“อังคณา” อัดยับรัฐบาลมองข้ามหัว ปชช.โหมแก้ รธน.เพียงเพื่อให้พ้นผิดโดยไม่คิดแก้วิกฤตชาติ พร้อมกระตุ้นสังคมไทยรวมใจต้านหากไม่มีการทำประชาพิจารณ์ เย้ย รบ.บ้อท่า ทั้งที่เป็นตัวการจุดชนวนไฟใต้ด้วยตัวเอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นางอังคณา นีละไพจิตร อภิปราย "แก้รัฐธรรมนูญ 50 เพื่อใคร? ประชาชนได้อะไร"
คลิก! ชม อภิปราย“แก้รัฐธรรมนูญ 50 เพื่อใคร? ประชาชนได้อะไร” (1)(56K) |(256K)
คลิก! ชม อภิปราย“แก้รัฐธรรมนูญ 50 เพื่อใคร? ประชาชนได้อะไร” (2)(56K) |(256K)
นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาทนายสมชาย และประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ในฐานะอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวระหว่างการอภิปราย “แก้รัฐธรรมนูญ 50 เพื่อใคร? ประชาชนได้อะไร” บนเวทีสัมมนา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศษสตร์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ถึงกรณีที่รัฐบาลเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่ได้เห็นพี่น้องประชาชนออกมาร่วมแสดงพลังในการมีส่วนร่วมการปกครองชาติบ้านเมือง ซึ่งตรงนี้นี่เอง คือ การเมืองภาคประชาชน แต่เมื่อ 4-5 ปี ที่ผ่านมา สังคมไทยมีความแตกแยกอน่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนยากที่จะทำให้คนไทกลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเหมือนในอดีต โดยเฉพาะกรณีเหตุการณ์หลัง 19 ก.ย. สังคมไทยมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาต่อต้านการทำรัฐประหาร และไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน
“วันนี้สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกแยก คือ คนที่เสียอำนาจ ซึ่งเขาพยายามที่จะกลับเข้ามาทวงคืนอำนาจกลับไปเพื่อพวกพ้องของตัวเอง ทำให้คนไทยได้รับบทเรียนซึ่งก็คือ ระบอบอำนาจที่ไม่ชอบธรรม และวันนี้คนเหล่านั้นกำลังกลับเข้ามาใช้อำนาจข่มเหงประชาชนเหมือนในอดีตเช่นเดิม จึงอยากถามว่า คนที่นำการปฏิวัติ กับคนที่ใช้อำนาจเผด็จการนั้น ใครทำร้ายประชาชนมากกว่ากัน” นางอังคณา กล่าว
นางอังคณา กล่าวอีกว่า ในยุคของการปฏิวัติยังมีตัวแทนของประชาชน แต่รัฐบาลชุดนี้ดื้อดึงไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยไม่ยอมให้มีการทำประชาพิจารณ์ก่อนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ทั้งๆ ที่อดีต ส.ส.ร.นั้นไม่ได้ร่างกฎหมายยึดติดกับรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว เพราะยังมีบทเฉพาะกาล คือ สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ และยังเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถยื่นรายชื่อโดยตรงเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านสภา
“สังคมไทยต้องไม่ยอมให้คนที่กระทำความผิดมาแก้กฎหมายเพียงเพื่อให้ตัวเองพ้นโทษ เพราะจะทำให้ระบบนิติรัตน์ถูกทำลาย เราก็จะไม่มีอะไรให้พึ่งพิงได้ในอนาคต ที่สำคัญ คือ รัฐธรรมนูญปี 2540 นั้น พยายามสร้างพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง แต่พรรคการเมืองเอง กลับทำให้ประชาชน รวมทั้งองค์กรอิสระอ่อนแรง รัฐบาลจึงทำอะไรก็ได้โดยไม่ฟังเสียงใคร จึงไม่มีความชอบธรรมในรัฐธรรมนูยฉบับนั้น” นางอังคณา ระบุ
ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ กล่าวอีกว่า ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะดีขนาดไหน และถูกใจพี่น้องประชาชนทุกคน แต่จะทำอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนทุกคนอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งก็คือ รัฐบาลเท่านั้นที่จะต้องฟังประชาชนอย่างกว้างขวาง และต้องผ่านการทำประชามติของประชาชน ดังนั้นใครก็ตามที่จะฉีกรัฐธรรมนูญ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับฟังประชาชนอย่างกว้างขวาง ซึ่งจริงๆ แล้วรัฐธรรมนูญแก้ไขได้ แต่ต้องลองใช้ดูก่อนที่จะมีการแก้ไข
“แปลกใจที่รัฐบาลเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง แต่กลับกุลีกุจอที่จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่เอาใจใส่ปัญหาที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าครองชีพ ราคาน้ำมันแพง รวมทั้งราคาค่าข้าวสารที่กำลังพุ่งสูงขึ้น แล้วประชาชนจะอยู่ได้อย่างไร อีกทั้งเขาไม่เคยใส่ใจที่จะลงไปแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลเป็นคนจุดเชื้อไฟด้วยตัวเอง ดังนั้นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น สามารถบอกได้เลยว่าทำไมเขาถึงต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าเขาไม่ได้กระทำผิด แล้วทำไมถึงต้องมาเดือดร้อนเรื่องการยุบพรรคที่กำลังจะเกิดขึ้น” นางอังคณา กล่าว
