมัฆวานฯ นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต ส.ว.สกลนคร ได้ขึ้นเวทีปราศรัยโดยกล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศแตกหักสั่งจัดการกับกลุ่มพันธมิตรฯ ขั้นเด็ดขาดว่า ตอนนี้บ้านเมืองมันเกิดอะไรขึ้น รัฐบาลสมัครหมดความชอบธรรมแล้ว เหตุผลคือ ประการที่ 1 ทำลายความยุติธรรมโดยสิ้นเชิง เพราะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พ้นผิด
2.สั่งปลดคนดีในหลายๆ กระทรวง รวมทั้งสั่งปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส โดยแจ้งข้อหาต่างๆ จากนั้นก็แต่งตั้งคนเลวโดยเฉพาะนายยงยุทธ ติยะไพรัช ขึ้นเป็นประธานสภา แล้วส่งเสริมคนเลวให้เข้ารับราชการ อีกทั้งยังผลักดันให้นายจักรภพ เพ็ญแข ไปนั่งเป็นรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกฯ
นางมาลีรัตน์ กล่าวอีกว่า ได้ดู ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์แล้วรู้สึกว่าทนไม่ไหว เพราะพูดกล่าวหาพันธมิตรฯ โดยไม่มีมูลความจริง และถ้าบุคคลนี้เป็นนายกฯ คงต้องย้ายหนีไปเป็นพลเมืองประเทศอื่น ส่วนที่ตนสอบตก ส.ส.แต่ก็ยินดี เพราะไม่รับเงินสินบน โดยในอดีตเคยถูกนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จีบให้เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แต่ตนไม่ไป เพราะไม่เคยศรัทธาในตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเวลาหาเสียงเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคไม่เคยลงไปช่วยเลยแม้แต่น้อย
3.รัฐบาลนี้สูบเลือดสูบเนื้อประชาชน โดยไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะการกำหนดราคาน้ำมันด้วยการกำกับดูแล เพราะพวกคนเหล่านั้นมีหุ้นอยู่ใน ปตท. ที่สำคัญ นพ.สวัสดิ์ ทรัพย์เจริญ ให้มาบอกกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ขอให้ชาวนาทุกพื้นที่รู้ตัวด้วยว่า พวกท่านจะไม่ได้ซื้อน้ำมันแพงจากประเทศซาอุดิอาระเบียเท่านั้น แต่จะต้องซื้อข้าวแพงจากประเทศซาอุฯ อีกด้วย เพราะการชักชวนของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั่นเอง และที่เรายอมรับรัฐบาลนี้ไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลทุนสามานย์ ซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ” นางมาลีรัตน์ กล่าว
**“ไทกร” แฉจ้างปชช.อีสานเชลียร์ “แม้ว”
เมื่อเวลา 17.30 น. นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานกลุ่มอีสานกู้ชาติ ขึ้นกล่าวบนเวทีพันมิตรฯ ว่า ตำรวจไม่กล้าใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุม แสดงให้เห็นว่าเราจะได้รับจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน อีกไม่นานรัฐบาลของนายสมัครจะต้องไปแน่ๆ ใครทำอะไรไม่ดีไว้ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ และหากคิดจะสลายการชุมนุมอีกจะได้เห็นแน่ว่าพี่น้องต่างจังหวัดจะไม่ยอมเด็ดขาด ซึ่งจะเห็นจากการที่ประชาชนในจังหวัดภูเก็ตบอกว่าจะปิดสนามบิน พี่น้องจังหวัดสตูลก็จะยึดศาลากลาง เป็นต้น ขณะนี้แสดงให้เห็นว่านายสมัคร บังคับบัญชาปกครองประเทศไม่ได้แล้ว
“เมื่อวานมีคนของนายใหญ่คือ นายศรีเมืองไปเบิกเงินที่ธนาคารมาจ่ายให้กับ 7 ส.ส.อีสานของพรรคพลังประชาชน เพื่อจ้างให้พี่น้องประชาชนในภาคอีสาน ไปเชียร์สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลากลางจังหวัด ให้เห็นว่ายังมีคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ตนอยากฝากบอกว่าอย่าไปหักหัวคิวของพี่น้องที่จ้างเขามา เพราะเดี๋ยวนี้เขาไม่โง่แล้ว”
นายไทกร กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าจะมี 2 คน ที่จะถีบนายสมัครออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าถ้านายสมัครไปแล้วจะเอา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน พี่น้องประชาชนจะยอมหรือไม่ พร้อมอยากฝากไปบอก ร.ต.อ.เฉลิม ว่าอย่าปากดีขี้โม้นัก ระวังพี่น้องจากประชาชนจากต่างจังหวัดจะไปล้อมบ้านที่บางบอน
**“วรัญชัย” แจ้งความจับแกนนำข้อหาล้มล้างรัฐบาล
เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ สน.ดุสิต นายวรัญชัย โชคชนะ ตัวแทนกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.ชุติพงษ์ ตะกรุดทอง พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.ดุสิต เพื่อให้ดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย และ นายสุริยะใส กตะศิลา ในข้อหากีดขวางการจราจร และข้อหาล้มล้างรัฐบาลส่อเป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นกบฏสร้างความไม่สงบให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง กระทำการยุยงส่งเสริม สมคบกันก่อการกบฏ และสร้างความปั่นป่วน ไม่ให้เกิดความสงบสุข เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 114, 115 และ 116
**ตร.บอกคนชุมนุมมีแค่ 9,000 คน
เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร.เรียกประชุมประเมินสถานการณ์ประจำวันและปรับแผนให้สอดคล้องตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผบช.ตำรวจสันติบาล และผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงหลังประชุมว่า สถานการณ์เมื่อคืนวันที่ 31 พ.ค.มีผู้เข้าชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ยอดสูงสุด 9,000 คน ส่วนบริเวณสนามหลวงมีกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ชุมนุม 800 คน ในจำนวนนี้มีกลุ่มจักรยานยนต์ประมาณ 100 คัน พยายามเคลื่อนขบวนไปยังสะพานมัฆวาน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นไว้ได้
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า เจ้าพนักงานได้ขอร้องให้เลิกการชุมนุม หรือหากต้องการชุมนุมก็ให้ไปใช้พื้นที่อื่นที่ไม่กีดขวางการขราจร เพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้เส้นทางของประชาชนทั่วไป แต่ปัจจุบันผู้ชุมนุมยังคงปิดกั้นการจราจร โดยตั้งเวทีปราศรัย กางเต็นท์ วางแผงเหล็ก กั้นลวดสลิงปิดกั้นถนนราชดำเนินนอก ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้เส้นทางได้ แม้ว่าตำรวจจะมีอำนาจเจ้าพนักงานจราจร มีสิทธิสั่งให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางการจราจรได้ก็ตาม แต่ขณะนี้ พล.ต.อ.วิเชียร ได้สั่งระงับคำสั่งดังกล่าวไว้ก่อน เพราะเกรงจะเป็นชนวนความรุนแรง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงใช้แนวทางในการเจรจากับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จนถึงขณะนี้มีการปิดเส้นทางการจราจรบริเวณแยกผ่านฟ้า แยก จ.ป.ร.แยกสะพานมัฆวานฯ และจะสั่งปิดการจราจรเพิ่มอีก บริเวณแยกสวนมิสกวันมุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาลเฉพาะช่วงเวลากลางคืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามประชาสัมพันธ์ทุกวิถีทางเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมดำเนินการรื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถใช้เส้นทางสัญจรได้ตามปกติ
“ตำรวจยังคงใช้แนวทางการเจรจากับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และขอร้องให้ผู้ชุมนุมอย่าใช้คันธงไม้ ท่อนเหล็ก และวัตถุอื่นเป็นอาวุธไปใช้ทำร้ายผู้อื่น ซึ่งขัดต่อหลักการชุมนุมโดยสงบตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 63 วรรคแรก และขอให้ลดการเผชิญหน้าระหว่างกันจนนำไปสู่ปัญหากระทบกระทั่งกัน” รองโฆษก สตช.กล่าว
**วิทยากรชี้หมักขาดวุฒิภาวะ
การเสวนาเรื่อง "ผ่าทางตันประเทศไทย รวมใจผสานพลัง สร้างสรรค์ทางเลือกใหม่ สังคมไทยมีทางออก" นายวิทยากร เชียงกูล คนเดือนตุลา กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยแสดงความเป็นห่วงเรื่องการใช้ความรุนแรง และเห็นว่ารัฐบาลควรหาทางเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมแทนการสลายการชุมนุม พร้อมทั้งชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรงออกไป โดยเฉพาะมาตราที่จะเป็นการขัดขวางอำนาจในการพิจารณาคดีความของศาล
ขณะเดียวกันยังเห็นว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีขาดวุฒิภาวะ โดยนายกรัฐมนตรีควรต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เห็นแก่ฝ่ายตนเองและเห็นผู้อื่นเป็นศัตรู
นอกจากนี้ นายวิทยากร ยังเห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญควรเป็นเรื่องของประชาชนทั่วประเทศไม่ใช่เสียงส่วนหนึ่งในสภา และสิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำมากกว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน
**รณรงค์"ใส่เสื้อขาว"ต่อต้านความรุนแรง
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองคณบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า วันนี้ (2 มิ.ย.) เวลา 12.00 น. ที่ ห้องประชุมจารุพงษ์ ทองสินธุ์ ตึกกิจกรรมนักศึกษาชั้น 2
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เครือข่าย "ประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรง" ซึ่งประกอบด้วย อาจารย์มหาวิทยาลัย นิสิตนักศึกษา องค์กรด้านศาสนา องค์กรพัฒนา เอกชน นักธุรกิจ ที่ไม่มีข้าง ไม่มีฝ่าย ไม่ต้องการเห็นความรุนแรง จะมีการแถลงข่าว เชิญชวนประชาชนที่ไม่ต้องการเห็นความรุนแรง ร่วมกันแสดงพลัง ด้วยการใช้สีขาวเป็นสัญลักษณ์เช่น สวมเสื้อขาว ผูกริบบิ้นขาว แขวนผ้าสีขาว เนื่องจากระบอบประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้ แต่ "อย่าใช้ความรุนแรง" จึงมีการณรงค์ เพื่อเตือนสติทุกฝ่าย ให้แก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยไม่ใช้ความรุนแรง
**แก๊งค์มอไซค์นปก.นับ 100 ก่อกวนพันธมิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 19.45 น. มีการก่อกวนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณแยกจปร. เมื่อมีกลุ่มมอเตอร์ไซค์จากกลุ่มต่อต้านพันธมิตรนับ 100 คันที่พร้อมใจกันโพกผ้าสีแดงขับมาก่อกวนยั่วยุด้วยการตะโกนด่าพันธมิตรด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทั้งยังบีบแตรและเบิ้ลเครื่องเสียงดัง ช่วงส่งผลให้ตำรวจต้องนำกำลังเข้ามาเสริมเป็นการด่วนเพื่อป้องกันการปะทะ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเมื่อกลุ่มดังกล่าวได้ล่าถอยออกไป
**สมัชชาโคราชนับร้อยร่วมชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 19.00 น. ประชาชนได้ทยอยเข้ามาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรจำนวนนับหมื่นคน และมีกลุ่มใหญ่จากต่างจังหวัดเดินทางมาร่วม ซึ่งในนั้นก็มีกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า "สภาประชาชนอีสาน" จากจังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 100 คน ได้เดินทางมาร่วมชุมนุม โดยมีการระบุว่ากลุ่มของตนจะร่วมชุมนุมจนกว่าพันธมิตรจะมีชัยชนะ
ขณะที่สมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ระบุว่า หากรัฐบาลทำการสลายการชุมนุมจะให้สมาชิกฯทำการปิดล้อมศาลากลางทุกจังหวัด จะสมาพันธ์ยืนหยัดในการต่อสู้กับพันธมิตรจนถึงที่สุด และนอกจากนี้ถ้ามีการสลาย ทำร้ายประชาชนจะตัดน้ำตัดไฟบ้านของคณะรัฐมนตรี
หลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ออกอากาศรายการพิเศษผ่านทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยประกาศอย่างชัดเจนว่าในวันดังกล่าวจะใช้กำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์อย่างแตกหักนั้น วานนี้ (1 มิ.ย.)นายสมัครได้กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ NBT ถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
**ลั่นไม่เคยพูดสลายม็อบ
ฉะทีวีไม่ชอบขี้หน้าทำป่วน
นายสมัครว่า ตอนแรกไม่ได้คิดที่จะนำเรื่องที่พูดเมื่อวันที่ 31 พ.ค.มาพูดต่ออีกครั้ง โดยขอยืนยันว่าที่พูดไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่เมื่อพูดออกไปก็มีสถานีโทรทัศน์ 1-2 ช่อง ที่ไม่ชอบหน้ารัฐบาลก็ออกข่าว อย่างไปอ.ต.ก. นักข่าวไปกันเป็นพรวนเลย ไม่รู้จะตามไปทำไม จากนั้นตนเองก็ไปเยี่ยมลูกสาว กลายเป็นว่า เหตุการณ์เครียดหนัก ลูกสาวเข้าโรงพยาบาล เป็นหลานคนที่ 3 ผู้ชาย
“ผมซื้อของก็ถามลูกว่าจะกินอะไร ก็ตามเฮโลไปโรงพยาบาลกันอีก โห...นายสมัครป่วยหรือ-ลูกสาวป่วยหรือ ผมก็หลบไปเขียนหนังสือให้ต่วยตูน ก็เล่าให้ฟังว่าทำหน้าที่ปกติธรรมดา ไม่มีอะไรแปลกประหลาดพิสดาร ยืนยันในสิ่งที่ผมพูดทุกประการ”
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า นั่งดูโทรทัศน์กลายเป็นเรื่องว่า จุดชนวนให้บ้านเมืองร้าวฉาน เหมือนกับว่าการชุมนุมกันมันถูกต้อง และนายกฯไปจุดชนวน ก็คิดว่าแปลก พอบ่ายโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ไม่ชอบรัฐบาล ไปออกข่าวว่า ตำรวจขีดเส้นตาย สลายม็อบ 17.00 น. นักวิชาการออกมา ทำให้กลายเป็นคนร้ายโดยฉับพลัน
“ผมโทรหาตำรวจว่า ไปกำหนดเวลาสลายม็อบเลยหรือ เขาบอกเปล่าครับ อ้าวผมก็รำคาญเต็มที ออกข่าวกันรุนแรงเหลือเกิน ข่าวออกไปทั่วโลก นายกฯสลายม็อบ ผมรำคาญใจ ก็นึกถึงเฉลิม (อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย) ช่วยบอกให้ด้วย ขอยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ประกาศสลายม็อบ 5 โมงเย็น ให้ช่วยบอกที คุณเฉลิมแกก็มีแบบฉบับของแก ก็เป็นความปรารถนาดี แต่กลายเป็นว่า ท่านหลุดออกมาว่า “เชิญชุมนุมกันตามสบาย” แป๊บเดียวได้เรื่องเลยว่าตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ นสพ.ไทยรัฐ พาดหัว “รัฐกลับลำไม่สลายการชุมนุม” มติชน พาดหัว “คนแห่ร่วมพันธมิตร หลังสมัครขู่ลุย เฉลิมแจ้นแก้แทน”
“ผมไม่ได้แสดงการขู่ แต่พูดตามหลักเกณฑ์ และยืนยันว่าหมายความตามที่พูดทุกประการ ว่าสิ่งที่คุณพูดที่สะพานมัฆวานฯ มันผิดกฎหมาย มันไม่ถูกต้อง ฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ วิธีการตกลงกันไว้แล้ว คำว่าสลายม็อบไม่ได้พูดถึง บอกเพียงว่า คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ก็บอกให้เค้าจัดการ มีวิธีการ เขาซักซ้อมเสร็จเรียบร้อย อย่าลืมว่า เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องเสด็จหลีก นักเรียนก็ได้รับความเดือดร้อน จะบอกให้ว่า ไม่ได้ใช้คำว่าสลาย ตำรวจต้องไปเจรจาความ ต้องการบอกว่า คุณ ทำตรงนี้ไม่ได้ ต้องรื้อถอนออกไป ต้องเปิดเส้นทางตามปกติ ยังพูดเลยจะไปชุมนุมที่ไหนไม่มีใครว่า ก็พูดจาชัดเจน”นายกฯ กล่าว
**อ้างซ้ำซากขวางทางเสด็จฯ
นายสมัคร กล่าวอีกว่า ตอนที่จะสลายจะถ่ายโทรทัศน์ทุกช่องไปทั่วโลกให้รู้เลย ว่ามันผิดกฎหมาย ถ้าจะทำก็ต้องทำอย่างนี้ ไม่ได้ตั้งเวลา จะเลือกเวลาที่เจรจากัน จะขยายเสียงด้วย ให้คนทั้งโลกได้ฟัง ไปถ่ายทอดดูว่าการเจรจาความ คุณขวางทางตรงนี้ไม่ได้ เพราะมันผิดกฎหมาย ต้องถอนออกไป หากไม่รื้อ ตำรวจจะจัดการรื้อแทน จะเรียกว่าสลายไม่ได้ ไม่มีการไปคิดตบตี เรื่องรายละเอียดก็มอบหมายไปแล้ว แต่ทำกันเอง ปลุกระดมกันเอง อ้างตำรวจดีเดย์ 5 โมงเย็น เป็นทำนองว่า ถ้าทำแบบนั้น รัฐบาลก็แพ้”
“วันที่เค้าฟัดกันเองวันนั้น มีคนอดรนทนไม่ได้ ข่าวออกมาวิ่งไล่ตีกันเอง นั่นแหล่ะเป็นเหตุ เราจะทำอะไร นั่งประคับประคองสถานการณ์ ไม่ได้เลย หน้าตารัฐบาลไทย ไม่มีเหลือหลอเลย ผมยืนยันว่า บ้านเมืองต้องมีขื่อมีแป ใครจะมาทำอะไรตามอำเภอใจ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะหลีกเลี่ยง ไม่ได้ครับ คนที่ไปร่วม ท่านต้องอายนะครับ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องเสด็จหลีก ถนนนี้ชื่อว่า “ราชดำเนิน” แล้วไปนั่งขวางแบบนั้น จงรักภักดีต่อเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ไม่อายคนทั้งบ้านทั้งเมืองหรือครับ คนเพียงหยิบมือจะเทียบกับคน 63 ล้านคนหรือ ผมดูแลบ้านเมืองนี้ ไม่มีหรอกครับไปข่มขู่เข่นฆ่า แต่จะถ่ายโทรทัศน์ออกไปทั่วโลกว่า คนดื้อด้านเป็นอย่างไร และใช้เหตุผลอะไร กระบองก็ไม่ใช่ ปืนก็ไม่ใช่ ตำรวจจะดูเวลาที่เหมาะสม ทำอย่างนี้นักวิชาการทั้งหลายพอใจมั้ยครับ”นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายสมัคร กล่าวอีกว่า พวกคุณมาชุมนุมขวางทางแบบนี้ไม่ได้ ตำรวจต้องดำเนินการ คุณไปต่อกันเองว่า สลายม็อบ ไปกำหนดเวลากันเอง และปลุกระดมเร่งเร้า ทำไมผมจะไม่รู้ว่าอยากให้บุกเข้าไปตอนคนเยอะๆ จะได้ออกข่าว ไม่มีหรอกครับ ใครปลุกระดม พี่น้องทั่วประเทศจะต้องได้เห็น 7 วันก็พอเพียงแล้ว
“ผมต้องดำเนินการ ด่าผม “ไอ้-อี” ถอยไปนั่งกลางวง กลัวใครจะจับกุม ไม่มีหรอกครับ พี่น้องประชาชนที่ไปนั่งตรงนั้น ถ้าคุณ จงรักภักดี นั่งต่อไปสิครับ ที่ต้องให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จไปทางอื่น คนไทยหรือเปล่าครับ ผมไม่ได้มีอะไรแอบแฝง เป็นหน้าที่ของคนเป็นนายกรัฐมนตรี ให้นักวิชาการประกาศเลยว่า การไปนั่งขวางถนน เค้าเดือดร้อนกันหมด ช่วยออกมายืนยันว่า ถูกต้อง...โทรทัศน์ปลุกระดมเอง เร่งเร้าให้คนเยอะ อยากให้ตำรวจเค้าเร่งรัดในเวลานั้น เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผมยังยืนยันเหมือนเดิม คนทำผิดกฎหมาย ตำรวจต้องดำเนินการ จะถ่ายทอดออกไปให้รู้ทั่วโลกให้รับรู้”
**จัดฉากชงคำถามอัดพันธมิตรฯ
สำหรับในช่วงตอบคำถาม มีมีผู้ถามว่า ฝากนายกฯเลิกพูดสลายม็อบ แล้วมาแก้ปัญหาปากท้อง นายสมัครกล่าวตอบว่า ไม่ได้พูดเรื่องสลายม็อบ แต่ต้องให้ออก จะออกทีวีให้รู้ไปเลยว่า เขาเถียงอย่างไร ไม่มีการตบ-การตี และพูดก็พูดดีด้วย ยืนยัน ไม่มีทุบ-ไม่มีตี-ไม่มีจับกุม แต่ก็กลายเป็นสลายม็อบ ตนเองกลายเป็นคนใช้ไม่ได้ กลายเป็นคนเลวในพริบตา
“ผมขอย้ำว่าคนพวกนี้จะมาอยู่เหนือกกฎหมายไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่พูดไว้เมื่อวาน จะทำตามกฎหมาย ไม่มีการไปตบไปตี การดำเนินการจะถ่ายทอดให้ดูว่า คนขัดขวางการใช้จราจรหน้าตาเป็นอย่างไร”
นายกรัฐมนตรีกล่าวปิดท้ายรายการด้วยว่า มีคนต้องการท้าให้จับ ให้จลาจล เป้าหมายคือให้รัฐบาลนี้พ้นไปเสีย ก็ร้องถามว่า แล้วจะให้ใครมาเป็นรัฐบาล มันไม่ได้ มันต้องมีความไม่บังควร นี่มันไม่มีอะไรเลย แล้วมาบอกว่าจะไล่รัฐบาล ประชาชนเดือดร้อน ผมถึงต้องแก้ไขปัญหา
เมื่อถามต่อว่า เอเอสทีวีใช้ภาษาหยาบคาย ทำไมไม่ปิด นายสมัคร กล่าวว่า “ปิดไม่ได้ครับ ศาลคุ้มครอง ถ้าไม่อยากรู้ ก็อย่าไปเปิดฟัง เค้าออกอากาศได้ เพราะศาลคุ้มครองมา 2 ปีแล้ว ส่วนคำถามที่ว่า นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นส.ส.หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า “ก็ต้องฝากคำถามนี้ไปนะครับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประกาศล้มล้างรัฐบาลเป็นกบฏ หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เรื่องนี้นักกฎหมายเค้าดูอยู่ ถามอีกว่า เห็นด้วยที่จะสลายม็อบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ครับๆ เห็นด้วยก็เห็นด้วย”
เมื่อถามว่า ทำไมนักข่าวไม่ไปถาม 5 แกนนำว่าทำไม ให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องเสด็จหลบ นายสมัคร กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวได้ยินแล้วใช้มั๊ยครับ ช่วยกรุณาไปถามพวกแกนนำหน่อยเถอะ
เมื่อถามว่า พันธมิตรฯกู้ชาติอยากรู้ใครที่ขายชาติ นายสมัครกล่าวตอบว่า ก็ชอบใช้กันเหลือเกิน กู้ชาติ ๆ ไม่รู้ว่า ชาติล่มไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่ต้องแตกตื่นและห่วงคะแนนผม ผมทำอะไรไม่ได้คิดถึงคะแนน ทำงานเพื่องาน มานั่งตรงนี้ต้องรับผิดชอบ ต้องประกาศว่านี่คือความเป็นธรรม คุณทำผิดกฎหมาย บอกให้รู้ก่อน และจะถ่ายทอดไปทั่วโลกว่าคนพวกนี้ ที่อ้างว่าจงรักภักดี แต่ให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องอ้อมไปทางอื่น ดูหน้าว่าเป็นอย่างไร”นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ หลังจบรายการ นายสมัครปฏิเสธให้ความชัดเจนกรณีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากนั้นเดินทางไปยังโรงแรมปาร์ค นายเลิศ เพื่อร่วมงานแต่งงาน ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านพักที่ซอยนวมินทร์ และในเวลา 15.30 น. นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้การต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย ที่กระทรวงกลาโหม แต่ไม่อนุญาตให้สื่อเข้าถ่ายภาพ
**พันธมิตรฯ โต้หมักแอบอ้างสถาบันป้ายสี
วันเดียวกันเวลาประมาณ 21.00 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 13/2551 เรื่อง การประณามนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีมติให้ประกาศจุดยืนดังต่อไปนี้
1. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอกราบขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั่วทุกสารทิศนับแสนคน ที่ได้หลั่งไหลเข้ามาร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยจิตใจ ที่มุ่งมั่น และ กล้าหาญ เพื่อมาปกป้องภารกิจศักดิ์สิทธิ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อโค่นระบอบทักษิณและขับไล่รัฐบาลอันพาลหุ่นเชิด และขอกราบขอบพระคุณสื่อสารมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่นำเสนอข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รอดพ้นจากความป่าเถื่อนในการสลายการชุมนุมของนายกรัฐมนตรีในที่สุด
2. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอประณามการกระทำของนายสมัคร สุนทรเวช ว่าได้หมดความชอบธรรมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เพราะได้ใช้วาจาที่ส่อให้เห็นถึงเจตนาที่จะใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ใช้สิทธิในการชุมนุมโดยสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ใช้สิทธิในฐานะคนไทยที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญตามมาตรา 69 และทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามมาตรา 70 เพื่อปกป้องรักษา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที
3. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอประณามนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ที่ได้พูดจาแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อมาโจมตีผู้ชุมนุมว่าเป็นผู้ไม่จงรักภักดีเพราะมากีดขวางเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินนั้น เป็นความชั่วร้ายที่อาจทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทและสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เสื่อมเสียต่อพระเกียรติของสถาบันพระมหากษัตริย์ได้
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอกราบเรียนให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนและสื่อสารมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศทราบว่า การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น มีวัตถุประสงค์ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้พ้นภัยจากอริราชศัตรู จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชุมนุมจะไม่มีความจงรักภักดีตามที่นายกรัฐมนตรีได้พยายามบิดเบือนแต่ประการใด
สาเหตุการชุมนุมที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์นั้นเกิดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้รัฐบาลชุดนี้เป็นฝ่ายที่ได้นำเครื่องกีดขวางการจราจรมาขัดขวางมิให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเดินทางไปยังที่ทำเนียบรัฐบาลตามแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับที่ 11/2551 กลุ่มผู้ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงมีความจำเป็นต้องชุมนุมปักหลักพักค้าง ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งเท่ากับว่าตำรวจเป็นฝ่ายเลือกพื้นที่การชุมนุมให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเอง
นอกจากนั้นหากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ทราบว่า จะมีขบวนเสด็จผ่านมายังสถานที่ชุมนุมเมื่อใด กลุ่มผู้ชุมนุมก็พร้อมจะเปิดเส้นทางโดยทันที และแปรขบวนเป็นพสกนิกรที่จะคอยต้อนรับเสด็จด้วยความจงรักภักดีสูงสุด ดังที่ได้เคยปฏิบัติมาแล้วในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสี่แยกมิสกวัน ถนนราชดำเนิน เมื่อ ปี พ.ศ. 2549
4. จากพฤติกรรมและทัศนคติที่เป็นอาชญากรรมของนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ด้วยการแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อทำลายการชุมนุมของประชาชนที่จงรักภักดีนั้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอกราบเรียนวิงวอน ให้พรรคร่วมรัฐบาล ได้โปรดแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศชาติ ด้วยการหยุดให้การสนับสนุนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยทันที
5. ตลอดเวลาการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2549 นั้นได้พิสูจน์แล้วว่า มีแต่ความสงบ สันติ อหิงสา และปราศจากอาวุธมาโดยตลอด ไม่เคยก่อความรุนแรงใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นหากมีแผนการใดๆจากฝ่ายรัฐบาลหุ่นเชิด ทั้งที่มาจากเจ้าหน้าที่รัฐนอกเครื่องแบบ หรือกลุ่มอันธพาลรับจ้าง ที่จะเข้ามาแทรกซึมในหมู่พี่น้องประชาชนที่มาชุมนุม แล้วสร้างความวุ่นวายหรือก่อเหตุรุนแรง เพื่อแอบอ้างเป็นสาเหตุในการสลายการชุมนุมนั้น ต้องถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว
6. ความยืนหยัดและเด็ดเดี่ยวของพ่อแม่พี่น้องประชาชนตลอดระยะเวลา 8 วัน 8 คืนที่ผ่านมา ในการเข้าร่วมทำภารกิจศักดิ์สิทธิ์กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นวีรกรรมที่สมควรแก่การยกย่องของวิญญูชนทั่วโลก ไม่ว่าจะมองจากมาตรฐานใดๆ ดังนั้นจึงขอให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนและเพื่อนร่วมชาติทุกท่าน ได้โปรดยืนหยัดและเด็ดเดี่ยวอย่างหาญกล้า เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของพวกเราทุกคน เพื่อบรรลุชัยชนะในการโค่นล้มระบอบทักษิณ และขับไล่รัฐบาลอันพาลหุ่นเชิดให้จงได้ ในเร็ววันนี้
**จำลองประกาศชัยชนะ
เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (1 มิ.ย.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีพร้อมประกาศว่า รุ่งอรุณวันนี้เป็นชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรฯ แล้ว พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาชนที่อยู่ที่บ้านออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นวันที่ 8 แล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักเหนียวแน่น การชุมนุมยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องด้วยความสงบเรียบร้อย
ขณะที่ทางด้านการรักษาความปลอดภัยนั้น ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลต่างๆ และตำรวจตระเวนชายแดน สับเปลี่ยนกำลังปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกัน
**ยันชุมนุมต่อจนกว่าจะชนะ
เมื่อเวลา 15.50 น.พล.ต.จำลองได้ออกมาย้ำจุดยืนบนเวทีพันธมิตรฯ โดยยืนยันว่าจะชุมนุมต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ และจะไม่ย้ายสถานที่ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานไปที่ทำเนียบรัฐบาล แม้ตำรวจจะเปิดทางให้ก็ไม่ไป โดยจะยืดหยัดอยู่ที่นี่ ขับไล่รัฐบาลจนสำเร็จ และจะไม่เข้าไปยุ่งบริเวณทำเนียบรัฐบาล สิ่งที่พูดไปเราพูดความจริงทุกอย่าง ไม่ได้พูดอย่างทำอย่างหรือพูดกลับไปกลับมา พันธมิตรฯทำตามเหตุผลทุกประการไม่ได้บิดเบี้ยว
"เราอยู่ตรงนี้ดีแล้ว เราจะกินนอนที่นี่ ภูมิประเทศแถวนี้ผมรู้ดีกว่าตำรวจ สมัยเป็นนักเรียนนายร้อยเดินไปเดินมา บริเวณนี้ตั้ง 5 ปี ส่วนที่ทำเนียบฯ ก็เคยทำงานการเมืองมาหลายสมัย จึงรู้ทำเลดีกว่าตำรวจแน่"พล.ต.จำลองกล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ไม่ให้ความสนใจกับคำพูดของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาพูดกลับไปกลับมาในเรื่องการสลายการชุมนุม พร้อมยืนยันจะปักหลักยืดเยื้อ โดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และไม่ถือว่าผิด พ.ร.บ.การจราจร เพราะไม่ได้นำแผงเหล็กมาปิดขวางการจราจรเหมือนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำ อย่างไรก็ตาม คิดว่าเราคงชุมนุมกันไม่เกินวันที่ 17 มิ.ย.นี้อย่างแน่นอน จึงขอให้ผู้ร่วมชุมนุมอดทนกันเอาไว้
**“สุริยะใส” ยัน แกนนำพันมิตรฯไม่มีเสียงแตก
เมื่อเวลา 17.00 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯกีดขวางขบวนเสด็จฯ ว่า ยืนยันว่าพันธมิตรฯประสานข้อมูลตลอดเวลา ถ้าหากมีการเสด็จฯมาจริง เราก็พร้อมจะปรับเส้นทางเสด็จฯให้ แต่นายกฯไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นการกล่าวหาม็อบ นายกฯควรรับผิดชอบในคำพูด ส่วนกรณีที่บอกว่าไม่มีการสลายการชุมนุมแล้วนั้น จากการที่ได้สอบถามตำรวจพบว่า คำสั่งการสลายการชุมนุมยังอยู่ แต่ทำไม่ได้เพราะผู้มาชุมนุมเกิน 5,000 คน โดยหลักการสลายการชุมนุมต้องน้อยกว่า 5,000 คน อย่างไรก็ตามพันธมิตรฯก็เตรียมพร้อมรับมือการสลายม็อบตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากประชาชนบางตาจะมีการเตรียมพร้อมอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า ยอมรับว่าเวลากลางวันกับหลังเที่ยงคืนคนจะน้อย แต่จากการประสานกับตำรวจเชื่อว่าด้วยศักดิ์ศรีแล้วจะไม่กระทำในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะจะเสี่ยงกับความรุนแรง เราเป็นชุมนุมที่มีคนจำนวนมาก ไม่ใช่แบบนปก. ที่เจอสถานการณ์อย่างนี้คงถอยและยกธงขาวไปแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า เงื่อนไขการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ คืออะไร กันแน่ นายสุริยะใส กล่าวว่า รัฐบาลยุบสภาฯหรือลาออก เป็นเงื่อนไขที่ง่ายที่สุดของการเมือง ต่อข้อถามว่า วันนี้(2มิ.ย.)มีการเตรียมพร้อมเรื่องเส้นทางของโรงเรียนบริเวณรอบนี้อย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า ประสานไปที่โรงเรียนแล้ว ซึ่งเราก็พร้อมที่จะเปิดเส้นทางให้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีช่องทางตามกฎหมายดำเนินการกับนายกฯหรือไม่ ที่นายกฯมากล่าวหาแบบนี้ นายสุริมใส กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือเรื่องนี้ แต่หากจะทำจริง ก็พร้อมจะหาช่องทางตามกฎหมายเพื่อดำเนินการกับนายกฯ ขณะนี้ได้กำชับผู้ชุมนุมไม่ให้ยั่วยุเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเป็นเพื่อนเราไม่ใช่ศัตรูคู่สู้
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าพันธมิตรฯเสียงแตก เนื่องจากแกนนำบางคนต้องการให้ประกาศชัยชนะช่วงนี้ ขณะที่บางคนต้องการให้ชุมนุมยืดเยื้อ นายสุริยะใส กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีเสียงแตก แค่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายจะเลือกแนวทางที่ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรึงกำลังบางตาลง ไม่ตึงเครียดเหมือนเมื่อวันที่ 31พ.ค. โดยในช่วงบ่ายกลุ่มพันธมิตรฯ ได้นำหมวกสีเหลืองมีตราสัญลักษณ์มาแจกให้ผู้ชุมนุมเพื่อกันแดด รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนปฏิบัติหน้าที่ด้วย
**ครส. จี้นายกฯ ลาออก
รับผิดชอบคำขู่สลายชุมนุม
วันเดียวกัน นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ออกแถลงการณ์ให้นายกรัฐมนตรีลาออก และปรับคณะรัฐมนตรี หาทางออกการเมืองไทยอย่างสร้างสรรค์ หยุดประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยมีเนื้อหา ดังนี้
1.ครส.ขอเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออก เพื่อหลีกทางให้มีการแก้ไขปัญหาการเมืองอย่างสร้างสรรค์ การออกมาข่มขู่คุกคามประชาชนที่ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลต่อสาธารณะ ถือเป็นวาทะของผู้นำเผด็จการที่สมควรถูกโลกประณาม หากเป็นบรรทัดฐานสากล นายกรัฐมนตรีอาจถูกถอดถอนหรือถูกปลดไปแล้ว การออกมาพูดต่อสาธารณะในวันเสาร์ที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรี จึงเป็นการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้นในสังคม นำพาบรรทัดฐานของภาวะผู้นำในระบอบประชาธิปไตยให้ถอยหลังลงคลอง และสะท้อนว่าไม่เคยเข้าใจสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตลอดจนสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษยชาติ นับตั้งแต่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนได้บัญญัติขึ้นเป็นทางการกว่า 60 ปี
2.ครส.ขอเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชาชน สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล กดดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาข้าวยากหมากแพง และสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองได้
3.สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ไม่มีมูลเหตุทางการเมืองใดที่รัฐบาลจะประกาศภาวะฉุกเฉิน หรือประกาศกฎอัยการศึก เพื่อใช้อำนาจในการสลายการชุมนุมของประชาชนได้ หากมีการกระทำดังกล่าวรัฐต้องรายงานหรือแจ้งผ่านเลขาธิการสหประชาชาติก่อนตามที่ประเทศไทยเป็นภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงและไม่เคยมีประเทศประชาธิปไตยใดใช้สิทธิในอำนาจรัฐดังกล่าวจัดการประชาชน
**ผบ.ส.ส.ดีใจหมักไม่ใช้ความรุนแรง
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ทุกคนเห็นด้วยกรณีนายกรัฐมนตรีประกาศไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมส่วนข้อเสนอให้สองฝ่ายถอยคนละก้าวนั้น เห็นว่าหากทั้งสองฝ่ายหาทางประนีประนอม ทำความเข้าใจความต้องการของกันและกันแบบคนไทย ให้ผู้นำไปคุยกันโดยนึกถึงชาติบ้านเมือง และเห็นประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตัว เชื่อว่าจะทำให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่าย
พร้อมขอยืนยันอีกครั้งว่า หน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมเป็นของตำรวจ ส่วนทหารเน้นการป้องกันประเทศเป็นหลัก และทหารมีวินัยไม่ทำตามอารมณ์ แต่จะทำตามกฎหมายและคำสั่ง.
**อดีต ส.ว. ฉะยับ “หมัก-ลิ่วล้อแม้ว”
หมดความชอบธรรมในการเป็นรัฐบาล
ที่เวทีสะพานมัฆวานฯ นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต ส.ว.สกลนคร ได้ขึ้นเวทีปราศรัยโดยกล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศแตกหักสั่งจัดการกับกลุ่มพันธมิตรฯ ขั้นเด็ดขาดว่า ตอนนี้บ้านเมืองมันเกิดอะไรขึ้น รัฐบาลสมัครหมดความชอบธรรมแล้ว เหตุผลคือ ประการที่ 1 ทำลายความยุติธรรมโดยสิ้นเชิง เพราะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พ้นผิด
2.สั่งปลดคนดีในหลายๆ กระทรวง รวมทั้งสั่งปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส โดยแจ้งข้อหาต่างๆ จากนั้นก็แต่งตั้งคนเลวโดยเฉพาะนายยงยุทธ ติยะไพรัช ขึ้นเป็นประธานสภา แล้วส่งเสริมคนเลวให้เข้ารับราชการ อีกทั้งยังผลักดันให้นายจักรภพ เพ็ญแข ไปนั่งเป็นรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกฯ
นางมาลีรัตน์ กล่าวอีกว่า ได้ดู ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์แล้วรู้สึกว่าทนไม่ไหว เพราะพูดกล่าวหาพันธมิตรฯ โดยไม่มีมูลความจริง และถ้าบุคคลนี้เป็นนายกฯ คงต้องย้ายหนีไปเป็นพลเมืองประเทศอื่น ส่วนที่ตนสอบตก ส.ส.แต่ก็ยินดี เพราะไม่รับเงินสินบน โดยในอดีตเคยถูกนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จีบให้เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แต่ตนไม่ไป เพราะไม่เคยศรัทธาในตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเวลาหาเสียงเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคไม่เคยลงไปช่วยเลยแม้แต่น้อย
3.รัฐบาลนี้สูบเลือดสูบเนื้อประชาชน โดยไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะการกำหนดราคาน้ำมันด้วยการกำกับดูแล เพราะพวกคนเหล่านั้นมีหุ้นอยู่ใน ปตท. ที่สำคัญ นพ.สวัสดิ์ ทรัพย์เจริญ ให้มาบอกกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ขอให้ชาวนาทุกพื้นที่รู้ตัวด้วยว่า พวกท่านจะไม่ได้ซื้อน้ำมันแพงจากประเทศซาอุดิอาระเบียเท่านั้น แต่จะต้องซื้อข้าวแพงจากประเทศซาอุฯ อีกด้วย เพราะการชักชวนของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั่นเอง และที่เรายอมรับรัฐบาลนี้ไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลทุนสามานย์ ซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ” นางมาลีรัตน์ กล่าว
**“ไทกร” แฉจ้างปชช.อีสานเชลียร์ “แม้ว”
เมื่อเวลา 17.30 น. นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานกลุ่มอีสานกู้ชาติ ขึ้นกล่าวบนเวทีพันมิตรฯ ว่า ตำรวจไม่กล้าใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุม แสดงให้เห็นว่าเราจะได้รับจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน อีกไม่นานรัฐบาลของนายสมัครจะต้องไปแน่ๆ ใครทำอะไรไม่ดีไว้ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ และหากคิดจะสลายการชุมนุมอีกจะได้เห็นแน่ว่าพี่น้องต่างจังหวัดจะไม่ยอมเด็ดขาด ซึ่งจะเห็นจากการที่ประชาชนในจังหวัดภูเก็ตบอกว่าจะปิดสนามบิน พี่น้องจังหวัดสตูลก็จะยึดศาลากลาง เป็นต้น ขณะนี้แสดงให้เห็นว่านายสมัคร บังคับบัญชาปกครองประเทศไม่ได้แล้ว
“เมื่อวานมีคนของนายใหญ่คือ นายศรีเมืองไปเบิกเงินที่ธนาคารมาจ่ายให้กับ 7 ส.ส.อีสานของพรรคพลังประชาชน เพื่อจ้างให้พี่น้องประชาชนในภาคอีสาน ไปเชียร์สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลากลางจังหวัด ให้เห็นว่ายังมีคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ตนอยากฝากบอกว่าอย่าไปหักหัวคิวของพี่น้องที่จ้างเขามา เพราะเดี๋ยวนี้เขาไม่โง่แล้ว”
นายไทกร กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าจะมี 2 คน ที่จะถีบนายสมัครออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าถ้านายสมัครไปแล้วจะเอา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน พี่น้องประชาชนจะยอมหรือไม่ พร้อมอยากฝากไปบอก ร.ต.อ.เฉลิม ว่าอย่าปากดีขี้โม้นัก ระวังพี่น้องจากประชาชนจากต่างจังหวัดจะไปล้อมบ้านที่บางบอน
**“วรัญชัย” แจ้งความจับแกนนำข้อหาล้มล้างรัฐบาล
เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ สน.ดุสิต นายวรัญชัย โชคชนะ ตัวแทนกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.ชุติพงษ์ ตะกรุดทอง พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.ดุสิต เพื่อให้ดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย และ นายสุริยะใส กตะศิลา ในข้อหากีดขวางการจราจร และข้อหาล้มล้างรัฐบาลส่อเป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นกบฏสร้างความไม่สงบให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง กระทำการยุยงส่งเสริม สมคบกันก่อการกบฏ และสร้างความปั่นป่วน ไม่ให้เกิดความสงบสุข เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 114, 115 และ 116
**ตร.บอกคนชุมนุมมีแค่ 9,000 คน
เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร.เรียกประชุมประเมินสถานการณ์ประจำวันและปรับแผนให้สอดคล้องตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผบช.ตำรวจสันติบาล และผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงหลังประชุมว่า สถานการณ์เมื่อคืนวันที่ 31 พ.ค.มีผู้เข้าชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ยอดสูงสุด 9,000 คน ส่วนบริเวณสนามหลวงมีกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ชุมนุม 800 คน ในจำนวนนี้มีกลุ่มจักรยานยนต์ประมาณ 100 คัน พยายามเคลื่อนขบวนไปยังสะพานมัฆวาน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นไว้ได้
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า เจ้าพนักงานได้ขอร้องให้เลิกการชุมนุม หรือหากต้องการชุมนุมก็ให้ไปใช้พื้นที่อื่นที่ไม่กีดขวางการขราจร เพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้เส้นทางของประชาชนทั่วไป แต่ปัจจุบันผู้ชุมนุมยังคงปิดกั้นการจราจร โดยตั้งเวทีปราศรัย กางเต็นท์ วางแผงเหล็ก กั้นลวดสลิงปิดกั้นถนนราชดำเนินนอก ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้เส้นทางได้ แม้ว่าตำรวจจะมีอำนาจเจ้าพนักงานจราจร มีสิทธิสั่งให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางการจราจรได้ก็ตาม แต่ขณะนี้ พล.ต.อ.วิเชียร ได้สั่งระงับคำสั่งดังกล่าวไว้ก่อน เพราะเกรงจะเป็นชนวนความรุนแรง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงใช้แนวทางในการเจรจากับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จนถึงขณะนี้มีการปิดเส้นทางการจราจรบริเวณแยกผ่านฟ้า แยก จ.ป.ร.แยกสะพานมัฆวานฯ และจะสั่งปิดการจราจรเพิ่มอีก บริเวณแยกสวนมิสกวันมุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาลเฉพาะช่วงเวลากลางคืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามประชาสัมพันธ์ทุกวิถีทางเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมดำเนินการรื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถใช้เส้นทางสัญจรได้ตามปกติ
“ตำรวจยังคงใช้แนวทางการเจรจากับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และขอร้องให้ผู้ชุมนุมอย่าใช้คันธงไม้ ท่อนเหล็ก และวัตถุอื่นเป็นอาวุธไปใช้ทำร้ายผู้อื่น ซึ่งขัดต่อหลักการชุมนุมโดยสงบตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 63 วรรคแรก และขอให้ลดการเผชิญหน้าระหว่างกันจนนำไปสู่ปัญหากระทบกระทั่งกัน” รองโฆษก สตช.กล่าว
**วิทยากรชี้หมักขาดวุฒิภาวะ
การเสวนาเรื่อง "ผ่าทางตันประเทศไทย รวมใจผสานพลัง สร้างสรรค์ทางเลือกใหม่ สังคมไทยมีทางออก" นายวิทยากร เชียงกูล คนเดือนตุลา กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยแสดงความเป็นห่วงเรื่องการใช้ความรุนแรง และเห็นว่ารัฐบาลควรหาทางเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมแทนการสลายการชุมนุม พร้อมทั้งชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรงออกไป โดยเฉพาะมาตราที่จะเป็นการขัดขวางอำนาจในการพิจารณาคดีความของศาล
ขณะเดียวกันยังเห็นว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีขาดวุฒิภาวะ โดยนายกรัฐมนตรีควรต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เห็นแก่ฝ่ายตนเองและเห็นผู้อื่นเป็นศัตรู
นอกจากนี้ นายวิทยากร ยังเห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญควรเป็นเรื่องของประชาชนทั่วประเทศไม่ใช่เสียงส่วนหนึ่งในสภา และสิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำมากกว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน
**รณรงค์"ใส่เสื้อขาว"ต่อต้านความรุนแรง
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองคณบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า วันนี้ (2 มิ.ย.) เวลา 12.00 น. ที่ ห้องประชุมจารุพงษ์ ทองสินธุ์ ตึกกิจกรรมนักศึกษาชั้น 2
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เครือข่าย "ประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้ แต่อย่าใช้ความรุนแรง" ซึ่งประกอบด้วย อาจารย์มหาวิทยาลัย นิสิตนักศึกษา องค์กรด้านศาสนา องค์กรพัฒนา เอกชน นักธุรกิจ ที่ไม่มีข้าง ไม่มีฝ่าย ไม่ต้องการเห็นความรุนแรง จะมีการแถลงข่าว เชิญชวนประชาชนที่ไม่ต้องการเห็นความรุนแรง ร่วมกันแสดงพลัง ด้วยการใช้สีขาวเป็นสัญลักษณ์เช่น สวมเสื้อขาว ผูกริบบิ้นขาว แขวนผ้าสีขาว เนื่องจากระบอบประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้ แต่ "อย่าใช้ความรุนแรง" จึงมีการณรงค์ เพื่อเตือนสติทุกฝ่าย ให้แก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยไม่ใช้ความรุนแรง
**แก๊งค์มอไซค์นปก.นับ 100 ก่อกวนพันธมิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 19.45 น. มีการก่อกวนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณแยกจปร. เมื่อมีกลุ่มมอเตอร์ไซค์จากกลุ่มต่อต้านพันธมิตรนับ 100 คันที่พร้อมใจกันโพกผ้าสีแดงขับมาก่อกวนยั่วยุด้วยการตะโกนด่าพันธมิตรด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทั้งยังบีบแตรและเบิ้ลเครื่องเสียงดัง ช่วงส่งผลให้ตำรวจต้องนำกำลังเข้ามาเสริมเป็นการด่วนเพื่อป้องกันการปะทะ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเมื่อกลุ่มดังกล่าวได้ล่าถอยออกไป
**สมัชชาโคราชนับร้อยร่วมชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 19.00 น. ประชาชนได้ทยอยเข้ามาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรจำนวนนับหมื่นคน และมีกลุ่มใหญ่จากต่างจังหวัดเดินทางมาร่วม ซึ่งในนั้นก็มีกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า "สภาประชาชนอีสาน" จากจังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 100 คน ได้เดินทางมาร่วมชุมนุม โดยมีการระบุว่ากลุ่มของตนจะร่วมชุมนุมจนกว่าพันธมิตรจะมีชัยชนะ
ขณะที่สมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ระบุว่า หากรัฐบาลทำการสลายการชุมนุมจะให้สมาชิกฯทำการปิดล้อมศาลากลางทุกจังหวัด จะสมาพันธ์ยืนหยัดในการต่อสู้กับพันธมิตรจนถึงที่สุด และนอกจากนี้ถ้ามีการสลาย ทำร้ายประชาชนจะตัดน้ำตัดไฟบ้านของคณะรัฐมนตรี