“เจิมศักดิ์” จวกใครคิดใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของคนเรือนแสน ไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์! จี้ “หมัก” แสดงความรับผิดชอบต่อกรณี “เพ็ญ” ลูกน้องในคณะหมิ่นสถาบันฯ ติงผลาญงบ 2 พันล้านทำประชามติเสียเปล่า หากจริงใจอย่าสักแต่ทำต้องให้ข้อมูล ปชช.อย่างครบถ้วนก่อน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ปราศรัย
วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 22.01น. นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม. กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ตอนแรกจะไปต่างจังหวัด แต่พอได้ฟังนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อเช้า ทำให้รู้สึกว่าไปไม่ได้แล้วต้องมาที่นี่ ฟังแล้วรู้สึกว่าคนแบบนี้เป็นนายกฯ ได้ยังไง เราจะทนอยู่ได้ยังไง แล้วถ้าไม่มาจะรู้สึกผิด เหมือนรู้ว่าเขาจะทำร้ายแล้วเราทอดทิ้งกัน
นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า ฝากเตือนนายสมัคร และตำรวจให้ระมัดระวังอย่าใช้ความรุนแรง เมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้ความรุนแรง นายสมัครจะกระเด็นออกจากเก้าอี้ทันที อย่างไรก็ตาม วิธีที่จะช่วยให้ไม่เกิดความรุนแรงได้คือประชาชนต้องรีบมาร่วมกับพี่น้องที่ราชดำเนิน
“คนเป็นเรือนหมื่นเรือนแสน คนที่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์” นายเจิมศักดิ์ ระบุ
นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ฟังนายสมัครพูดคิดว่าไม่ได้พูดความจริง 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ ไม่ได้เอ่ยถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการทำลายล้างสถาบันเบื้องสูง แล้วนายสมัครปล่อยนได้ยังไง เรื่องที่ 2 ไม่พูดแต่ควรจะต้องพูดว่า ทำไมคิดจะล้มล้างรัฐธรมนูญปี 50 เขาได้แต่บอกว่าทำตามกฎเกณฑ์ที่มีว่าเสนอญัตติขอแก้รัฐธรรมนูญได้ แต่ไม่ยอมบอกว่าทำไมต้องแก้ ว่าจะแก้เพื่อตัวพวกเขาเอง ทำไมไม่พูด
“เขาเป็นผู้นำรัฐบาล เป็นคนเลือกสรรแต่งตั้งนายจักรภพ ทั้งที่สมัคร ส.ส.ก็สอบตก แล้วนายสมัครไม่รับผิดชอบได้ยังไง ตกลงคนที่เป็นระดับนายกฯ ถ้า ครม.ในคณะของตน มีการจาบจ้วงและมุ่งทำลายสถาบันฯ คิดว่าแบบนี้นายกฯ ต้องรับผิดชอบ อย่างน้อยต้องลาออก” อดีต ส.ว.กทม.กล่าว
นายเจิมศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีคนไม่เข้าใจแล้วถามตนเยอะว่า นายจักรภพไปแล้ว ญัตติก็ถอนแล้ว อยากเรียนว่าเรื่องจาบจ้วง มุ่งหวังทำลายสถาบันฯ เป็นขบวนการ ไม่ใช่จักรภพคนเดียว แค่เป็นตัวที่หลุดออกมาเพราะช่างพูด เราเลยจับได้ ยังมีบทความที่ลงในเว็บไซต์จาบจ้วง และยังมีการจงใจไม่ยืนสรรเสริญพระบารมีในโรงหนัง แล้วยังมาตีสำนวนอีกว่าไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม นั่นก็ตีสำนวนเพื่อจะสร้างกระแสขึ้นมาอีก แล้วนายจักรภพก็ไปพูดหลายแห่ง ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากนายจักรภพคนเดียว แต่เป็นขบวนการ แล้วการที่นายจักรภพไปคนเดียวทำให้พวกเราสบายใจหรือ
ส่วนที่มีการถามว่าเมื่องถอนญัตติแล้วทำไมพันธมิตรฯ จึงไม่สลายการชุมนุมนั้น นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวานมี ส.ส. และส.ว.ถอนญัตติ แต่พอถอนเสร็จพรรคพลังประชาชนดันมีมติให้ ส.ส.ของตัวเองเสนอญัตติใหม่เข้าไปอีก ตกลงเล่นละครใช่ไหม ถ้าติดตามทีละเรื่องเราไม่มีวันที่จะเข้าใจ แต่ถ้าตั้งสติจะจับได้ทันที พรรคไทยรักไทยถูกศาลยุบพรรคปัจจุบัน เปลี่ยนเป็นพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทยก็ยังอยู่เหมือนเดิม กรรมการบริหารฯ 111 คน ถูกห้ามทำงานทางการเมือง แต่ปัจจุบันคนในบ้านก็ส่งตัวแทนเชิดเข้ามาทำงานการเมืองแล้วเป็นรัฐมนตรี ไม่ว่าจะสมัคร เป็นหุ่นเชิดทักษิณ นายไพโรจน์ สุวรรณฉวี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส่งภรรยามาเป็นหุ่นเชิด นายเนวิน ชิดชอบ ส่งพ่อมาเป็นหุ่นเชิด ทั้งหมดนี้ก็คือรัฐบาลทักษิณใช่ไหม
นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เปลี่ยนชื่อไทยรักไทยเป็นพลังประชาชน เขาเปลี่ยนขื่อรมต.เอาเมียและตัวแทนเชิดมาเป็นรัฐบาล ที่เราเคยบอกว่ารู้ทันระบอบทักษิณและขับไล่ให้หมดจากไทย แต่ตอนนี้มีหุ่นเชิดมาแทน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยเฉยๆ ให้มันกินบ้านเมืองต่อไป ไม่มีใครโง่ตามทัน และรู้ดีว่าเหตุปัจจุบันคืออะไร
นอกจากนั้น นายเจิมศํกดิ์ ระบุว่า ขณะนี้ปัญหาไทยมี 4 อย่าง มีขบวนการทำลายสถาบันสูงสุดของประเทศ ประการต่อมา คือ มีการพยายามฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่แก้แต่ล้มล้าง อีกประการคือเศรษฐกิจมีปัญหามากข้าวของราคาแพงทั่วไป แต่รัฐบาลขาดฝีมือในการแก้ปัญหา ราคาน้ำมันพุ่งสูง ไม่มีการบริหารจัดการ ของแพงขึ้นเรื่อยๆ เงินในมือเล็กลงเรื่อยๆ แต่นักธุรกิจเดือดร้อนน้อยหน่อย ของแพงมาก็ขายแพงไป แล้วประเทศจะเดินต่อไปได้ยังไง ถ้ารัฐบาลยังอยู่
นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า อีกข้อคือคิดว่ารัฐบาลมีปัญหาเรื่องความมั่นคงและปัญหาสังคม รัฐบาลสมัครไม่เคยใส่ใจจริงจังกับปัญหาใต้ เฉลิมกล้าไปไหม บอกมาหน่อยว่า ปื๊ดอยู่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้ไหมว่าปื๊ดอยู่ไหน ไอ้ปื๊ด อยู่บำรุง ตอนนี้ เมื่อข้าวยากหมากแพง ปัญหาอาชญากรรมลักเล็กขโมยน้อยมากจึ้น รับบาลนี้เราวางใจให้ดูแลประเทศต่อไปอีกไม่ได้
“บ้านเมืองกำลังเสียโอกาสพัฒนาประเทศ เพราะคนพวกนี้ ปัญหาบ้านเมืองมีมากมาย แต่เข้ามาบริหารประเทศ ไม่ได้มุ่งหวังแก้ปัญหาบ้านเมืองแต่มุ่งจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองเท่านั้นอย่างนี้เอาไว้ได้ไหม” นายเจิมศักดิ์ กล่าว
นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลนายสมัครกำลังจะหลอกเราอีกเรื่อง คือทำประชามติว่าจะแก้หรือไม่แก้ รธน. ถ้าเขาถามว่าจะแก้หรือไม่ รธน.ประกอบไปด้วย 309 มาตรา ไม่มีใครชอบทุกมาตรา ตนเป็นคนร่างยังไม่ชอบถึง 30 กว่ามาตรา แต่ละมาตรมีหลายประเด็น รธน.จึงมีเป็นพันประเด็น ถ้าไปลงมติว่าแก้หรือไม่แก้ คนก็จะลงมติแหงๆ อยู่แล้วว่าอยากแก้ เพราะแต่ละคนก็ติดใจในมาตราของตัวเองก็คิดว่าควรจะแก้
“ยกตัวอย่างเช่น เรื่องวุฒิสภาจะมีคนประเภทเดียวกับผมที่คิดว่าปัจจุบันไม่มีประโยชน์จะมต่อไป มีเพียงสภาเดียวก็พอแล้ว คนที่เห็นเหมือนตนก็จะโหวตว่าแก้ อีกพวกที่คิดว่าวุฒิสภาต้องมาจากแต่งตั้งอย่างเดียว ก็อยากจะแก้ อีกพวกบอกมีแต่ต้องสรรหาทั้งหมด แล้วจะเอาไปรวมกันได้ยังไง
บอกนายสมัครเลยว่าไม่จำเป็นต้องทำประชามติเลย ถ้าถามแต่ว่าจะแก้หรือไม่ เพราะต้องมติแก้แน่นอน แล้วเราจะต้องเสียสองพันล้านทำไม เราเคยเสียมาแล้วกับตอนที่ทักษิณเอาไปซื้อพาหนะส่วนตัว เที่ยวนี้จะเสียทำไมอีก สองพันล้าน สามารถเอาไปช่วยค่าเทอมเด็กยากจนได้เป็นหมื่นเป็นแสนคน เอาไปเลี้ยงแมวสองพันล้านได้ถึงหนึ่งล้านตัวต่อปี แล้วจะแก้รัฐธรรมนูญทำไม รู้อยู่แล้วว่าจะลงประชามติ แบบนี้ไม่ต้องไปลง เสียเวลาเปล่า แล้วการลงประชามติจะต้องให้ข้อมูลกับประชาชนครบถ้วน ให้ประชาชนรู้ว่าถ้าจะแก้ มาตราที่แก้เป็นอย่างไร แก้แล้วส่งผลกระทบอย่างไร” นายเจิมศักดิ์ กล่าว
นายเจิมศักดิ์ ยังแนะด้วยว่า วิธีแก้จะต้องเอาประชาชนทุกหมู่เหล่ามาดูว่ารัฐธรรมนูญ มีประเด็นใดที่บกพร่องแล้วควรจะแก้ไข แล้วฟังความเห็นของประชาชนทั่วประเทศ แล้วเมื่อตกผลึกก็บอกว่าจะแก้มาตราไหนบ้าง แก้อย่างไร เมื่อชัดเจนก็ไปถามประชาชนว่าถ้าแก้จะเป็นอย่างนี้ ไม่แก้เป็นยังไง แล้วจะแก้หรือไม่ ไม่ใช่ทำลวกๆ ไม่ใช่ทำอย่างชิมไปบ่นไป ไม่ใช่ทำมาหลอกพวกเรา เห็นเราเป็นประชาชนหน้าโง่ ตนไม่เชื่อว่าพวกเราจะโง่กว่านายมัคร เราไม่โง่ไปกว่านายเฉลิม
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามถึงคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ระบุว่าจะไม่สลายการชุมนุนนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า อยากจะเชื่อ แต่เคยคุมลูกตัวเองไม่ให้ใช้ความรุนแรงได้หรือไม่
“ลูกเป็นอย่างไร ก็สะท้อนพ่อแม่ ลูกเลว พ่อแม่ก็เลว ลูกดี พ่อแม่ก็ดี ตกลงลูกคุณเฉลิมดีหรือเลว คนเรานี่จะภูมิใจที่มีชื่อพ่อหรือแม่ติดอยู่กับตัวเอง แต่แปลกใจว่าคนอย่างลูกคุณเฉลิม ที่ผมเคยมองว่าตั้งชื่อได้ดี ไม่ว่าจะเป็นดวงเฉลิม วันเฉลิม แต่ทำไมเอาชื่อพ่ออันเป็ฯมงคลออกเสีย แสดงว่าเขามองว่าชื่อพ่อตัวเองเป็นมงคลหรือไม่”
นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า คู่นี้พูดกลับกันไปมาทั้งนายสมัคร และร.ต.อ.เฉลิม ตกลงตนไม่เชื่อทั้งคู่ ตอนนายสมัครพูดไม่เคยอยู่กับร่องกับรอย เช้าพูดอย่าง ตอนบ่าย รมต.มหาดไทยพูดอีกอย่างแสดงให้เห็นว่าใช้ไม่ได้ทั้งคู่
ทั้งนี้ นายเจิมศักดิ์ยังแสดงความคิดเห็นถึงท่าทีตั้งรับของพันธมิตรฯต่อการเตรียมสลายการชุมนุมด้วยว่า นับตั้งแต่เพราะนายสมัครพูดเมื่อเช้านี้ ก็คิดว่าถึงเวลาคนในบ้านเมืองจะต้องลุกขึ้นมา มันเห็นบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป นึกว่าจะสลายก็บอกจะสลาย ไม่ดูว่ารัฐธรรมนูญได้รับรองสิทธิการชุมนุมอย่างสงบและปราศจากอาวุธ
นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อตอนเป็น ส.ว. ทักษิณพยายามจะแก้กฎหมายทางหลวง เขียนว่าถ้ามีการกีดขวางทางหลวงโดยการชุมนุม ก็ถือว่าผิดอาญา แล้วพวกตนก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ามันขัดหลักสิทธิ เรียนว่าพีน้องบางคนหาว่าเรามีลำโพงมีไม้ ขอบอกว่าเมื่อตำรวจไม่สร้างความอบอุ่นใจใหพี่น้องมีคนมารังแก ตนก็เห็น พอเป็นอย่างนี้ ประชาชนเขาก็ต้องคอยป้องกันตัวเขาเอง อย่างนี้จะไปห้ามประชาชนป้องกันตัวได้ไหม
“อยากย้ำอีกที เราไม่ได้ชุมนุมเพราะเหตุเล็กเหตุน้อย ไม่ใช่เพราะให้ถอนญัตติ ไม่ใช่เพราะเอา e-เพ็ญออก คำว่า e-เพ็ญไม่ใช่คำไม่สุภาพ เหมือนที่เราเคยได้ยินคำว่า e-mail นี่ผมก็ให้เกียรติมากเรียก e-เพ็ญ หมายถึง อีเล็กทรอนิกส์เพ็ญ เราไม่ได้ทำเพราะเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อไหร่ตกตะกอนความคิด ก็คือเราไม่ไว้ใจระบบทักษิณ ไม่อยากเห็นการโกงกิน แก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอาสมบัติชาติไปขายให้ต่างชาติ เราไมอยากเห็นการสร้างนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้พี่น้องมัน เราทำครั้งนี้ไม่ได้เพื่อแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นเรื่องโครงสร้างในระบบทักษิณที่มันไม่ควรอยู่ในประเทศไทยอีกต่อไป” นายเจิมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย