“ยามฯ” หวั่นกองทัพระส่ำจี้ “หมัก” แจงคืนยศ “ลูกเหลิม” - เชื่อพรรคร่วมเสียงแตกแก้ รธน.สำเร็จยาก

“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้ “หมัก” คืนยศ “ลูกเหลิม” ตอกย้ำรัฐบาล “พลังแม้ว” ทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง หวั่นทำกองทัพระส่ำ จี้ รมว.กลาโหมแจงความจริง เผย 3 สมรภูมิ กลุ่มผู้รักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่อสู้กับทุนสามานย์ “ทักษิณ” เชื่อแก้ รธน.สำเร็จยาก เหตุรวมเสียงไม่ครบ โดนกระแสประชาชน-นักวิชาการต้านหนัก

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ  ช่วงที่ 1 
 
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ  ช่วงที่ 2


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 24 เมษายน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย ตอบกระทู้ถามสดของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กรณีการคืนยศทหารให้กับ นายดวง อยู่บำรุง ซึ่งเป็นบุตรชายว่า จำได้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวันที่ 23 เมษายน ว่าจะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็ต้องมาพูดอีกและเชื่อว่า ต้องตอบคำถามเดียวกันนี้อีกต่อไปอีกไม่รู้กี่ครั้ง หากยังไม่สามารถตอบข้อเท็จจริงกับสังคมได้

ทั้งนี้ เริ่มเห็นด้วยกับข้อเสนอของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่เรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และตำรวจ ให้ช่วยไปจับ “ไอ้ปื้ด” ที่ ร.ต.อ.เฉลิมอ้างว่าเป็นมือปืนยิง ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุติ หรือ ดาบยิ้ม มาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ หน้าตาไอ้ปื้ดเป็นอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม รู้แน่ ที่สำคัญยังเป็นคนที่ไปเที่ยวกับนายดวง อย่างน้อยหน้าตาเป็นอย่างก็ต้องรู้ จะเงียบหายคงไม่ได้

**จี้ “หมัก” ย้อนดูผลสอบ ไขข้อสงสัยประชาชน

ผู้ดำเนินรายการยังตั้งข้อสังเกตถึงการร้องขอกลับเข้ารับราชการของบุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม ว่า ทำไมไม่ร้องขอกลับมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ทำไมเลือกกลับมาตอนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ผู้ซึ่งเป็นพ่อได้ดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ขณะเดียวกันเมื่อดูเหตุผลการออกจากราชการของนายดวงเป็นการถูกถอดยศออกโดยใช้มติกระทรวงกลาโหม ไม่รู้ว่าแท้จริง นายดวงออกเพราะขาดราชการหรือถูกปลดออกก่อนตามที่ ร.ต.อ.เฉลิมอ้าง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้องรับผิดชอบด้วยการสืบค้นหลักฐานจากเอกสารทางราชการ เพื่อไขข้อเท็จจริง

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า กรณีนี้ยังไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของประชาชน ทำไมหลายปีที่ผ่านมา นายดวง ไม่ร้องขอกลับเข้ารับราชการก่อนที่ ร.ต.อ.เฉลิม เป็น รมว.มหาดไทย ซึ่งหากเลือกที่จะกลับเข้ามาก่อนประชาชนจะมีความคลางแคลงใจน้อยกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้มาก ที่สำคัญการกระทำของ ร.ต.อ.เฉลิม ยังเป็นตราบาปไปถึงลูก มันไม่เรื่องความถูกผิด แต่เพียงเพราะสังคมมองอย่างไร ประเด็นเล็กๆเช่นนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่กลายเป็นประเด็นทำให้สังคมเข้าใจไปในทำนองว่า รัฐบาลนี้ทำอะไรก็ได้เพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง

“อย่าลืมว่า ต้นทุนของ ร.ต.อ.เฉลิม จะมีเท่าใดก็แล้วแต่ แต่อย่างน้อยจุดเริ่มต้นของเว็บไซต์ไฮทักษิณซึ่งเป็นคนที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ คนพวกนี้ไม่เอา ร.ต.อ.เฉลิม ขณะเดียวกันคนเหล่านี้ยังฝังใจและไม่แน่ใจว่า คะแนนเสียงที่ได้น้อยนิดในกรุงเทพฯ ของพรรคพลังประชาชน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ร.ต.อ.เฉลิม ใช่หรือไม่ ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิม จะทำอะไรก็ทำไปหากคิดว่าเป็นผลดี แต่ความคิดจะเป็นเอกภาพในหมู่ประชาชนหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตอบเอง”

**หวั่น “ลูกดวง” ทำกองทัพระส่ำ แนะเปิดโปงความจริง

ผู้ดำเนินรายการ ยังเรียกร้องให้กองทัพรักษาชื่อเสียงและเกียรติภูมิของตัวเอง ไม่ใช่นึกจะรับใครกลับเข้ารับราชการโดยไม่สนใจข้อครหาของสังคม กองทัพจะเกิดความระส่ำระสายแน่ หากไม่ทำเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด โดยเฉพาะทั้งรัฐมนตรี และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องรีบดำเนินการ อย่าปล่อยให้ประชาชนเกิดความสงสัย ที่สำคัญเชื่อว่าไม่เกิน 3 วันนี้ จะมีคนนำเอกสารออกมาเปิดเผยอย่างแน่นอน

ผู้ดำเนินรายการ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์เป็นนัยเตรียมยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกตั้งใหม่หลังแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ พร้อมท้าทายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยจะเปิดเผนคนอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว ว่า หากจะถามว่าใครออกเงินให้ สามารถตรวจสอบได้ มีรายชื่อ มีกล่องบริจาคสามารถตรวจสอบได้

กรณีที่จะยุบสภาหลังแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จนั้นเป็นการย้ำเจตนารมณ์ที่ผ่านมาของนายสมัคร ที่ชัดเจนว่าแก้รัฐธรรมนูญเพื่ออะไร ขณะเดียวกันยุบหากแก้สำเร็จแล้วมีการเลือกตั้ง ใครจะได้ใครเสียก็เห็นได้อย่างชัดเจน

** 3 สมรภูมิ กลุ่มรักชาติสู้ระบอบทักษิณ

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองขณะนี้ว่า เมื่อมองโดยภาพรวมเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคนกลุ่มนี้ คือกลุ่มที่ไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเป็นกลุ่มที่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 มีประมาณ 14-19 ล้านเสียง กับอีกกลุ่มที่เรียกว่าระบอบทักษิณ หรือทุนสามานย์ มีกลุ่มต่อต้านศักดินา หรือกลุ่มที่เรียกร้องประชาธิปไตยแบบมหาประชาชนหรือประชาธิปไตยเฉยๆ มีอยู่ประมาณ 10-12 ล้านเสียง

ทั้ง 2 ระบอบนี้มีการต่อสู่ในกัน 3 สมรภูมิ คือสมรภูมิกระบวนการยุติธรรม สมรภูมิกองทัพ และสมรภูมิมวลชน โดยสมรภูมิที่เราต้องการเห็นคือการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีศาลเป็นคนกลางตัดสินคดีความต่างๆ โดยมีคดีสำคัญๆ ในขณะนี้คือคดีเลือกตั้งและคดีทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งทางฝ่ายระบอบทักษิณพยายามต่อสู้โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งจะเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญทำให้อำนาจตุลาการทำหน้าที่ไม่ได้ และเกิดการเสียดุลยภาพทางอำนาจครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตาม ในสมรภูมิแรกนี้ ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องแก้โดยรัฐสภา ซึ่งก็ยังมีอุปสรรคสำคัญคือพรรคพลังประชาชนยังไม่สามารถรวบรวมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลให้เกินกึ่งหนึ่งได้ ส่วนการดึงเอาเสียง ส.ว.จากการเลือกตั้งเข้ามารวมก็ยังไม่มีความแน่นอน ดังนั้นแม้ว่าพรรคพลังประชาชนจะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และไม่ให้ลงประชามติ เพื่อให้ทันก่อนตัดสินยุบพรรค ขณะเดียวกันก็มีกระข่าวว่ามีความพยายามจะยื้อคดียุบพรรคในส่วนของพรรคพลังประชาชนออกไปอย่างน้อย 10 เดือน เพื่อให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จก่อน แต่อุปสรรคก็ยังมากอยู่ดี เพราะถูกกดดันจากเสียงเรียกร้องให้ทำประชามติ และการเข้าชื่อถอดถอน ส.ส.ที่ลงชื่อสนับสนุนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกัน มีนักวิชาการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านมากขึ้น เพราะยอมรับไม่ได้กับการแก้กฎหมายเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ดีไม่ดีอาจจะไม่สามารถแก้ไขได้เลย เพราะข้อขัดข้องทางกฎหมายหลังจากประชาชนเข้าชื่อถอดถอน เพราะฉะนั้นเชื่อว่า ถ้าประชาชนยังหนักแน่น เชื่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำไม่สำเร็จ

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า แม้รัฐบาลพยายามใช้อำนาจโยกย้ายราชการกดดันองค์กรอิสระอย่างหนัก เพราะไม่มั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะพ้นผิดหรือไม่ โดยหวังว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณชนะคดีแรก คือคดีที่ดินรัชดา ก็จะถือว่าชนะเลย อย่างไรก็ตาม ยังมีคดีอื่นๆ ที่ คตส.เตรียมฟ้องเองอีก 2-3 คดี

โดยสรุปสมรภูมิตรงนี้ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะแพ้ อีกด้านหนึ่ง จึงเห็น พ.ต.ท.ทักษิณเดินสายไปอีสาน โดยอ้างว่าไปทำบุญให้ครบ 99 วัด แต่ดูเหมือนไปตรวจสอบขุมกำลังของตัวเอง จึงเท่ากับกว่า กำลังจะเข้าสู่สมรภูมิของมวลชน ซึ่งในกลุ่มของระบอบทักษิณมี 10-12 ล้านเสียง แต่ก็มีเอ็นบีทีวี ฟรีทีวี วิทยุคลื่นหลักสนับสนุนอยู่สามารถขยายมวลชนและกดดันกระบวนการยุติธรรมได้ และยังใช้มวลชนกดดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอาจจะสามารถสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนระบอบได้ ส่วนมวลชนคนไม่เอาทักษิณนั้น แม้จะมี 14-19 ล้านเสียง แต่มีข้อจำกัดเรื่องทรัพยากร เงิน สื่อที่ทำได้อย่างจำกัด

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า ขณะที่มีการท้าทายของ 2 ระบอบนี้ มีคำถามต่อสมรภูมิกองทัพว่า ยังเห็นความสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอยู่หรือไม่ และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีที่อ้างว่ามีเลือดสีน้ำเงินยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่

เมื่องทางฝ่ายรัฐบาลจะเห็นว่ามีทั้งอำนาจ ตำแหน่ง ผลประโยชน์ ขณะที่ฝ่ายยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีเครื่องมือน้อยกว่า อีกฝ่ายมีอำนาจรัฐ มีสื่อ มีข้าราชการ มีโอกาสขยายมวลชนกินไปทั้งหมด จนมวลชนอีกฝั่งหนึ่งเล็กลงๆ ถ้ากองทัพอยู่กับที่ สถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน และกระบวนการยุติธรรมก็จะเล็กลงด้วย

ทั้งนี้ หาก พ.ต.ท.ทักษิณแพ้ในสมรภูมิกระบวนการยุติธรรม เกมมวลชนจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้น

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวอีกว่า ทหารจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีกนานแค่ไหน คนไม่ยืนทำความเคารพเพลงสรรเสริญฯ คนเรียกร้องไม่ให้มีองคมนตรี คนที่กล้าถวายฎีกาคัดค้านในหลวงแต่งตั้งองคมนตรี จะเกิดขึ้นอีกเท่าไหร่ กองทัพอยู่ได้อย่างไร เราไม่ต้องการการรัฐประหาร แต่คิดว่าประเทศไทยมีเดิมพันสูง ถ้าประชาชนอยู่เฉยๆ เป็นพลังเงียบ ทำมาหากินกันไป ประเทศไทยจะถึงจุดจบ และไม่เหลืออะไร

อย่างไรก็ตาม หาก พ.ต.ท.ทักษิณเอาชนะในสมรภูมิกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ ก็อาจจะไม่กล้าสู้ในสมรภูมิของมวลชน ดังนั้นความหวังของเราจึงยังอยู่ที่ภาคประชาชนที่เราจะขยายมวลชนขึ้นมา และพึ่งพาตัวเราเอง ซึ่งจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ไม่ได้

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1
( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2
( 56 k ) | ( 256 K )