“สุริยะใส” ย้ำจุดยืน “พลังแม้ว” ต้องขอประชามติก่อนแก้ รธน.เตรียมเกณฑ์ทัพมวลชนนับแสนประท้วง ปฏิเสธดึงสถาบันเบื้องสูงเป็นเงื่อนไขล้มรัฐบาล โยนเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องทำความจริงให้ปรากฏ พร้อมมีมติจัดทำเอกสาร 1 ชุด ส่งตรงถึงนายกฯ ตรวจสอบและหาทางระงับ ขบวนการเคลื่อนไหวนี้โดยเร็ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสุริยะใส กตะศิลา แถลงผลการประชุมพันธมิตรฯ
วันนี้ (30 เม.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวภายหลังที่ประชุมแกนนำพันธมิตรฯ ได้กำหนดท่าที เพื่อการเคลื่อนไหวต่อไป แต่ประเด็นหลักยังอยู่ที่การคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพันธมิตรฯ ขอย้ำจุดยืนต่อรัฐบาล ว่า หากจะเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องจัดทำประชามติก่อน เพราะร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านการทำประชามติ 14 ล้านเสียง และหากประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ขั้นตอนต่อไปต้องทบทวนกระบวนการจัดทำร่างฯ เช่นจัดตั้ง ส.ส.ร.ภาค 3
ทั้งนี้ เหตุผลที่พันธมิตรฯ ออกมาเรียกร้องให้ต้องทำประชามติ ก็เพื่อยกระดับให้การยกร่างรธน.เป็นวาระแห่งชาติ เป็นรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง และจะมาใช้อำนาจฉีกรัฐธรรมนูญง่ายๆ ไม่ได้
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ขณะนี้พันธมิตรฯ ไม่ได้คาดหวังต่อท่าที 5 พรรคร่วมรัฐบาล และถือว่าสัญญาประชาคมที่ได้ไว้ก่อนหน้านี้ 5 ข้อก่อนหน้านี้ เชื่อถือไม่ได้และพันธมิตรฯ จะมีการนัดชุมนุมทันที หากมีการยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญเข้าสู่สภา โดยในระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมระดมมวลชน ผนวกกับโพลล์สำรวจ 60-70% ไม่เห็นด้วยกับแก้ไขรัฐธรรมนูญและคาดว่า จะมีแนวร่วม 3 กลุ่ม ซึ่งผิดหวังกับมาตรการการแก้ปัญหา ศก.การโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม และรัฐมนตรีใช้อำนาจมิชอบเพื่อพวกพ้อง เชื่อว่ามีประชาชนร่วมชุมนุมเกินหลักแสนแน่นอน
นายสุริยะใส ยังกล่าวปฏิเสธว่า พันธมิตรฯ ไม่เคยใช้สถาบันเบื้องสูงมาเป็นเงื่อนไขเพื่อใช้ล้มล้างรัฐบาล แต่เนื่องจากพบว่ามีขบวนการเคลื่อนไหวตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่เป็นระยะๆ อย่างชัดเจนที่ใช้กระทบกระเทียบต่อสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องรับผิดชอบ เพราะกระทบต่อความมั่นคง โดยพันธมิตรฯ ขอแสดงจุดยืนว่าไม่ได้มีเจตนาดึงถาบันเบื้องสูงมาเป็นเงื่อนไขเพื่อล้มล้างรัฐบาล
นอกจากนี้ นายสุริยะใส กล่าวว่า ที่ประชุมพันธมิตรฯ มีมติจัดทำเอกสาร 1 ชุด เพื่อส่งตรงถึงนายกรัฐมนตรีตรวจสอบ ที่เชื่อว่าขณะนี้อาจมีขบวนการเคลื่อนไหวซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสถาบันสูงสุดของประเทศ โดยให้รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบว่ามีอยู่จริงหรือไม่ และจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศอย่างไรหากมีอยู่จริง หรือจะนำไปสู่ความแตกแยก ซึ่งรัฐบาลต้องหาทางตรวจสอบและระงับเรื่องนี้
รายละเอียดคำแถลงของนายสุริยะใส กตะศิลา
"...การเคลื่อนไหวที่อาจนำไปสู่การทำลาย หรือกระทบกระเทือนต่อสถาบันสูงสุดของประเทศ ซึ่งแกนนำได้ชี้เบาะแสและให้ข้อมูลไปก่อนหน้านี้ว่ากระบวนการดังกล่าวมีอยู่จริง มติที่ประชุมที่เป็นประเด็นสำคัญวันนี้ มีทั้งหมด ที่ผมจะแจ้งให้ทราบมี 5 ข้อด้วยกัน
เรื่องที่ 1 คือเรื่องจุดยืนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อสถานการณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรายังยืนยันว่าเราคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกตัวเอง และถ้าจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราอยากเรียกร้องให้รัฐบาลจัดทำประชามติ เพื่อสอบถามความเห็นประชาชนทั้งประเทศว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าสมมุติว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ก็มาสู่ข้อถกเถียงที่ว่าจะใช้กระบวนการแบบไหน ซึ่งคิดว่ากระบวนการแบบ ส.ส.ร.ภาค 1 ภาค 2 ก็น่าจะดีที่สุด ซึ่งอาจจะมีการตั้ง ส.ส.ร. 3 ขึ้นมา นั่นหมายความว่าต้องผ่านการสอบถามประชามติก่อนว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ มีคำถามว่า ทำไมต้องประชามติ ทำไมไม่แก้เลย เหตุผลสำคัญในการเรียกร้องให้มีการลงประชามติก่อน มี 2 เหตุผล 1. คือ ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกยกฐานะเป็นวาระแห่งชาติ คือเป็นวาระของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่วาระ 2 พรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดียุบพรรค หรือคดีอื่น 2. การทำประชามติ ผลของประชามติจะคุ้มครองรัฐธรรมนูญทันที ทำให้การฉีกรัฐธรรมนูญ การล้มล้างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการรัฐประหารที่ท่านนายกฯ เกรงและวิตก หรือหลายฝ่ายเกรง วิตก จะทำได้ยากหรือทำไม่ได้เลย เพราะประชาชนรู้สึกว่า เป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะแก้ไขกี่ครั้งก็ตาม เพราะฉะนั้นเรายืนยันในจุดนี้
เรื่องที่ 2 ท่าทีต่อพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพันธมิตรฯ ได้เรียกร้องให้ 5 พรรคร่วมรัฐบาลแสดงสปิริต แต่มาวันนี้ เท่าที่มีการประเมินท่าทีของพรรคชาติไทยเมื่อวาน เราก็ไม่ได้คาดหวัง 5 พรรคร่วมอีกต่อไป และอยากบอกพี่น้องประชาชนว่า เงื่อนไข 5 ข้อที่พรรคร่วมต่อรองเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล เป็นเงื่อนไขที่เห็นแก่ตัวที่สุด ทั้งๆ ที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤต แต่บางพรรคการเมืองกลับบอกว่า จำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนการกดดันจากด้านนอกไม่จำเป็นต้องรับฟัง นี่เป็นท่วงทำนองที่ผมคิดว่า กำลังจะผลักการเมืองเข้าสู่ทางตัน แล้วกำลังจะบอกให้ประชาชนว่า เผชิญกับวิกฤตการณ์เอาเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ในยามที่วิกฤตแบบนี้เราไม่เห็นสปิริตของฝ่ายการเมืองเลย และเห็นแก่ตัวกัน โดยคาดหวังว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นประโยชน์เท่านั้น ไม่สนใจผลกระทบที่จะตามมา ฉะนั้นพันธมิตรฯ จึงไม่ได้คาดหวัง 5 พรรคอีกต่อไป ส่วนจะลงมติ จะยื่นญัตติเมื่อไหร่ก็รีบทำให้มันชัดเจนสักที เพราะว่าเรื่องนี้ยิ่งยืดเยื้อไม่มีประโยชน์ ผมอยากบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ยื่นสัปดาห์หน้าก่อนปิดสภาไปเลย พวกเราจะได้กำหนดท่าทีที่ชัดเจน
ซึ่งนำมาสู่ข้อที่ 3 คือว่า มติยังเป็นมติเดิม คือ นัดชุมนุมใหญ่ทันที ที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกนำไปเป็นวาระในสภา จะมีการนัดหมายและแจ้งให้ทราบทันทีในเรื่องวันเวลาและสถานที่ในการชุมนุมใหญ่เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญฟอกผิดตัวเอง ซึ่งวันนี้มีการพูดถึงกันมากในเรื่องของการเตรียมการระดมมวลชน ซึ่งเท่าที่มีการวิเคราะห์กันเชื่อว่า แนวร่วมนอกจากไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งดูจากโพลล์ 60-70 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เรามั่นใจว่า จะมีผู้คนเข้าร่วมจำนวนมาก รวมทั้งอีก 2-3 ส่วนที่คิดว่าจะเข้าร่วมกับเรา คือ ส่วนที่ 1 ที่ผิดหวังกับมาตรการและนโยบายในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพสูง อัตราเงินเฟ้อกระทบกับชาวบ้านทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้แรงงาน พนักงานออฟฟิศ หรือแม้กระทั่งเกษตรกรชาวไร่ชาวนาก็ตาม ส่วนที่ 2 คือ ที่เห็นว่า รัฐบาลโยกย้ายข้าราชการประจำไม่เป็นธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เท่าที่มีการตรวจสอบกันตลอดเวลาที่ผ่านมา มีแนวร่วมส่วนหนึ่งเพิ่มมากขึ้น ส่วนที่ 3 คือ ส่วนที่เห็นว่ารัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีหลายๆ คน ซึ่งใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ชอบ เพื่อประโยชน์ต่อพวกพ้องและครอบครัว คนส่วนใหญ่เริ่มรับไม่ได้ และผมเชื่อว่า คน 3 กลุ่มนี้จะเป็นแนวร่วมใหม่ทันทีที่มีการชุมนุม วันนี้มีการประเมินกันว่า หลักแสนก็ไม่เกินที่เราจะระดมมา ซึ่งเป็นการชุมนุมที่อาจจะใหญ่กว่าทุกครั้งที่เราจัดกันมา
เรื่องที่ 4 เรื่องสถาบันสูงสุด นักวิชาการบางส่วน หรือคนในรัฐบาล ทำนองว่า พันธมิตรฯ เอาประเด็นนี้มาเพื่อที่จะใช้เป็นเงื่อนไขในการโค่นล้มรัฐบาล เราบอกเลยนะครับว่า เราไม่ให้ค่ารัฐบาลขนาดนั้น จะอยู่หรือไปประชาชนเขาตัดสิน พอถึงเวลารัฐบาลไม่ชอบ ประชาชนมาเดินขบวนขับไล่ แต่ที่เราจำเป็นต้องพูดในเรื่องนี้ เนื่องจากพบว่ามีขบวนการซึ่งมีการเคลื่อนไหวชัดเจนในขณะนี้ ในการนำไปสู่ผลกระทบที่อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือ กระทบต่อสถาบันสูงสุดของประเทศ ซึ่งขบวนการนี้มีอยู่จริง ส่วนคุณทักษิณหรือคนในรัฐบาลจะรู้เห็นหรือเปล่า เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง แล้วท่านนายกรัฐมนตรีต้องเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งที่ประชุมมีมติจะจัดทำเอกสารขึ้นมาชุดหนึ่ง จะมอบต่อท่านนายกรัฐมนตรีโดยตรงว่า ให้เข้าไปตรวจสอบว่าขบวนการดังกล่าวมีอยู่จริงไหม ถ้ามีอยู่จริงต้องตรวจสอบต่อว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ถ้าเป็นภัยต่อความมั่นคง นำไปสู่ความแตกแยก รัฐบาลต้องหาทางระงับ เพราะถ้าเราไม่พูดเลย ขบวนการดังกล่าวจะลุกลามบานปลายถึงขนาด เรื่องของธงชาติก็ชัดเจน ซึ่งเราไม่อยากให้กรณีความจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุด กลายเป็นเงื่อนไขของคนในบ้านเมืองนำไปอ้างแล้วทำให้เกิดการเผชิญหน้า พันธมิตรฯ ไม่มีเจตนาแบบนั้น เราจะระมัดระวัง ที่ประชุมพูดกันมากว่า ถ้าพูดในประเด็นที่เกี่ยวโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ไม่ให้ถูกโจมตีจากอีกฝ่าย หรือถูกกล่าวหาว่าอ้างสถาบัน อะไรทำนองนี้ ซึ่งเราอยากแจ้งว่า ทั้งหมดทั้งมวล การเคลื่อนไหวยังอยู่ที่ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ ประเด็นหลัก ประเด็นอื่นเป็นแค่ปรากฏการณ์เฉพาะช่วงเท่านั้น
วีระ สมความคิด
พรุ่งนี้ 11.00 น. ผมจะไปดำเนินคดี ไปแจ้งความกล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ไปกระทำการเหยียดหยาม แล้วไปกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ.2522 ที่มีข้อความเป็นตัวอักษรบนผืนธงชาติ หรือธงไตรรงค์ เพราะการกระทำอย่างนี้เกิดขึ้น นิตยสารสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เผยแพร่ ก่อนหน้าที่ภาพข่าวทางหนังสือพิมพ์มติชนได้นำมาเปิดเผยเมื่อวานนี้ ที่เราพบ มติชนฉบับเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ข่าวสด ฉบับวันนี้ จะพบว่า มันมีการละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับธงชาติ หรือธงไตรรงค์ มาโดยตลอด และก่อนหน้านี้จะมีธงชาติที่ปรากฏเครื่องหมายของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ เดินทางมาที่ประเทศไทย อย่างนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ คุณทักษิณในฐานะประธานสโมสร คุณทักษิณทราบมาโดยตลอดครับ แต่คุณทักษิณไม่เคยที่จะแสดงต่อสาธารณะแต่อย่างใดเลยครับ ว่าคุณทักษิณไม่เห็นด้วย และคุณทักษิณได้ห้ามปรามการกระทำดังกล่าว ไม่เคยปรากฏเลยครับ
ถาม - (เสียงไม่ชัด)
สุริยะใส - ในสิ่งที่กังวล ปัญหาที่ว่าเราช่วยกันปลดเงื่อนไขนี้ได้ไหม ซึ่งเราต้องยอมรับความจริง เงื่อนไขการเผชิญหน้ารอบใหม่ คือเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดคนในรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่คิดว่าเป็นเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความแตกแยก ทุกฝ่ายเตือนแล้วนะครับ เราได้เตือนแล้วว่า ทำประชามติ และให้มี ส.ส.ร.3 ถ้าทำแบบนั้นได้ เงื่อนไขที่ว่าก็หายไป แต่นี่ยิ่งไปกระตุ้น ท่าทีพรรคร่วมรัฐบาล พรรคชาติไทย เมื่อวาน หรือแม้แต่ซุ่มเสียงเพื่อแผ่นดินที่เริ่มชัดขึ้น มันเห็นชัดเจน
ถาม - (เสียงไม่ชัด)
สุริยะใส - ขอดูอีกดี สถานการณ์ตรงนั้นคงต้องประเมินอีกที
วีระ - ผมขอเสริมนิดนะครับว่า เงื่อนไข ไม่ใช่เป็นเงื่อนไขที่พันธมิตรเป็นคนสร้าง เพราะเงื่อนไขนี้มันมาจากการพยายามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตัวเอง แล้วก็พรรคร่วมรัฐบาลที่ไปกระทำการทุจริตการเลือกตั้ง ถ้าเขาหยุด พันธมิตรฯ คงไม่ไปชุมนุมอะไรเลย เราคงเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้เลย เราไม่มีความชอบธรรมในการดำเนินการอย่างนั้น แต่ถ้ารัฐบาลจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญโดยไม่ฟัง เราคงต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย แล้วสิทธิ์ที่คุณสุริยะใสพูดเมื่อสักครู่ สิทธิ์ในการปกป้องตัวเอง เราใช้เพียงแค่ ปกป้องตัวเองตามสมควรแก่เหตุ เราจะไม่ปกป้องตัวโดยไปละเมิด ไปบุกทำร้ายก่อน ไม่ใช่ครับ สิทธิ์ในการปกป้องตัวเองไม่ให้เขาเข้ามาทำร้าย ตามสมควรแก่เหตุ ตามกฎหมายที่ได้อนุญาตเอาไว้ เราจะไม่ทำอะไรที่ละเมิดกฎหมาย
สุริยะใส - ผมมีประเด็นนิดหนึ่ง เป็นเรื่องส่วนตัวนิดหนึ่ง คอลัมน์ข่าวข้นคนเข้ม ข่าวสดฉบับวันนี้ ของคุณพญาไม้ หรือคุณเผด็จ พูดถึงผม ด้วยความห่วงใย หรือด้วยความรักหรือเปล่าก็ไม่ทราบ สภากาแฟไทย ถ้าสุริยะใส กตะศิลา จะขอทำประกันชีวิต บริษัทจะรับหรือไม่ จะคิดค่าป่วยราคาไหน หรือจะไล่พนักงานรับประกันออกหน้าที่ มุมน้ำเงิน ต่อ 2 เอา 1 ไม่มีใครรับประกัน ข่าวอะไรก็ไม่รู้นะครับ ตายเพราะถูกฆ่า ลูกผู้ชาย คือมันสะท้อน คือผมไม่ได้โกรธและไม่ได้กลัว แม้จะเป็นการข่มขู่ผมก็ไม่ได้กลัว ต้องบอกคุณเผด็จ ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว และไม่เคยมีเรื่องอะไรกัน แต่ผมคิดว่าผมใจกว้างพอที่จะรับฟังความเห็นของหลายฝ่าย หรือคนที่ไม่เห็นด้วยกับผม แต่วิธีการแบบนี้มันเป็นวิธีการข่มขู่คุกคาม ผมไม่ไปฟ้องที่ไหน แต่อยากบอกสังคมว่า เรามีสื่อมวลชนประเภทนี้อยู่เยอะ คุณเผด็จจะรักจะชอบคุณทักษิณก็เป็นเรื่องของคุณเผด็จ คุณพญาไม้ แค่ว่าการเขียนแบบนี้ ผมคิดว่ามันน่าสมเพช ท่านก็อายุมากแล้วผมอยากให้ทำอะไรสร้างสรรค์หน่อย ท่านมีสิทธิ์เต็มที่จะรักจะชอบคุณทักษิณ แต่ไม่ควรมาใช้ท่วงทำนองแบบนี้ หรือจับปากกาแล้วฆ่าคนแบบนี้