xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยคดี "ฆ่าดาบยิ้ม" ไอ้ปื๊ดลอยนวล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลายคนคงตกใจกับข่าว นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เซ็นคำสั่งอนุมัติให้ นายดวง อยู่บำรุง บุตรชายคนเล็กของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กลับเข้ารับราชการในสังกัด สำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับคืนยศ (ร.ต.)ให้กับนายดวง ตามที่นายดวง อดีตจำเลยคดีฆ่า ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต หรือ ดาบยิ้มได้เสนอเรื่องไป

นายดวง หรือ นายดวงเฉลิม เขาเป็นใคร? มาจากไหน? ทำไม จึงกลับเข้าสู่ราชการทหารได้อีกครั้ง คดีความที่เป็นข่าวใหญ่ และจบลงเพียงแค่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เหตุผลอะไร จึงทำให้เขาพ้นผิด และเขาได้รับอิสระภาพ ก่อนได้คืนยศ ร้อยตรี ในรัฐบาลนอมินี "สมัคร-เฉลิม"

ย้อนไปกลางดึกคืนวันที่ 29 ต.ค.44 คือวันที่ ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต หรือ “ดาบยิ้ม” ตำรวจกองปราบปราม ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 6.35 มม.เสียชีวิตภายใน คลับทเวนตี้ ผับ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถ.รัชดาภิเษก กทม.

โดย“คดีฆ่าดาบยิ้ม” ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ถูกสังคมจับจ้องมากที่สุดในขณะนั้น เพราะผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ และตกเป็นผู้ต้องหาลั่นไกฆ่า คือ “ดวงเฉลิม อยู่บำรุง” ลูกชายคนเล็กของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นักการเมืองคนดังย่านฝั่งธน

หลังเกิดเหตุ “ดวงเฉลิม” หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ตำรวจจะระดมกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักย่านบางบอน และบ้านนักการเมืองท้องถิ่น ที่คาดว่า “ดวงเฉลิม” จะไปหลบกบดานอยู่หลายรอบ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบแม้แต่เงา

ด้วยพฤติการณ์หลบหนี และภาพลักษณ์ของ “ครอบครัวอยู่บำรุง” ในขณะนั้น ทำให้ “ดวงเฉลิม” ตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างปฏิเสธไม่ได้ ขณะเดียวกัน คะแนนความสงสารถูกเทไปให้กับ นางสุพัตรา และด.ช.กิติศักดิ์ รอดวิมุต ภรรยาหม้าย และลูกชาย ดาบยิ้ม ซึ่งต้องขาดเสาหลักของครอบครัว

ฝ่าย “ยอดคุณพ่อ” ร.ต.อ.เฉลิม ก็ออกหน้าปกป้องลูกชายแบบเต็มตัว ทั้งยืนยันนั่งยันและนอนยันทุกวันว่า “ดวงเฉลิม” ไม่ได้หนีไปไหน แค่หลบไปตั้งตัวเพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย ส่วนคนที่ยิงดาบยิ้มตาย คือ “ไอ้ปื๊ด” คนสนิทผู้ติดตามลูกชาย แต่พนักงานสอบสวนกลับไม่ได้ให้ความสนใจนำมาเป็นสาระสำคัญของคดี

“ดวงเฉลิม” หายตัวไปกว่าครึ่งปี ก่อนจะไปโผล่เข้ามอบตัวที่สถานทูตไทยในมาเลเซีย เมื่อเช้าวันที่ 2 พ.ค.45 ก่อนถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่ไม่มีการตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน” ทำให้พนักงานสอบสวนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนในวงการตำรวจด้วยกันมากพอสมควร

หลังจากนั้น พนักงานอัยการก็ส่งฟ้อง “ดวงเฉลิม” กับพวกอีก 2 คน ประกอบด้วย นายกฤษพัฒน์ จาตุรานนท์ และนายสุพจน์ แสงอนันต์ เป็นจำเลยต่อศาลอาญา ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ส่วนนายวันเฉลิม อยู่บำรุง พี่ชายคนกลาง และพ.ต.ต.ศราวุฒิ สกุลมีฤทธิ์ อดีตสารวัตร 191 ถูกฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และช่วยเหลือให้ผู้กระทำผิดมิให้ถูกจับกุม

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ก็ไม่ยอมละความพยายามง่ายๆ นำตัว “ไอ้ปื๊ด” หรือนายเฉลิมชนม์ บุริสมัย เข้ามอบตัวอีกรอบ แต่ก็ถูกเมินอีกตามเคย เนื่องจากในทางการสืบสวนของตำรวจขณะนั้น เห็นว่า “ไอ้ปื๊ด” ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องกับคดี

ต่อมาคดี “ฆ่าดาบยิ้ม”เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล โดยเริ่มสืบพยานโจทก์นัดแรกเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 45 โดยแนวทางการการต่อสู้คดีของทีมทนายความจำเลย นำโดย นายสมหมาย กู้ทรัพย์ มุ่งสืบพยานพุ่งเป้าไปที่ประเด็นแสงไฟในคลับทเวนตี้ คืนเกิดเหตุ เพื่อชี้ให้ศาลเห็นว่า พยานโจทก์ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า “ดวงเฉลิม” เป็นผู้ลั่นไกยิงดาบยิ้ม นอกจากนี้ยังมีพยานปากสำคัญอย่าง พล.ต.ต.วิชิต สมาธิวัฒน์ ผบก.นต.แพทย์ผู้ทำการชันสูตรพลิกศพ เบิกความหักล้างพยานโจทก์ในประเด็นวิถีกระสุน เนื่องจากบาดแผลจากหน้าผากด้านขวา ลงไปทะลุท้ายทอยด้านซ้าย เป็นไปได้ยากที่ “ดวงเฉลิม” จะยืนประจันหน้ากับ “ดาบยิ้ม” ขณะลั่นไกสังหารตามคำให้การของพยานโจทก์

สุดท้าย “ศาลอาญา” พิจารณาพยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วมีคำพิพากษายกฟ้อง นายกฤษพัฒน์ จาตุรานนท์ นายสุพจน์ แสงอนันต์ และนายดวงเฉลิม อยู่บำรุง เนื่องจากพยานโจทก์ขัดแย้งกันในสาระสำคัญอย่างสิ้นเชิง ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่าจำเลยทั้ง 3 คน ร่วมกันฆ่า ด.ต.สุวิชัย อีกทั้งผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ก็ไม่สามารถทำให้ศาลเชื่อได้โดยปราศจากข้อสงสัยได้ว่า จำเลยที่ 5 คือ นายดวงเฉลิม อยู่บำรุง เป็นคนยิงผู้ตายจนเสียชีวิต จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

คำพิพากษา “ยกฟ้องดวงเฉลิม” ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย เพราะสังคมได้พิพากษาไปแล้วว่า “ดวงเฉลิม” คือ “ฆาตกร” มิหนำซ้ำต่อมาพนักงานอัยการมีความเห็นไม่สมควรยื่นอุทธรณ์ จำเลยทั้ง 5 โดยให้เหตุผลว่า ที่ศาลชั้นต้นอ้างไว้ในคำพิพากษามีความสมเหตุสมผลแล้ว โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เรื่องวิถีกระสุน และระยะห่างระหว่าง ผู้ตายกับผู้ยิงที่จะต้องเป็นลักษณะการกดปากกระบอกปืนประชิด ซึ่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้ เช่นเดียวกับนางสุพัตรา ภรรยาหม้ายของดาบยิ้มที่ยอมถอย ไม่ยื่นอุทธรณ์เช่นกัน ทำให้คดีถูกปิดลงแค่ในศาลชั้นต้นเท่านั้น

คดี “ฆ่าดาบยิ้ม” ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่มีการฆ่ากันจริงๆ ตายกันจริงๆ แต่กลับไม่ได้ “ฆาตกรตัวจริง” มาลงโทษ ถึงวันนี้เวลาผ่านมากว่า 6 ปีแล้ว “ไอ้ปื๊ด” ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อ้างว่าเป็นมือปืนตัวจริงตอนนี้อยู่ที่ไหน?! มีใครสนใจจะนำตัวมาดำเนินคดีหรือไม่ ?! หรือเป็นแค่ตัวละครที่ ร.ต.อ.เฉลิม อุปโลกน์ขึ้นมา เพื่อแก้ข้อกล่าวหาให้ลูกชาย และสุดท้าย การตาย(ฟรี) ของ “ดาบยิ้ม” ก็เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า บางครั้ง “กระบวนการยุติธรรม” ก็ไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกๆ คนได้... มิหนำซ้ำ “ลุงหมัก” เซ็นรับ“หลานดวง” อดีตจำเลยคนสำคัญ กลับเข้ารับราชการทหารอีกครั้ง... นี่หรือประเทศไทย ????
กำลังโหลดความคิดเห็น