“พันธมิตรฯ” ประกาศเดินหน้าไม่มีถอย ค้านแก้รัฐธรรมนูญปี 50 แบบเบ็ดเสร็จ ลั่นดื้อแพ่งดันเข้าสภาเมื่อไหร่ ชุมนุมใหญ่แน่นอน ชี้หากจริงใจแก้เพื่อประชาชน ควรทำประชามติเสียก่อน เตือนสติพรรคร่วมรัฐบาลอย่าหลงเล่ห์พลังแม้ว เพียงเพราะผวายุบพรรค กลายเป็นเครื่องมือช่วยล้างมลทินแม้วและพวกพ้อง
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบไปด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีสัมมนาประชาชน-ติดอาวุธทางปัญญา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ ครั้งที่ 2” โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ที่ประชุมของพันธมิตรฯ ได้ประเมินสถานการณ์เห็นว่าขณะนี้มีปรากฏการณ์หลายเรื่องที่จะพยายามจะมาล้มล้างสถาบันที่เราเคารพรักถูกทำลาย ถ้าประชาชนไม่ออกมาช่วยใครจะออกมา และเรื่องนี้การทำลายสถาบันที่เราเคารพรัก จนถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรอไม่ได้อีกแล้ว เพราะมีพันธมิตรฯในต่างจังหวัดรอชุมนุมอยู่ พวกที่จ้องทำลายองคมนตรี คือพวกเดียวกันกับพวกที่จ้องแก้รัฐธรรมนูญ
ด้าน นายสนธิ กล่าวว่า กลุ่มนี้พยายามตลอดเวลาที่จะแก้รัฐธรรมนูญ และเป็นการพยายามเพื่อตัวเอง ซึ่งพวกเขาไม่ฟังเสียงของประชาชน 14 ล้านเสียงที่ลงประชามติไป ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับมาตรา 239 และ 309 แต่ไม่เป็นประเด็นที่ใหญ่ที่สุด เราเพียงแค่เรียกร้องขอให้ผ่านกระบวนการประชามติเสียก่อน แล้วค่อยมาดูว่าจะแก้กันตรงไหน แต่การดึงดันโดยไม่ฟังเสียงใครเลย ยิ่งทำให้พรรคพลังประชาชนแก้รัฐธรรมนูญ เป็นการแก้ปัญหาให้ตัวเอง หากวันไหนที่จะผลักดันเข้าสภา วันนั้น พันธมิตรฯจะประกาศชุมนุมทันที และประกาศให้ประชาชน 14 ล้านเสียงรู้ว่าเราชุมนุมอย่างสันติ และอหิงสา
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของเขาไม่ได้ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ ซึ่งตนขอฝากไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค อยากจะเตือนสติ การที่จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการทำลายหลักรัฐธรรมนูญของประเทศ เพราะเพิ่งได้รัฐธรรมนูญมา
ด้านนายพิภพ กล่าวว่า การพิจารณารัฐธรรมนูญกำลังจะบานปลาย ถ้าไม่ระวังสถานการณ์เช่นนี้อาจจะลามไปถึงองคมนตรี ซึ่งจะทำให้เกิดวิกฤติใหญ่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ของรัฐบาลชุดนี้ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามามีอำนาจในสังคมไทย ตนคิดว่าพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลควรจะถอนตัว และไม่ควรร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดสถานการณ์วิกฤติครั้งใหญ่
“อยากถามว่าทำไมไม่กล้าทำประชามติ แต่กลับกล้าที่จะยุบสภา อยากบอกว่าการทำประชามติกับการเลือกตั้งเป็นคนละเรื่องกัน อยากให้นายกรัฐมนตรี(นายสมัคร สุนทรเวช) ต้องแยกให้ชัด และประชาชนอย่าไปหลงที่นายกรัฐมนตรีพูด จะทำให้ไขว้เขว” นายพิภพ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวว่า อยากจะพูดอย่างหนักแน่นก่อนที่การชุมนุมจะเกิดขึ้น จะเห็นว่ารัฐบาลทำตัวเป็นสิ่งปฏิกูลในสภา และกำลังจะเดินหน้าทำภารกิจ 2 อย่าง คือ 1.ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องพ้นจากคดี 2.ให้ระบอบทักษิณฟื้นชีพ และให้ระบบองค์กรอิสระอ่อนแอ โดยสร้างตัวประกันขึ้นมา 3 ตัวประกัน 1.ใช้ประชาชนรากหญ้าเป็นตัวประกัน 2.ใช้ที่พรรค 3 พรรคที่กำลังจะถูกยุบ และ 3.รัฐบาล ทั้ง 3 ตัวประกันที่กำลังจะนำไปสู่วิกฤิตแห่งชาติ
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาาสตร์ เพราะได้ให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง โดยได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงศักดินาอย่างสาดเสียเทเสีย จึงเป็นการที่น่าสะพรึงกลัว และมีสถานีโทรทัศน์บางช่องที่มีเจตนาร้ายดำเนินการโดยฉายสารคดีโค่นล้มระบอบพระมหากษัตริย์เนปาล อย่าบอกว่าเป็นการก้าวล่วง
“ผมไม่อยากจะพูดว่า 14 ตุลา และพฤษภาทมิฬ มีคตนไปเผากรมประชาสัมพันธ์ อยากจะบอกว่าสถานีทีวีช่องนี้โปรดเตรียมตัวให้ดี ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าประชาชนเป็นเจ้าของ และผู้เสียภาษีประมาณล้านคนจะลุกขึ้นมา และการที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ตัดสินใจชุมนุม เป็นการสัประยุทธทัพครั้งสุดท้าย เดินหน้าไม่ถอย” สมเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสัมมนาครั้งนี้จะเป็นการสัมมนาครั้งสุดท้ายหรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ในส่วนของตน ก็จะมีการปาฐกถาให้ความรู้ ซึ่งในขณะเดียวกันจะดูว่ารัฐบาลจะมีสติในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติหรือไม่ แต่ถ้าไม่มี การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะทำอย่างไรกับม็อบที่ต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะจองล้างจองผลาญพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ถ้าเขาจะทำอะไร แล้วเราจะปล่อยให้เขาทำงั้นหรือ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาเราชุมนุมให้เห็นว่าเราไม่เคยทำให้เกิดความวุ่นวาย จะเห็นว่ารัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอาจจะให้ลูกน้องของตนจัดม็อบมาชุมนุมก่อกวนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีการพิจารณา และประเมินสถานการณ์ในแต่ละครั้ง เพราะเรามีประสบการณ์มาแล้ว