“พันธมิตรฯ” ประกาศจุดยืนชุมนุมยืดเยื้อ พร้อมเปลี่ยนเป้าภารกิจจากการคัดค้านแก้ไข รธน. ไปเป็นขับไล่รัฐบาลจนกว่าจะได้รับชัยชนะ ด้าน “สนธิ” สดุดีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ สุดปลื้มเต็มไปด้วยสปิริต มั่นใจ ปชช.จากทั่วทุกสารทิศแห่แหนเข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันเตือนสติลูกกรอกหวังคิดจับแกนนำ ภาพประจานทั่วโลก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ปราศรัย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ( 56 k ) | ( 256 K )
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป สนธิ ลิ้มทองกุล ( 56 k ) | ( 256 K )
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา บรรดาแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ผลัดกันขึ้นปราศรัยบนเวทีชั่วคราว ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันนี้ (26 พ.ค.) เวลา 06.30 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้ร่วมกันประกาศจุดยืนในการเคลื่อนไหวในครั้งนี้
โดย พล.ต.จำลอง เริ่มต้นโดยการย้ำถึงชัยชนะที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าคิดใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม หากคิดใช้กำลังเข้ามาปราบปรามผู้ชุมนุมถือว่าคิดผิด เพราะเรามาชุมนุมอย่างถูกต้อง และชุมนุมโดยยึดมั่นในอุดมการณ์ ซึ่งเราจะต่อสู้จนถึงที่สุด ไม่ถ่อย แม้ตำรวจจะเอาน้ำมาฉีด เอาแก๊สน้ำตามายิง เราก็ไม่ถอย จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้องจนถึงที่สุด
พล.ต.จำลอง ยังขอมติผู้ชุมนุมเพื่อหาข้อสรุป และทางออกการเคลื่อนไหวต่อไป โดยเสนอทางเลือกสองข้อหนึ่ง คือ ยุติการชุมนุม จะไม่มีการชุมนุมต่อไปอีกหรือไม่ และสอง ชุมนุมปักหลักอยู่อย่างสันติ เรียกร้องให้ได้ชัยชนะ ซึ่งผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะสู้ต่อ ผู้ชุมนุมต่างยกมือสนับสนุน พร้อมตบมือแสดงพลังอย่างกึกก้อง
ด้าน นายสนธิ กล่าวเสริมว่า วันนี้เรามาไกลเกินกว่าที่จะถอนตัวแล้ว เรื่องของชาติบ้านเมืองไม่มีคำว่าหยุด ต่อสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน เราต้องพิสูจน์ให้ทุกส่วนของสังคมเห็นถึงความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ด้วยการกระทำที่แท้จริง ไม่ใช่รักด้วยคำพูด ขอให้รู้ว่าพันธมิตรฯ เคารพในมติของผู้ชุมนุมที่นี่ หากมีมติว่าเราจะกลับ เราก็จะกลับ เราทำงานเพื่อประชาชน จึงต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
นอกจากนี้ นายสนธิยังกล่าวชื่นชมสิปิริตผู้ร่วมชุมนุม โดยระบุว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้าย ทุกคนที่มาล้วนแต่มีภาระด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาระทางครอบครัว ภาระการงาน แต่ก็ยังอุตสาห์เสียสละมาร่วมทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ มาร่วมกับพันธมิตรฯ เพื่อเรียกร้องความถูกต้อง ดังนั้นขอให้ประชาชนที่อยู่ทางบ้านออกมาร่วมชุมนุม อย่าไปกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา เราต้องไม่ท้อ ต้องทำเพื่อชาติ
“อย่างที่ท่าน พล.ต.จำลองพูด อันตรายมีอยู่บ้างแต่เล็กน้อย ถ้าตำรวจใช้กำลังมาไล่ เรานั่งเฉยๆ ถ้าเขาจะจับแกนนำ 5 คน เราพร้อมจะให้จับ เราพร้อมจะให้จับทุกคน เราอยากจะดูว่า เมื่อเขาจับแล้วอะไรจะเกิดขึ้น เขาเอารถดับเพลิงมาฉีดน้ำ พล.ต.จำลอง พูดแล้วว่า มันก็เปียก อากาศมันร้อนมันก็เย็นสบาย เอาแก๊สน้ำตามายิงใส่เรา ภาพพวกนี้จะออกไปซีเอ็นเอ็น ออกไปเมืองนอกทั่วโลก จะเป็นครั้งแรกที่ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนที่ใช้สิทธิ์เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในการแสดงออกอย่างสงบอหิงสา” นายสนธิกล่าว
ขณะที่ นายสุริยะใส กล่าวถึงกำหนดการของวันที่ 26 พ.ค.นี้ โดยยืนยันว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์อย่างต่อเนื่อง และจะตั้งเต็นท์ปักหลักประท้วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จนกว่าจะได้รับชัยชนะ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพออกมาร่วมต่อต้านการล้มล้างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้อย่างพร้อมเพียงกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่แกนนำพันธมิตรฯ ได้จบการปราศรัยบนเวทีชั่วคราว นายสนธิ ให้สัมภาษณ์ว่า มติของที่ประชุมแกนนำ ยึดอยู่บนพื้นฐานของประชาชนที่มาร่วมชุมนุม ซึ่งเป้าหมายของกลุ่มพันธมิตรฯ ขณะนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่เรามีเป้าหมายเพื่อขับไล่รัฐบาลชุดนี้ออกไป และจะเคลื่อนไหวจนกว่าจะออกไป เพราะที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้บริหารประเทศเลยแม้แต่น้อย ทั้งปัญหาข้าวยาก หมากแพง และราคาน้ำมันที่มีราคาพุ่งสูงขึ้น รัฐบาลก็ไม่สนใจที่จะแก้ไข สนใจเพียงอย่างเดียว คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพยายามแก้ผิดให้เป็นถูก
“พันธมิตรฯ ไม่ได้สนใจอำนาจนอกระบบที่จะเข้ามามีบทบาท เราคิดว่าประชาชนต้องพึ่งพาตัวเอง ซึ่งการแสดงพลังครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้าย และเชื่อมั่นว่าประชนจะเข้าร่วมการชุมนุมมากกว่านี้ การชุมนุมครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่ามีความพร้อม เนื่องจากมีการประกาศล่วงหน้าเพียง 3 วันเท่านั้น ยิ่งถ้าเราปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ ก็จะมีประชาชนมาเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากอย่างแน่นอน โดยเฉพาะยิ่งที่มีการใช้คนถ่อยมาป่วน แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ของเราไม่กลัว และจะยิ่งทำให้มีคนมาเพิ่มมากยิ่งขึ้น” นายสนธิ กล่าว