xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ”เมินคำขู่ฟ้องหมิ่นเพิ่ม - ยันสู้เพื่อชาติฯ ถึงที่สุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล
“สนธิ”ย้ำจุดยืนพันธมิตรฯ สู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ลั่นไม่กลัวฟ้องหมิ่นเพิ่ม จะติดคุกกี่ปีก็จะเดินหน้าให้ถึงที่สุด พร้อมปลุกพี่น้องผู้รักชาติรวมพลเชิงสะพานมัฆวานร่วมสร้างประวัติศาสตร์ เผยพันธมิตรฯโดนรังควาน จำเป็นต้องตอบโต้กลับ ให้รู้ว่า แม้ยึดหลักสงบอหิงสา แต่ไม่ได้แปลว่าต้องกลัว

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

เมื่อเวลาประมาณ 21.10 น. วันที่ 26 พ.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่เชิงสะพานมัฆวาน ถึงแนวทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ หลังจากนี้ว่า ว่า เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา เขาพร้อมด้วยแกนนำพันธมิตรคนอื่นๆ ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ รวมทั้งนายสุริยะใส กตะศิลา ได้ประชุมหารือกันอย่างจริงจัง เพื่อตัดสินใจว่าจะจบภารกิจหลังจากยื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภาในตอนเช้าวันที่ 26 พ.ค. หรือไม่

ทั้งนี้บรรดาแกนนำได้ ประเมินว่าในการต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ แต่ก็ถูกก่อกวนทั้งในช่วงกลางวันเมื่อวานและเมื่อคืนที่มีคนที่ “เหี้ยล้วนๆ” ไม่มีสัตว์อย่างอื่นมาผสม มาไล่ทุบตี จนพวกเราต้องถามความสมัครใจของคนที่จะอาสามาเป็น รปภ.ให้ใช้กติกาว่า ถ้าตีมา 1 ที เราก็จะตีกลับ 2 ที แต่เราก็เป็นห่วงผู้หญิงที่อายุมากและเด็ก จึงมีมติว่า ถ้าตัดสินใจจะอยู่ต่อ หากมีอันตรายเราต้องพร้อมรับ โดยต้องถามพี่น้องก่อน

หลังจากนั้น แกนนำพันธมิตรฯ จึงได้ถามพี่น้องประชาชนที่ร่วมชุมนุมมาข้ามคืน ตอน 06.00 น. โดย พล.ต.จำลองได้ถาม 2 ข้อ ให้ช่วยกันยกมือเลือก คือ 1.ยื่นจดหมายต่อประธานวุฒิสภาแล้วเดินทางกลับ 2.ยื่นจดหมายเสร็จแล้ว ยังไม่กลับ เพราะมีภารกิจทำประเทศชาติให้เป็นสถานที่ที่มีคุณธรรมศีลธรรมสำหรับลูกหลานในอนาคต ซึ่งหากอยู่ต่อก็จะอยู่อย่างลำบาก จึงต้องให้พี่น้องตัดสินใจ ซึ่งถ้าบอกว่ากลับเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ก็จะกลับ เพราะห่วงใย พี่น้อง ซึ่งปรากฏว่า พี่น้องทุกคนลงมติเอกฉันท์ทุกเสียงว่าขออยู่ต่อ อะไรเกิดก็ให้มันเกิด

“ผมพูดไว้เมื่อเช้านี้ว่าพวกเราเป็นหนี้บุญคุณพี่น้องประชาชน ที่กล้าหาญกว่าพวกเราเยอะ เมื่อเราตัดสินใจ เราเดินหน้าสู้ทันที อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด จะฟ้องหมิ่นประมาทผมอีกกี่คดีก็ฟ้อง จะจำคุกกี่ปี ผมก็จะเดินหน้าไม่ถอยอยู่แล้ว แต่พี่น้องมีภาระ มีลูกเมีย มีงานการต้องทำ ขนาดมีภาระอย่างนี้ยังเสียสละตัวเองมาอยู่กลางดิน กินกลางทราย แล้วยังต้องเตรียมรับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ผมต้องขอคารวะจิตใจของพี่น้อง ด้วยเหตุนี้เราจึงมีกำลังใจสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ตลอดไป”

นายสนธิกล่าวต่อว่า สังคมไทยวันนี้เป็นสังคมที่แบ่งแยกชัดเจน เราสามารถที่จะพิสูจน์ให้เห็นชัดว่าการเอาธรรมนำหน้าต้องชนะอธรรม เมื่อคืนมีการรังควานพวกเรา เราก็ตอบโต้กลับไป คนของเขาที่บาดเจ็บนั้นรับมา 500 บาท ต้องไปเย็บหัว 3,000 บาท มันไม่คุ้ม ของเราบาดเจ็บหัวแตก ก็บอกเราว่า “พี่เรื่องเล็ก แตก 3 ครั้ง ผมไม่แคร์ เพราะผมแค้น” คนของพวกเราสู้ ที่สู้เมื่อคืนนี้เพราะต้องการให้รู้ว่าเราชุมนุมโดยสงบอหิงสา ไม่ได้หมายความว่าเรากลัว แต่เรามีความเป็นมนุษย์มากกว่าพวกเขา แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องประดาบเลือดเดือด เราก็พร้อมและกล้ามากกว่าเขา

นายสนธิ กล่าวต่อว่า คนเราไมได้วัดกันที่ท่าทีนักเลงอันธพาล เราวัดที่ใจ ใจ ต้องเป็นใหญ่ ใจต้องเป็นประธานจึงจะชนะ ทุกคนที่มาอยู่ในที่นี้ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธานทั้งสิ้น พวกเรา 5 คน ไม่มีอะไรให้พี่น้องนอกจากอย่างเดียว ว่า เราให้สัจจะวาจาวในการทำงานเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์นั้น เราจะไม่ท้อถอย และที่สำคัญที่สุด คือเราตัดสินใจร่วมกันสู้ต่อ

“ก็เพราะเมื่อยังไม่สู้ถึงที่สุดแล้วจะถอยทำไม สงครามพึ่งจะเริ่ม ยังไม่ได้ถึงที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าจะแพ้ขอให้แพ้สมศักดิ์ศรี คือให้ถึงที่สุดก่อน พี่น้อง พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เคยสอนว่าทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด ถ้าไม่งั้นมาผิดพลกาทีหลังก็จะว่า แหมถ้ารู้อย่างนี้ อย่าให้มีคำนี้หลุดออกมา อยากให้พี่น้องที่กินกาแฟ กินข้าว กินหูฉลามที่บ้าน อย่าเลย มาร่วมเขียนประวัติศาสตร์กันที่นี่ดีกว่า โอกาสอย่างนี้ไม่ใช่มีมาง่ายๆ พี่ลอง (พล.ต.จำลอง) อายุมากแล้ว ท่านบอกว่าจะสู้ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย เพราะชีวิตสู้มาตลอด อยากขอพักบ้าง ผมก็บอกพี่ลองว่า ครั้งนี้ของผมก็ครั้งสุดท้ายเหมือนกัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น