xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.แหยง “หุ่นเชิด” ตีสองหน้า เตือนอย่าเบี้ยวยื่นญัตติแก้ รธน.ซ้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป.
“อภิสิทธิ์” จี้ต่อมสำนึก “หมัก” แสดงภาวะผู้นำอย่าบิดพลิ้ว มติวิปตั้ง กมธ.ศึกษาก่อนยื่นแก้ รธน.แหยงลูกกรอกไม่เอาด้วย จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ด้าน “เทพไท” ตอกซ้ำ นายกฯโมฆียะบุรุษ อ้างผลโพล ตะเพิด พ้นเก้าอี้นายกฯ

วันนี้ (4 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อเสนอของ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ที่เสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหาให้กับบ้านเมือง ว่า ตนคิดว่าเป็นการสะท้อนความห่วงใย ว่า ความขัดแย้งหรือความแตกแยกมีอยู่มาก แต่ขณะนี้ปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่ว่ารัฐบาลมีเสียงไม่พอ หรือพรรคฝ่ายค้านไปสร้างปัญหาอะไร ปมขัดแย้งน่าจะมาจากเรื่องรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น ถ้าอยากจะให้เรื่องคลี่คลายหวังว่าพรรคพลังประชาชนจะได้มีการประชุม และมีมติชัดเจนที่จะสนับสนุนสิ่งที่ได้ตกลงกับฝ่ายค้าน ประธานสภา และวิปรัฐบาล และวิปฝ่ายค้าน ทั้ง 2 ฝ่าย ว่า จะตั้งคณะกรรมาธิการ ขึ้นมาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเรื่องอื่นก็ควรที่จะพักไว้ก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับแนวทางของ นพ.ประเวศ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นปัญหาที่หากจะไปบอกว่าเห็นด้วยก็คงจะไม่ได้ เพราะเท่ากับเป็นการเรียกร้องให้ไปร่วมรัฐบาล เพราะตนไม่มีข้อเรียกร้องเรื่องนี้ ยกเว้นเรื่องหยุดเรื่องรัฐธรรมนูญที่เป็นความขัดแย้งแล้วมาทำงานใน กมธ.ร่วมกัน ส่วนรัฐบาลก็คงต้องชี้แจงในส่วนของรัฐบาลเอง เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ด้านหนึ่งรัฐบาลเห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.แต่อีกส่วนหนึ่งของ พปช.ยังคงเคลื่อนไหวที่ทำให้เป็นชนวนความขัดแย้งอยู่ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า คิดว่าตกลงกันก็ต้องชัดเจน ถ้าหากยังมีความพยายามที่จะไปทำอย่างอื่น คนเหล่านั้นก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปโทษใครไม่ได้แล้ว จริงๆ แล้วถ้าเขาคิดที่จะช่วยรัฐบาล ควรจะหยุดเรื่องนี้เพื่อให้รัฐบาลสามารถทำงานในการแก้ปัญหาของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“นายกฯ ต้องแสดงภาวะของความเป็นผู้นำในพรรคที่จะหยุดตรงนี้ให้ได้ และมติที่ดีที่สุดสำหรับพรรคพลังประชาชนที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาสมัยวิสามัญวันที่ 9 มิ.ย.นี้ คือ เห็นชอบตามที่มีการตกลงระหว่างวิปรัฐบาล และฝ่ายค้าน คือ จะไม่มีการเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และยังไม่มีการทำประชามติ แต่จะมีการตั้ง กมธ.ขึ้นมาศึกษารัฐธรรมนูญร่วมกันทุกฝ่าย โดยเชิญบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมด้วย หากพรรคพลังประชาชนไม่เห็นด้วยจะเป็นการสูญเสียโอกาสสำคัญที่จะคลี่คลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ส่วนการเคลื่อนไหวการชุมนุมควรจะประเมินว่า ขาขึ้นหรือขาลง หรือเป็นไปตามกระแส ทั้งนี้ ไม่มีใครคาดคิดได้ เพราะเวลามีเหตุการณ์ชุมนุมย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ดีที่สุด คือ จะต้องขจัดเงื่อนไขออกไปให้หมด

ด้าน นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนออกมาเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์เลิกคิดเรื่องการเปลี่ยนขั้วการเมือง ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนขั้ว และแกนนำของพรรคก็ประกาศชัดเจนว่าเราเป็นฝ่ายค้าน และก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ การเสนอแนวความคิดนี้ไม่ใช่เริ่มต้นจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นจากฝ่ายอื่น เพราะเห็นว่าสภาวะผู้นำของรัฐบาลชุดนี้ล้มเหลว และเห็นว่า นายอภิสิทธิ์ มีภาวะผู้นำเหนือกว่านายสมัคร ซึ่งได้มีการเสนอทางออกของการแก้วิกฤตโดยการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาปัญหาการใช้รัฐธรรมนูญ จากทุกภาคส่วน และได้รับการขานรับจากสังคม ขณะที่ นายสมัคร กลับใช้ความรุนแรง ต้องการจะปราบปรามผู้ชุมนุมเป็นทางออกของการแก้ปัญหา

นายเทพไท กล่าวว่า นอกจากนี้ ผลโพล 70 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า นายสมัคร เป็นคนแรกที่สมควรจะถูกปรับออก นั่นก็หมายความว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนนายกฯจึงเกิดแนวความคิดในการเปลี่ยนขั้ว

“วันนี้นายกฯขาดภาวะผู้นำ โมฆียะบุรุษ ซึ่งยังไม่ถึงกับเป็นโมฆะบุรุษ ซึ่งหมายความว่า การเป็นโมฆียะบุรุษจะต้องมีการให้สัตยาบันถึงจะมีผลสำเร็จ ฉะนั้น นายกฯพูดอะไรออกไปสังคมขาดความเชื่อถือต้องมีการยืนยัน หรือมีผู้ให้สัตยาบันถึงจะยอมรับได้ ฉะนั้น อยากเรียกร้องให้พรรคพลังประชาชนมีเอกภาพทางความคิด ไม่ใช่หัวหน้าพรรคคิดอย่างโฆษกพรรคก็ออกมาตอบโต้ สมาชิกในแก๊งต่างๆ ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน ผมคิดว่าวันนี้สังคมก็สับสนพออยู่แล้วต่อท่าทีการแก้รัฐธรรมนูญ พรรคพลังประชาชนควรจะหาข้อสรุปในที่ประชุมและออกแถลงการณ์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่วิปของพรรคพลังประชาชนออกมาพูดว่า การตั้งกรรมาธิการ 60 คนจะใช้โควตาของสภา และเปิดช่องให้นักวิชาการเข้ามาตามโควตาของพรรคการเมือง ว่า พรรคพลังประชาชนกำลังสับสน และขัดเจนตนารมณ์ของที่ประชุมวิป เพราะวิปได้พูดชัดเจนว่าการตั้งกรรมาธิการ ควรจะมีฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และนักวิชาการ รวมถึงภาคส่วนต่างๆ ของสังคม แต่หากมายื่นเงื่อนไขให้มาช่องทางของตัวแทนพรรคการเมือง ตนคิดว่าจะไม่หลากหลายและเป็นไปได้ยาก และคิดว่าพรรคพลังประชาชน จะต้องมีท่าทีประกาศชัดเจนว่า หยุดยื่นการแก้รัฐธรรมนูญในรอบ 2 ทันที รวมทั้งพรรคพลังประชาชนต้องพิจารณาท่าทีของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีกระแสข่าวว่าร่างรัฐธรรมนูญที่สมาชิกได้ถอนชื่อออกยังไม่ตกไป เปลี่ยนเป็นการคืนญัตติให้กับผู้ร่าง ซึ่งเป็นความหมายต่อท่าทีทางการเมือง

ดังนั้น รัฐบาลจะต้องมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน และต้องประกาศว่า 1.การจะยื่นแก้รัฐธรรมนูญกรรมาธิการศึกษารัฐธรรมนูญต้องเสร็จสิ้นภายในกรอบที่สภากำหนดไว้ 2.จะยื่นได้เมื่อคดียุบพรรคได้พิจารณาเสร็จสิ้น 3.คดีที่พิจารณาของ คตส.และ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯต้องได้ข้อสรุปและข้อยุติ 4.ต้องยกเลิกการทำประชามติที่ใช้งบประมาณ 2 พันล้าน และนำเงินดังกล่าวมาแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนหรือเตรียมไว้เลือกตั้งครั้งต่อไปจะดีกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น