“สนธิ ลิ้มทองกุล” ย้ำจุดยืนทำหน้าที่สื่อมวลชนตรวจสอบการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ครบถ้วน จวกพวกวิจารณ์ไม่เข้าใจกระบวนการตรวจสอบแขนงใหม่ ชี้จุดตกต่ำ “แม้ว” เลือกคบคนพาล พึ่งไสยศาสตร์ เชื่อ “ยี้ห้อย” จนอนาคตตกต่ำ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยบนเวทีชั่วคราวเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อเวลา 03.45 น.ที่ผ่านมา โดยย้ำถึงจุดยืนการทำหน้าที่สื่อมวลชนเพื่อตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่สนใจหากใครจะมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียๆ หายๆ กล่าวหาตนพูดพาดพิงคนอื่นโดยไม่มีมูลข่าวจริง ทั้งๆ ที่การพูดนั้นได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง ความถูกต้อง
ยกตัวอย่างเมื่อครั้งที่เปิดโปงความไม่ชอบมาพากล การขึ้นราคาน้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 5 บาทของรัฐบาล ซึ่งเป็นการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่อำมหิตที่สุด ได้สร้างความทุกข์ร้อนให้กับประชาชน 63 ล้านคน ที่ต้องซื้อน้ำตาลในราคาแพงขึ้น ในช่วงเวลาที่ไม่ควรจะซื้อแพง เพราะโรงงานน้ำตาลได้ปิดหีบไปแล้วตั้งแต่กุมภาพันธ์ หลังจากอ้อยถูกส่งเข้าโรงงานเสร็จ
ดังนั้น การมาขึ้นราคาน้ำตาลในตอนนี้ ทำให้โรงงานน้ำตาลรวยขึ้นอีกกิโลกรัมละ 5 บาท โดยผ่องถ่ายภาระตรงนี้มาให้ประชาชน ครอบครัวที่ปากกัดตีนถีบ ต้องกินข้าวแพง จ่ายค่ารถเมล์แพงอยู่แล้ว เงินเดือนก็ไม่ได้ขึ้น จะอยู่ได้อย่างไร แม่ค้าทองหยิบฝอยทอง ร้านเบเกอรี่เล็กๆ คนทำขนมเมืองเพชรแทบล้มทั้งจังหวัด
นอกจากนี้ เคยมีที่ไหนที่ขึ้นราคาน้ำตาลครั้งเดียว 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่เป็นอย่างนี้เพราะรัฐบาลนี้จะอยู่สั้น เมื่อโกงอะไรได้ ก็ต้องรีบโกง แล้วพูดว่าขึ้นแค่ 5 บาท ไม่เห็นจะเดือดร้อน แล้วอย่ามาพูดว่าไม่เคยได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว ที่เคยบอกว่าจะเข้ามาดูแลประชาชนให้อยู่ดีกินดี แล้วจู่ๆ มาขึ้นราคาน้ำตาล ทำให้โรงงานน้ำตาลได้รับผลประโยชน์ โดยเฉพาะที่จังหวัดขอนแก่น มีเงินเข้ากระเป๋าผู้ประกอบการกว่า 2 ร้อยล้านบาท รวมทั้ง ส.ส.ในพื้นที่ก็ร่ำรวยผิดปกติ นี่คือกระบวนการตรวจสอบและทำหน้าที่สื่อมวลชนแขนงใหม่ ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นลูกกรอกล่องหนไปดูมีการจ่ายเงินจริงหรือไม่
เช่นเดียวกัน เมื่อเราออกมาเปิดโปง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาประท้วง ทุกคนก็ไม่เห็นด้วย แล้ววันนี้เป็นอย่างไร สื่อมวลชนส่วนใหญ่กลับมาเห็นด้วย จะเหลือแต่เฉพาะสื่อมวลชนโทรทัศน์บางช่องและคนบางคนเท่านั้นก็ยังตั้งคำถาม กล่าวหาเราทำไมยังไม่หยุดอีก คำพูดแบบนี้เป็นคำพูดที่ไร้ปัญญา ไร้ความรับผิดชอบ ไม่รู้อะไรเกิดขึ้นในบ้านเมือง ขอเพียงตัวเองสบายก่อน คนอื่นหรือชาติจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน
นายสนธิ กล่าวอีกว่า วันนี้สงสาร พ.ต.ท.ทักษิณ มาก แรกๆ เริ่มมีเงินทอง มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่จุดพลิกผันอยู่ที่คำพูด “ผมรวยแล้ว ผมไม่เอาอีกแล้ว ขอทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง” เป็นคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ไร้สัจจะในภายหลัง คนร่วมอุดมการณ์ที่เห็นพลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในตอนแรกต่างหลบลี้เอาตัวออกห่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ทีละคนสองคน ไม่รู้ผีห่าซาตานอะไรที่ทำให้ชีวิตของ พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนแปลงไป
ทิ้งธรรมทิ้งบัณฑิต คบคนพาลอย่าง นายเนวิน ชิดชอบ เชื่อในสิ่งที่ไม่ควรจะเชื่อ ทำอะไรหลายอย่างที่เราไม่เข้าใจ เช่น ไปประกอบพิธีศาสนาในพระอุโบสถวัดพระแก้ว แทบไม่เชื่อในสายตาว่าจะเกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่ คนดีๆ ที่ควรจะเคารพก็ไม่เคารพ กำลังเอาตัวเข้าสู่ความดำมืด คบคนอย่าง เนวิน ชื่อไสยศาสตร์ ชื่อพิธีกรรมดำมืดจนตัวเองตกต่ำในท้ายที่สุด
