“วีระ” ปลุกสำเหนียกตำรวจ หลังเมินทำหน้าที่รักษากฎหมาย กร้าวฟ้องกราวรูดตั้งแต่ “บิ๊ก ตร.” ยันลูกน้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เหตุเพราะยืนดูประชาชนถูกทำร้าย พร้อมวอนผู้ชุมนุมร่วมทำภารกิจศักดิ์สิทธิ์ด้วยการต่อสู้จนกว่าจะได้ชัยชนะ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายวีระ สมความคิด ปราศรัย
วันนี้ (28 พ.ค.) นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ขึ้นเวทีปราศรัยว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังกระทำอยู่ในขณะนี้ คือ ความถูกต้อง ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของพลเมือง ผิดกับคนโกง ซึ่งบุคคลผู้นั้นต้องติดคุก และที่เราลุกขึ้นมาตรวจสอบพวกกินบ้านโกงเมืองนั้น เพราะเราตรวจสอบเองไม่ได้ ต้องให้กระบวนการ ป.ป.ช. โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปติดอยู่ที่นโยบายของรัฐ
“ผมทำงานโดยการแอบเข้าไปตรวจสอบ แต่เมื่อเราส่งไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบซึ่งขณะนั้นเมื่อปี 2539 ยังเป็น ป.ป.ป. จนบัดนี้ยังคงไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ดังนั้นการเอาผิดกับคนโกงเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ แต่เราคงยอมไม่ได้ที่เขาจะใช้วิธีแก้รัฐธรรมนูญ และขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ท่านอย่ามองพวกเราว่าเป็นพวกก่อความวุ่นวาย และสมน้ำหน้าเราที่ถูกทำร้าย”
นายวีระ กล่าวอีกว่า กรณีที่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคไทยรักไทย แต่คนเหล่านั้นไม่สนใจ กลับท้าทายกฎหมายด้วยการไปตั้งพรรคใหม่ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เองก็ระบุว่าเป็นเจ้าของพรรค อีกทั้งยังช่วยหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งตนได้เอาเรื่องดังกล่าวไปยื่นที่ กกต. ซึ่ง กกต.สามารถวินิจฉัยได้เลย แต่ไร้น้ำยา ไม่กล้าทำอะไร ในที่สุดไปตั้งอนุกรรมการเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งตนไม่ได้บอกให้ไปวินิจฉัยคำว่านอมินี เพียงแต่บอกว่าให้วินิจฉัยว่าพฤติการณ์ดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งอนุกรรมการ และกรรมการ กกต.กลับไปบอกว่า พฤติการณ์นั้นใช่ แต่คำว่านอมินีไม่มีอยู่ในกฎหมาย จึงยกคำร้อง
“กลุ่มบุคคลดังกล่าวถูกยุบพรรค เพราะเหตุผลคือ ทำลายระบอบประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้งที่เกิดขึ้น กรรมการบริหารพรรคดังกล่าวได้ไปอยู่เบื้องหลังในการซื้อเสียง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพรรคพลังประชาชน โดยนายยงยุทธ ติยะไพรัช โดนใบแดง ซึ่งจะโดนยุบพรรคในเร็วๆ นั่นจึงเป็นที่มาของการรีบยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ” นายวีระ กล่าว
นายวีระ กล่าวอีกว่า เราชุมนุมด้วยความสงบ แต่เราถูกรังแกทุกครั้ง โดยถูกคนที่ไม่หวังดีรังแก พี่น้องเราต้องเจ็บ และหลั่งเลือดทุกครั้ง โดยเฉพาะครั้งล่าสุด แต่เมื่อครั้งที่อยู่ในสมัย คมช.ปกครอง พวก นปก.ไปชุมนุมที่สนามหลวงเป็นเดือนๆ แล้วพันธมิตรฯ เคยไปตั้งกลุ่มด่า นปก.หรือไม่ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในยุคเผด็จการด้วยซ้ำ และถ้าทหารเขาอยากทำร้ายพวก นปก.ก็ไม่ยากเย็นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งถ้าลองนึกดูว่าที่ผ่านมาเผด็จการทหารให้เสรีภาพกับคนพวกนั้นขนาดไหน แต่เมื่อเรามาชุมนุมแล้วโดนกลั่นแกล้งรังแก ซึ่งคนที่รักษากฎหมายไม่ได้ทำหน้าที่ป้องกันพวกเราเลย
“วันอาทิตย์ที่พวกเราโดนทำร้าย ผมเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยให้เรา แล้วช่วยเอาไอ้พวกก่อกวนไปไกลๆ เพราะมั่นใจว่าพวกมันจะรังแกเราอีก โดยเฉพาะนายยุทธิยง ถูกก้อนหินหนัก 2 กิโลกว่าจนศีรษะแตก ซึ่งนายยุทธิยง ระบุว่าไม่อยากเอาเรื่อง เพราะแจ้งความไปก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่ผมจะเอาเรื่อง โดยจะเอาผิดตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจยันลูกน้อง เพราะกินเงินเดือนประชาชนแล้วไม่ทำหน้าที่ ซึ่งนายตำรวจออกมาระบุว่ามีภารกิจอื่นๆ สำคัญกว่า จึงไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ เราจึงต้องเอาออกให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป” นายวีระ กล่าว
นายวีระ ยังกล่าวถึงหน้าที่ของตำรวจว่า ตำรวจต้องไม่รับฟังคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เช่นนั้นต้องเข้าคุก ซึ่งต้องขอขอบคุณความกล้าหาญของพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกคน และเราจะต่อสู้จนกว่าจะชนะ ไม่ชนะไม่เลิก ไม่ชนะเราไม่กลับ เพราะเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้น เรามาช่วยกันทำภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ และขอเตือนพี่น้องตำรวจทั้งหลายให้กลับตัวกลับใจ เพราะบันทึกภาพไว้แล้วทั้งหมดทุกคน ถ้าทำร้ายประชาชนเมื่อไหร่ ต้องเจอกันแน่นอน