“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ตำหนิเว็บ “ประชาไท” อุดมการณ์หดหาย ยัน “ผู้จัดการ-เอเอสทีวี” นำเสนอข้อเท็จจริง ไม่ได้ตัดแต่งภาพแบบ “ดาวสยาม” ย้ำข่าว “โชติศักดิ์-ธงทักษิณ” เป็นเรื่องใหญ่ จะต้องนำเสนอ ยกบทความ “ชัยอนันต์” ตอกย้ำมีขบวนการเปลี่ยนการปกครองเป็นสาธารณรัฐ พร้อมเปิดเบื้องหลังนิตยสารหมิ่นฯ เคยใช้เบอร์โทร.คอนโดหรูของพี่สาว “สุริยะ” เป็นเบอร์ติดต่อ โยง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เพื่อนสนิท “โอ๊ค-โชติศักดิ์”
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 2
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 2 พฤษภาคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีนายภิรมย์ พลวิเศษ ส.ส.นครราชสีมา เขต 5 พรรคพลังประชาชน เดินทางเข้าพบตำรวจกองปราบปรามเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ ดำเนินคดีกับบุคคลที่ปรากฏในภาพซึ่งมีการเขียนข้อความลงบนธงชาติไทยอย่างไม่เหมาะสม เข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2522 และตาม ป.อาญา มาตรา 118 โดยนำเอกสารเป็นภาพที่ได้มาจากเว็บไซต์พันทิปรวม 2 ภาพ มามอบเป็นหลักฐาน
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า นายภิรมย์ ต้องกลับไปศึกษากฎหมายเสียใหม่ รูปทั้งสองรูปที่นำมาแจ้งความดำเนินคดีนั้น ไม่น่าจะเข้าข่ายลักษณะของธงไตรรงค์ที่ระบุไว้ในมาตรา 5 ตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2522 แต่เป็นการเพนท์รูปธงชาติบนผืนผ้า แต่ลักษณะของธงไตรรงค์ที่นำมาเขียนคำว่า WELCOME THAKSIN นั้น น่าจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2522 อย่างชัดเจน ทำไมไม่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กระทำความผิด มีภาพปรากฏเป็นหลักฐานไปทั่วโลก
**ฉะเว็บ “ประชาไท” อุดมการณ์หดหาย
จากนั้น ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงเว็บไซต์ประชาไท ซึ่งมีการเข้าไปให้กำลังใจนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีว่า เราไม่เคยมีความคิดว่าความคิดที่แตกต่างอยู่ร่วมกันไม่ได้ แต่คิดว่าความคิดแตกต่างที่หลากหลายอยู่ด้วยกันได้
สำหรับเว็บไซต์ประชาไทนั้นตั้งขึ้นมาจากความตั้งใจของนายจอน อึ๊งอากรณ์ ที่ต้องการทำสื่อที่ไม่ถูกควบคุม โดยเฉพาะจากหน่วยงานของรัฐ โดยเห็นตัวอย่างจากสื่อของประเทศฟิลิปปินส์ จึงเริ่มโครงการวารสารข่าวทางอินเตอร์เน็ต เพื่อการศึกษาและสุขภาวะของชุมชน และเว็บไซต์นี้ก็ได้รับการสนับสนุนเงินจาก สสส.ที่มาจากเงินภาษีอากรของประชาชน ทั้งนี้คงเป็นเพราะความตั้งอกตั้งใจและเชื่อมั่นในตัวนายจอน เป็นสำคัญ
วันนี้อุดมการณ์และความเชื่อมั่นที่นายจอนทำมาตลอด กำลังจะหายไป เนื่องจากเว็บไซต์ประชาไทเปิดพื้นที่ให้คนเข้ามาให้กำลังใจและสนับสนุนการกระทำของ นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากไม่ยอมยืนเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ เพลงสรรเสริญพระบารมี เป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่ไม่เคยมีใครท้าทายโครงสร้างของชาติไทยเช่นนี้มาก่อน
ข่าวดังกล่าวสื่อในเครือผู้จัดการก็นำมาเสนอ หยิบข่าวนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ในมุมมองต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ตรงกับทัศนคติของคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาครอบงำเว็บประชาไทอยู่ เช่นเดียวกับที่ไม่ตรงกับทัศนคติของบรรณาธิการเว็บประชาไท ซึ่งภายหลังได้เขียนรำพึงรำพันไว้ในคอลัมน์ของตัวเอง เรียกร้องหาที่ยืนในแบบที่ตัวเองต้องการ แต่กลับเรียกการแสดงความเห็นที่แตกต่างของสื่ออื่นว่า การคุกคาม
บรรณาธิการเขียนว่า เว็บไซต์ประชาไท และ ฟ้าเดียวกัน ตกเป็นข่าวพาดพิงในหนังสือพิมพ์ดาวสยามยุคใหม่ ที่เสนอข่าวกรณีนายโชติศักดิ์ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงหนัง และประกาศคล้ายๆ กับว่า เขาเป็นคนที่อยู่ตรงกลาง ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าข้างพันธมิตรฯ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เป็นพวกของโปรทักษิณ เหมือนกัน
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ไม่รู้ว่า “ดาวสยามยุคใหม่” นั้นหมายถึงใคร เพราะข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดที่เครือผู้จัดการหรือเอเอสทีวีที่เดียว บางประเด็นเช่น กรณีธงชาติที่มีชื่อทักษิณ ก็เป็นข่าวจากมติชน และข่าวสด ที่ผู้จัดการนำมาเสนอต่อ
นอกจากนี้ กรณีหนังสือพิมพ์ดาวสยามที่ทำให้เกิดเหตการณ์ 6 ตุลานั้น เป็นการตัดแต่งภาพที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง แต่สิ่งที่ผู้จัดการและเอเอสทีวี หรือจำรวมมติชน-ข่าวสดนำเสนอนั้น เป็นข้อเท็จจริง
** “ชัยอนันต์” ตอกย้ำขบวนการตั้ง “สาธารณรัฐ”
ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงกรณีที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญให้ความเห็นว่าการเมืองขณะนี้เป็นการต่อสู้ของ 2 ระบอบการปกครอง ว่า คนที่คิดเช่นนี้ ไม่ได้มีเพียง น.ต.ประสงค์คนเดียว ล่าสุดมีบทความเรื่อง Republic of Thailand ของ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย ที่จะตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันจันทร์ที่จะถึงนี้ และนำเสนอทางเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ไปแล้ว ในบทความดังกล่าว ดร.ชัยอนันต์ ได้แสดงความไม่สบายใจ กรณีที่มีคนไม่ยืนตรงทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ และการเขียนชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงบนธงไตรรงค์ในระหว่างการเชียร์ทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ในสนาม และตอนต้อนรับผู้จัดการทีมที่เดินทางมาประเทศไทย
ดร.ชัยอนันต์เชื่อว่ากรณีการไม่ยืนทำความเคารพในโรงภาพยนตร์นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของขบวนการที่เรียกว่า Republic of Thailand ซึ่งมีอยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะแถบสแกนดิเนเวีย ที่มีเว็บไซต์ของ Republic of Thailand ด้วย ส่วนในประเทศไทย มหาวิทยาลัยบางแห่งมีอาจารย์ที่เห็นว่าประเทศไทยไม่จำเป็นจะต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีกลุ่มฝ่ายซ้ายเก่าทำหนังสือและใบปลิว ตลอดจนพูดคุยกับชาวบ้านในทำนองหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อีกส่วนหนึ่งของขบวนการนี้ก็คือ การเคลื่อนไหวโจมตีประธานองคมนตรี
ขบวนการดังกล่าวประสานกับกลุ่มที่เปิดเว็บไซต์ในเมืองไทยหลายแห่ง และไม่รู้ว่าบังเอิญหรือไม่ที่กลุ่มผู้สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐนี้ก็สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย และกลุ่มที่ไปประท้วงหน้าบ้านสี่เสาฯ ก็ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ในเนปาล ก็มีการนำเสนอข่าวต่างประเทศอย่างละเอียด
ดร.ชัยอนันต์ชี้ว่า ในอดีตนั้นแม้จะมีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ในเวลานี้มีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบคือมีความคิด มีการจัดตั้งองค์กร และเครือข่ายเพื่อเผยแพร่ความคิด มีเงินทุนสนับสนุน มีการใช้การสื่อสารผ่านเว็บไซต์ และทางการจัดพิมพ์วารสารใบปลิว ตลอดจนหนังสือ มีการส่งคนไปปลุกปั่นคนในชนบท และแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ซึ่งในตอนท้าย ดร.ชยอนันต์ระบุว่า มีคนมากระซิบว่าอีก 20 ปี ประเทศไทยจะเป็นสาธารณรัฐแน่นอน
**นิตยสารเนื้อหาหมิ่นฯ โยงคน “จึงรุ่งเรืองกิจ”
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า จากบทความของ ดร.ชัยอนันต์ ทำให้อยากพูดถึงนิตยสารเล่มหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ที่ไม่ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี และเรียกร้องให้มีการยกเลิกมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งถ้าเลิกมาตรานี้ ก็จะเปิดให้มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ ซึ่งไม่รู้ว่าประชาชนจะยอมรับได้อย่างไร
นิตยสารฉบับนี้ตีพิมพ์ราย 3 เดือน ที่ผ่านมาบางฉบับก็มีเนื้อหาหมิ่นสถาบันจนถูกเก็บออกจากแผง โดยฉบับเดือนมกราคม-มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา ก็มีเนื้อหาที่หมิ่นเหม่ต่อการหมื่นสถาบันเบื้องสูง มีการนำงบประมาณรายจ่ายของราชสำนักไทยเปรียบเทียบกับราชสำนักอังกฤษ โดยไม่สนใจว่างานประมาณนั้นใช้ในโครงการพระราชดำริอย่างไรบ้าง มีการสัมภาษณ์นักวิชาการต่างประเทศที่เห็นว่าต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์ได้ และยกย่องข้อความในหนังสือต้องห้าม เรียกร้องยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตรงกับกลุ่มของนายโชติศักดิ์
นอกจากนี้บทความจากนิตยสารเล่มนี้ก็มีเผยแพร่ในเว็บไซต์ “ประชาไทย” และ “ฟ้าเดียวกัน” ด้วย
ผู้ดำเนินรายการตั้งข้องสังเกตว่า หนังสือเล่มนี้ น่าจะมีนายทุนรุ่นใหม่มาสนับสนุนหรือไม่ เพราะมีการตีพิมพ์ด้วยกระดาษและรูปแบบอย่างดี เมื่อตรวจสอบดูที่อยู่ของนิตยสารเล่มนี้ เดิมใช้ตู้ ปณ.156 ปทจ.ยานนาวา เขตสาธร กรุงเทพฯ แต่เบอร์โทรศัพท์ติดต่อที่ให้ไว้นั้น เมื่อตรวจสอบแล้วกลับปรากฏว่า มีที่อยู่ที่เลขที่ 1026 ลุมพินีปาร์กวิลล์ ถ.พระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพฯ ที่อยู่ดังกล่าวเป็นคอนโดมีเนียมหรู จึงน่าสงสัยว่า นิตยสารที่พิมพ์แค่ 4,000 เล่ม ทำไมต้องตั้งอยู่ในสำงานที่หรูขนาดนี้
นอกจากนี้ ยังพบว่าหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ พี่สาวของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และเป็นมารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ต่อมาเมื่อนิตยสารเล่มนี้ถูกดำเนินคดี เพราะมีเนื้อหาล่อแหลม จึงได้ย้ายสถานที่ไปถนนเจริญนคร บางลำภูล่าง เขตคลองสาน แล้วเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ของนิตยสารไปเป็นโทรศัพท์ของบรรณาธิการแทน
สำหรับนายธนาธร บุตรชายของนางสมพรนั้น มีความใกล้ชิดกับคนทำหนังสือกลุ่มนี้มาก และเป็นรุ่นน้องเตรียมอุดมศึกษา 1 ปี ของนายพานทองแท้ ชินวัตร และไปเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยกัน และนายธนาธรเคยให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเพื่อนที่สนิทกับนายพานทองแท้มาก เคยกินเที่ยวด้วยกัน
สมัยเป็นนักศึกษานายธนาธรเป็นนักกิจกรรมตัวยง เคยเป้นอุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(อมธ.) ปี 2542 หลังจากนั้นไปเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ ก็เคลื่อนไหวเป็นเอ็นจีโอที่นั่น มีความชื่นชมในลัทธิมาร์กซ์และเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มนายใจ อึ๊งภากรณ์ และตามข่าวที่ปรากฏนั้น นายธนาธรมีความใกล้ชิดกับนายโชติศักดิ์เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยว่า ในช่วงการเคลื่อนไหวไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของคนกลุ่มนี้ได้เงินสนับสนุนมาจากไหนกันแน่ โดยเฉพาะข้อสงสัยที่ว่ามาจากนายธนาธรที่เป็นหลานของนายสุริยะหรือไม่ จึงมีการลงหนังสือพิมพ์ได้อย่างต่อเนื่อง
ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ใครก็ตามที่มีคิดว่าจะนำเสนอตามหลักวิชาการ ด้วยเหตุผลใดๆ ก็แล้วแต่ ต้องเข้าใจว่า สถานการณ์ตอนนี้ล่อแหลมมาก และต้องเข้าใจว่า ในช่วงเวลานี้ ในรัชกาลนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงงานหนักมากตลอดพระชนมายุของพระองค์ และโครงการพระราชดำริมากมาย สร้างประโยชน์คุณูปการมากมายให้กับประชาชนชาวไทย
“ถามว่าความคิดเหล่านี้ที่บอกว่าเป็นความคิดบริสุทธิ์ ทำไปแบบนี้แล้วเกิดประโยชน์อะไร และเกิดประโยชน์กับใคร แล้วอยากจะบอกว่า สิ่งที่เรานำเสนอเป็นการนำเสนอในฐานะคนที่เป็นข่าว บอกเล่าถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่ใช่การปรุงแต่งนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการรายงานในเรื่องของคุณโชติศักดิ์ การรณรงค์ในเว็บ สิ่งที่เกิดขึ้นตามสื่อ แน่นอนว่า สำหรับเราแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้ถือเป็นเหตุการณ์ข่าวใหญ่ ที่คนข่าวจะเพิกเฉยไม่ได้”
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวอีกว่า บทความทางวิชาการของกลุ่มที่บอกว่าเป็นนักวิชาการแล้วไม่เลือกทักษิณ บัดนี้ได้ถูกนำไปใช้กับคนหลายกลุ่มแล้ว ในความคิดคล้ายคลึงกัน คือได้นำไปใช้เป็นเครื่องมือของคนบางกลุ่ม ด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือจะเป็นแนวร่วมหรือไม่ ในใจไม่มีใครรู้ แต่ว่า ณ ช่วงเวลานี้เป็นสถานการณ์ที่เราต้องบอกว่า มันไม่ปกติจริงๆ
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1
( 56 k ) | ( 256 K )
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2
( 56 k ) | ( 256 K )