xs
xsm
sm
md
lg

“เพ็ญ”ไม่รู้! ASTV โดนป่วน – ชักแม่น้ำแจงเหตุย้ายบิ๊กกรมประชาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“จักรภพ”โบ้ยไม่รู้ เอเอสทีวีสัญญาณหาย พร้อมแจงเหตุย้ายอธิบดีกรมประชาฯ แบบซ่อนแอบเหตุผลที่จริง อ้างต้องทำทีวีอาเซียนให้เป็นผลงานประเทศไทยในวาระเป็นประธานอาเซียน ลำเลิกบุญคุณ“ปราโมช”มีร้องเรียนเพียบ แต่ไม่เอามาเป็นเหตุ แถมขู่ซ้ำมีย้ายอีก ขรก.กระตือรือร้นรับใช้เผด็จการ สำทับซ้ำคนที่โดนย้ายไม่ถูก กก.สอบดีถมเถแล้ว

นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างออกรายการ “กรองสถานการณ์”ในหัวข้อ “สื่อรัฐกับการเมือง” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ คืนวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา ถึงสาเหตุการย้ายนายปราโมช รัฐวินิจ จากตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีโดยจะให้ดูแลโครงการสถานีโทรทัศน์อาเซียน ว่า ความเป็นมาของสถานีโทรทัศน์อาเซียนนั้น มาจากการที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ และจะมีการเปลี่ยนธรรมนูญอาเซียนให้ประเทศไทยเป็นต่อไปอีกครึ่งปี ซึ่งในระหว่างที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนนั้น รัฐมนตรีแต่ละคนก็จะเป็นประธานรัฐมนตรีอาเซียนในเรื่องของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่เราจะโชว์ฟอร์ม และตนในฐานะเป็นรัฐมนตรีที่คุมด้านสื่อจึงผลักดันโครงการสถานีโทรทัศน์อาเซียนขึ้นมา

สำหรับการย้ายนายปราโมช ที่คนสงสัยว่ามาจากเหตุอื่นเหตุใดนั้น นายจักรภพกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงขนาดนี้ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลายเรื่อง ที่ร้องมาถึงตนโดยตรงก็มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความไม่โปร่งใส เรื่องของ การรับเงินเดือนในภาคธุรกิจ เรื่องของการบริหารงานในกรม เรื่องของการตั้งเป้าหมายที่ตัวเงินกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ในแต่ละศูนย์ประชาสัมพันธ์ในแต่ละเขต แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะพิจารณาว่าควรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะฉะนั้นเหตุผลจึงเป็นเรื่องของการให้ไปรับผิดชอบสถานีโทรทัศน์อาเซียน เป็นหลัก อย่างอื่นยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ยกเว้นจะมีคนส่งอะไรมาให้เพิ่มเติม

ต่อข้อถามที่ว่า มีคนอื่นเหมาะสม เป็นตัวเลือกนอกจากนายปราโมชหรือไม่ นายจักรภพกล่าวว่า นายปราโมชจับเรื่องนี้มานาน และให้การสนับสนุนเรื่องนี้ และวันที่ตนไปให้นโยบายก็บอกว่า ได้เตรียมงานไว้พอสมควรแล้ว และปัญหาคือถ้าเราได้คนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะกับงาน โทรทัศน์อาเซียนก็จะพัฒนาไปในหลายๆ มิติ หลายๆ ด้าน

นายจักรภพกล่าวต่อว่า ตนขอพูดในภาพรวมดีกว่าว่า เรื่องนี้ให้ตนพูดในเหตุผลของโครงการโทรทัศน์อาเซียนดีกว่าอย่างอื่น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราก็ต้องยอมรับหลักของความสมานฉันท์ว่ารัฐบาลชุดนี้ มารับหน้าที่หลังจากที่เกิดความคิดไม่ค่อยจะตรงกันในสังคม จนถึงกับมีการแบ่งแยกเป็น 2 ฝ่าย แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน

“รัฐบาลชุดนี้มารับหน้าที่ก็ต้อวงการให้คนพ้นจากความลำบากและตกต่ำ อย่างในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนลำบากกันมาก ประเด็นก็คือ ถ้ามาถึงแล้วยังพูดถึงประเด็นความขัดแย้งต่อไป มันก็คงจะไม่จบสิ้น เอาเป็นว่า เราต้องหาวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหาที่มันดำรงมากว่า 2 ปีแล้ว ก็ขอให้ผมได้พูดว่า เป็นเหตุผลของโครงการพัฒนาโทรทัศน์อาเซียนก็แล้วกัน”

นายจักรภพกล่าวต่อว่า สถานีโทรทัศน์อาเซียนนั้นเป็นผลงานของ 10 ประเทศร่วมกัน แต่ประเทศไทยก็อาจได้คะแนนว่าเป็นผู้ริเริ่มหรือผู้ผลักดันขั้นต้น ซึ่งในฐานะผู้บุกเบิกประเทศไทยจะต้องเริ่มต้น ซึ่งประเทศใดจะเข้ามาร่วมก็ขึ้นอยู่กับความพร้อม และมีหลายประเทศสนใจ คาดว่าเมื่อเสนอแล้วประเทศสมาชิกจะมาช่วยกันพัฒนาอีกมาก แต่ว่าในขั้นต้น ตัวต้นแบบสำคัญมาก เราถึงต้องมีโครงการในประเทศไทยก่อน เหมือนเป็นต้นกล้า ที่จะเอาไปปลูกในประเทศสมาชิกอาเซียนต่อ

“ผมหวังว่าภายในปี 2551 นี้ เราควรจะส่งต้นกล้านี้ได้ คือหมายความว่าเราควรจะมีจุดเริ่มต้น ที่ประเทศอื่นจะมาต่อติด เรื่องนี้ มันจะมาพันถึงรายละเอียดในทางปฏิบัติ เช่นว่า สถานีโทรทัศน์อาเซียนจะตั้งอยู่ในประเทศใด เครือข่ายที่จะรวมเอาเนื้อหาสาระทั้ง 10 ประเทศเข้ามาด้วยกัน แล้วก็ส่งผ่าน ดาวเทียมไปยังประเทศต่างๆ การเข้าไปรณรงค์ในต่างประเทศ เพื่อที่จะให้เกิดการรับสัญญาณดาวเทียมนี้อย่างดี เพราะแต่ละประเทศความพร้อมไม่เหมือนกัน เหล่านี้ต้องช่วยกันคิด ผมหวังว่าในปีนี้ เราจะเสร็จในเฟสไทย และพอส่งไม้ในปี 52 ทีนี้เป็นเฟสอาเซียน ซึ่งเราไปบังคับเขาไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความพร้อม แต่เราในฐานะประธาน เราคอยเขี่ยๆ ว่าเรื่องนี้อย่าลืมนะ มันสำคัญนะ ให้เรื่องมันเดินไปข้างหน้า”นายจักรภพกล่าว

ต่อมาในช่วงของการตอบคำถาม มีผู้ชมถามว่า ทำไมจึงมีการย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน ต่อไปจะย้ายใครอีกหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า คงจะมีอีก เนื่องจากว่าเราเปลี่ยนจากระบอบเผด็จการมาสู่ระบอบประชาธิปไตย จะให้นั่งเฉยโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผิวเราคงจะหนาเกินไป ประเด็นก็คือว่าระบบราชการนั้น ต้องทำตามคำสั่งของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย ตรงนี้เห็นใจ

“แต่การที่กระตือรือร้นเกินควร ในการที่ไปทำให้งานของเผด็จการประสบความสำเร็จเนี่ย ต้องถือว่าไม่ใช่หน้าที่ของข้าราชการที่ดี แต่ในกรณีนี้มันใช้ไมได้กับทุกๆ ตำแหน่ง มันใช้กับบางตำแหน่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องพูดกันไปว่า ย้ายด้วยเหตุผลอะไร”

ผู้ดำเนินรายการถามย้ำว่า การเป็นข้าราชการก็ต้องกระตือรือร้นที่จะทำตามคำสั่งไม่เช่นนั้นจะโดนย้าย นายจักรภพจิกเสียงตอบอย่างมีอารมณ์ว่า สำหรับข้าราชการบางคนที่ต้องมีการโยกย้ายนั้น ถ้าหากต้องมีการมาจาระไนว่ามีการไปรับใช้เผด็จการอย่างไรนี่ ท่านจะอยู่ยากนะ เอาเป็นว่าให้อดกลั้นกันเอาไว้ ขยับกันไปก่อนแล้วก็รู้กันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เจ้าตัวก็รู้ดีว่า การที่ย้ายไปโดยไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนนั้นก็ดีมากแล้ว

ในช่วงท้ายรายการ มีคำถามว่า ขณะนี้สัญญาณเอเอสทีวีหายไปท่านรับรู้หรือยัง นายจักรภพกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ทราบ และถามกลับว่า “หายไปที่ไหนเหรอครับ”

ทั้งนี้ ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาขึ้นกับสัญญาณการออกอากาศของเอเอสทีวี ในช่วงรายการสำคัญๆ ตลอด โดยนายสายัณห์ เล็กอุทัย ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ของเอเอสทีวี ยืนยันว่ามีการส่งสัญญาณรบกวนจากผู้ไม่หวังดี และขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นฟ้องต่อสถาบันองค์การสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางด้านการสื่อสารระหว่างประเทศ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหาย และเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ (อ่านรายละเอียดข่าว “เอเอสทีวี”หาช่องฟ้อง"มือมืด"ยิงสัญญาณป่วน!)



กำลังโหลดความคิดเห็น