xs
xsm
sm
md
lg

อดีต ส.ส.ร.วอน ส.ส.พรรคร่วมถอนตัว ยับยั้ง รธน.ฟอกมาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชมรม ส.ส.ร.ปี 50 ร่อนแถลงการณ์เรียกร้อง 5 พรรคร่วมรัฐบาล วางตัวเป็นอิสระ ไม่ยึดมติพรรคการเมืองเข้าชื่อถอนตัว ช่วยกันยับยั้งร่าง รธน.ฉบับฟอกมาร หวั่นบ้านเมืองลุกเป็นไฟ จี้ กกต.-อัยการ เร่งสรุปสำนวนส่งศาล รธน.ตีความสางคดียุบพรรค

วันนี้ (29 เม.ย.) ที่รัฐสภาชมรม ส.ส.ร.ปี 50 ที่มี นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานชมรม ส.ส.ร.ประมาณ 15 คน ได้ร่วมกันหารือเกี่ยวกับการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือกว่า 2 ชั่วโมง ภายหลังการประชุม นายเสรี แถลงว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญของส.ส.ฝ่ายรัฐบาลชัดเจนว่า เป็นการแก้เพื่อตัวเองให้พ้นจากกระบวนการยุติธรรมที่กำลังพิจารณาการยุบพรรค โดยมีสมาชิกบางคนกำลังถูกพิจารณาถูกเพิกถอนสิทธิ จึงต้องการแทรกแซงองค์กรอิสระ รวมถึงการปรับเปลี่ยนให้อัยการสูงสุดไม่ให้เป็นอิสระตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ ซึ่งการขอแก้ดังกล่าวทำให้เกิดความแตกแยกในทางความคิด ในหมู่ประชาชน นักวิชาการและนักการเมือง ซึ่งจะลุกลามไปสู่ความแตกแยกที่รุนแรง โดยสาเหตุสำคัญมาจากความล่าล้าและความไม่ชัดเจนของกระบวนการพิจารณาของ กกต.และอัยการสูงสุด ซึ่งชมรม ส.ส.ร.เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องไม่เป็นการแก้เพื่อตัวเอง

“ชมรม ส.ส.ร.50 ขอเรียกร้องให้ ส.ส.ทุกคนโดยเฉพาะ ส.ส.5 พรรคร่วมรัฐบาล ขอให้ทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยและตัดสินใจในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่เป็นการแก้เพื่อตัวเอง ขอให้พิจารณาด้วยความเป็นอิสระ ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือครอบงำใดๆ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์และขอให้พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค ช่วยกันยับยั้งการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง หรือขอให้ถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข 5 ประการที่เคยให้คำมั่นสัญญากับประชาชนก่อนเข้าร่วมรัฐบาล” นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดความแตกแยกของประชาชนให้ขยายวงมากขึ้น และเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงขอเรียกร้องให้ กกต.และอัยการสูงสุดเร่งรัดวินิจฉัยปัญหาคดีที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการยุบพรรค และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยหาข้อยุติต่อไป เพื่อให้ทราบผลที่มีความชัดเจนโดยเร็ว ทางชมรม ส.ส.ร.50 เชื่อว่า ปัญหาดังกล่าวมีความชัดเจนโดยเร็วจะแก้ปัญหาความแตกแยกของประชาชนและจะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังดำเนินการนั้นจะไม่ถูกกล่าวอ้างเพื่อแก้ไขให้ตัวเองได้ประโยชน์ ทั้งนี้ทางชมรม ส.ส.ร.50 จะใช้นิติธรรมในการดำเนินการต่อผู้ทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ

นายเสรี กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ทางชมรม ส.ส.ร.50 ก็จะเปิดเวทีสาธารณะในแต่ละจังหวัดเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน และล่ารายชื่อเพื่อให้รัฐบาลเห็นว่ายังมีคนอีกหลายล้านคนไม่เห็นด้วย โดยจะเชิญอดีต ส.ส.ร.ในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศมาหารือ เพื่อเตรียมการจัดกิจกรรมดังกล่าวต่อไป เมื่อถามว่า การเรียกร้องให้ ส.ส.ทั้ง 5 พรรคถอน เพราะต้องการให้สลายขั้วและจับขั้วรัฐบาลใช่หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า เราไม่คิดไปไกลถึงขนาดนั้น แต่ต้องการให้สติ ช่วยกันยับยั้ง แต่ไม่มีเจตนาให้เปลี่ยนขั้ว เพราะหากไม่เกิดปัญหาก็สามารถมาจับขั้วได้เหมือนเดิม

ขณะที่ นายวัชรา หงส์ประภัศร อดีต ส.ส.ร.กล่าวว่า วิธีการที่เป็นไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญนั้นในมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ระบุว่า การห้ามล้มล้างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ และในวรรคสองกำหนดว่าถ้ามีการกระทำดังกล่าวผู้ที่ทราบถึงการกระทำสามารถยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนั้น การยกเลิกกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการยุบพรรคถือว่าเข้าข่ายการได้มาซึ่งอำนาจรัฐที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ ซึ่งประชาชนเพียงคนเดียวก็สมารถยื่นเรื่องให้ตามมาตรา 68 วรรคสองได้ เมื่อถามว่า หาก ส.ส.รัฐบาลยังเดินหน้ายื่นญัตติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญทางชมรมส.ส.ร.50จะดำเนินการตามมาตรา 68 วรรคสองหรือไม่ นายวัชรา กล่าวว่า ทาง ส.ส.ร.จะขอปรึกษาหารือกันก่อน

ด้าน นายเกียรติชัย พงษ์พานิชย์ อดีต ส.ส.ร.กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้มีความพยายามแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ว่าจะพยายามหาเหตุผลใดๆ ก็หนีไม่พ้นเกินข้อเท็จจริงที่ว่า แก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้สิ่งที่เกิดขึ้น แก้ตัวให้พ้นไปจากความผิดของตนเอง แก้เพื่อตัวเอง มากกว่าผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ รัฐธรรมนูญทุกฉบับพยายามสร้างหลักนิติรัฐ การแก้ไข คือ พยายามเบี่ยงเบนนิติรัฐ ซึ่งรับไม่ได้ และความพยายามนี้ยังก่อเกิดให้ความแตกแยกในสังคมไทยมาก มีสิ่งบอกเหตุการณ์เผชิญหน้าท้าทาย นำไปสู่ความรุนแรง ขอเรียกร้องทุกฝ่ายใช้ความเป็นเหตุเป็นผล มากกว่าบิดพลิ้วหลักนิติรัฐ กลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาอย่างดีในการดำเนินการ ไม่นำไปสู่ความแตกแยกในสังคม และชมรม จะออกมาเพื่อให้ความรู้ความคิดความถูกต้องชัดเจนต่อสาธารณชน ว่าควรหรือไม่ควรแค่ไหนในการเสนอแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ เรียกร้องให้ทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่ทำสิ่งที่ถูกใจตัวเองเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น