“สนธิ ลิ้มทองกุล” จวก “แม้ว” ชูนโยบายประชานิยมมอมเมารากหญ้า ปูฐานสู่อำนาจที่ยั่งยืน เตือนสตินักวิชาการหัวนอก อย่าริเอาลัทธิคอมมิวนิสต์เข้าประเทศหวังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยันคนไทยเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งใด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (29 พ.ค.) เวลา 03.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีปราศรัยบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ช่วงหนึ่งว่า ทุกประวัติศาสตร์ ทุกสังคมจะมีชาวบ้านบางระจันของตัวเองอยู่ ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง หลายคนโดยเฉพาะพวกที่เข้าป่าไปแล้วเกิดหลงใหลในลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่กล่าวไม่ได้หมายความว่าจะต่อต้าน และก็ไม่ได้สนับสนุน เพียงแต่ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ประเทศไทยจะนำลัทธิดังกล่าวมาใช้
ประเทศไทยไม่เหมือนประเทศจีน จีนมีความจำเป็นจะต้องนำลัทธิคอมมิวนิสต์มาใช้ปกครองประเทศ เพราะจีนเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรเกือบ 1,200 ล้านคน รัฐบาลจำเป็นต้องมีระบบใดระบบหนึ่งมาควบคุมบริหารจัดการให้คนเหล่านั้นมีอันจะกิน ผ่านการล้มลุกคลุกคลานปรับเปลี่ยนการเมืองจากอดีตผู้นำหลายคน จนประเทศเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้
ประเทศไทยไม่เหมือนจีน เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี ที่สืบทอดมาเป็นเวลาช้านาน ความคิดของคนบางคนที่พยายามจะนำเอาระบอบการปกครองแบบลัทธิคอมมิวนิสต์เข้ามาแล้วล้มระบอบกษัตริย์จึงเป็นสิ่งที่น่าสมเพช คนเหล่านี้เชื่อในสิ่งที่ไปเล่าเรียนมาจากต่างประเทศ เชื่อว่าทำแล้วประชาชนจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง มันเป็นประชาธิปไตยที่กำลังสร้างกลุ่มคนคิดให้เป็นพวกอภิสิทธิ์ชน
นักวิชาการบ้านเรากำลังหลงตัวเอง ถือว่าไปเรียนต่างประเทศ แล้วติดอกติดใจทฤษฎีของต่างชาติ หวังเอาลัทธิของต่างชาติมาปรับใช้ที่ประเทศไทย อ้างสิทธิของประชาชนเป็นใหญ่ แต่นี่มันประเทศไทย ประเทศที่คนจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะมาอ้างสิทธิไม่ยืนไม่เคารพ หรือไปเที่ยวเขียนบทความแสดงความอหังการ์ไม่ได้
แต่ละสังคมนั้นมีสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน เราต้องเข้าใจวัฒนธรรมและรากเง้าของสังคมนั้นๆ เหมือนตนหากจะเข้าสังคมสันติอโศก ตนรู้วัฒนธรรมสันติอโศกเป็นอย่างไร พร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของสันติอโศก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงโดยไม่คำนึงถึงวัฒนธรรม ไม่สนใจจารีตประเพณีของเดิมเป็นอย่างไร เป็นการกระทำที่ผิด เราต้องรู้จักตัว รู้ว่าคือใคร พอเรารู้ว่าเราคือใครแล้ว เราก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ถูกทาง
วันนี้เวลาจะโกรธหรือด่าใครอย่าไปเหมารวม ต้องแยกแยะออกมา จะไปด่าคนเชียงใหม่เพราะมี พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ไม่ได้ ต้องมอง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นมนุษย์อีกสายพันธุ์หนึ่งที่หลงมาเกิดในเชียงใหม่ ขณะเดียวกันก็อย่าไปมองคนอีสานเป็นภาคที่ซื้อเสียงง่าย เพราะโดยพื้นฐานคนอีสานถูกยกให้เป็นคนที่รู้จักบุญคุณคนมากที่สุดภาคหนึ่ง ใครทำบุญคุณให้ คนอีสานไม่เคยลืม
แต่การที่คนอีสานชื่อคนง่าย คนอีสานจึงถูกหลอกง่าย โดยเฉพาะเวลานักการเมืองชั่วๆ จับยัดนโยบายประชานิยม คนอีสานจึงติดเหมือนกำลังเสพยาเสพติด โดยที่หารู้ไม่ว่านักการเมืองชั่วๆ เหล่านี้หวังเพียงแค่ให้ได้เสียงเพื่อปูทางสู่อำนาจ เราจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับคนอีสาน ต้องใช้เวลา ต้องเพิ่มกระบวนทางปัญญาให้คนอีสานได้รับรู้ข่าวสาร พร้อมทั้งต้องเร่งพัฒนาฟื้นฟูภูมิปัญญาชาวบ้านให้กลับมาเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ที่คนอีสาน แต่อยู่ที่รัฐบาล ที่ไม่พยายามสร้างปัญญา ขยายความรู้ไปสู่คนอีสาน หรือแม้กระทั่งสร้างเครือข่ายลงไปในท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในระบอบทักษิณ เอาแต่สร้างนโยบายประชานิยม หวังแต่อำนาจ ที่พูดไม่ได้หมายความว่าเราฉลาด เพียงแต่เรานั้นกำลังเปลี่ยนแปลงตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น รับรู้ข่าวสารที่แท้จริง เข้าใจปัญหาแล้วก้าวเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงประเทศ
