อดีต ส.ส.ร.ผนึกค้านล้มล้างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ทั้งที่มีความชอบธรรม ผ่านการลงประชามติจากประชาชน แนะใช้สมองมนุษย์คิดพัฒนาประเทศ อย่าแก้ไขปัญหาความเลวด้ายการโกงเลือกตั้ง หวั่นความเลวท้วมทับแผ่นดินไทย จนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อภิปราย "แก้รัฐธรรมนูญ 50 เพื่อใคร? ประชาชนได้อะไร"
คลิก! ชม อภิปราย“แก้รัฐธรรมนูญ 50 เพื่อใคร? ประชาชนได้อะไร” (1)(56K) |(256K)
คลิก! ชม อภิปราย“แก้รัฐธรรมนูญ 50 เพื่อใคร? ประชาชนได้อะไร” (2)(56K) |(256K)
วันนี้ (25 เม.ย.) นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)อภิปรายในการสัมมนาประชาชน - ติดอาวุธทางปัญญา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “แก้รัฐธรรมนูญ 50 เพื่อใคร? ประชาชนได้อะไร” ว่า ประเทศไทยมีพัฒนาการทางรัฐธรรมนูญที่ก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ และรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ก็มีความชอบธรรมมากที่สุด โดยเฉพาะผ่านการลงประชามติจากประชาชนเป็นฉบับแรกของประเทศไทย
ทั้งนี้มีความพยายามไม่ให้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ผ่านประชามติ ต้องการให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) หยิบเอารัฐธรรมนูญฉบับที่เตรียมไว้มาปรับใช้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง นักเลือกตั้งหรือนักโกงเลือกตั้งทั้งหลายก็จะอ้างและบอกว่า ต้องการแก้ไขเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ แต่วันนี้นักโกงเลือกตั้งพูดไม่ได้เต็มปาก เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวได้ผ่านการลงประชามติจากประชาชน การล้มล้างจึงไม่มีความชอบธรรม
นพ.ชูชัย กล่าวว่า คนเราจะทำอะไรมันจะต้องมีเหตุผล ต้องใช้ความรู้ ปัญญา หากผ่าสมองคนออกจะเห็นสมอง 3 ส่วน แบ่งเป็นส่วนในสุด เป็นสมองของสิ่งมีชีวิต ประเภทสัตว์เลื้อยคลาน สมองประเภทนี้จะไม่มีการรับรู้เรื่องอะไรทั้งสิ้นจะดำรงชีพด้วยความอยู่รอด อย่างตัวจระเข้ หรือตะกวด ถ้าเราไปกระตุกมันก็จะฉกทันที ส่วนสมองส่วนกลาง เป็นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จะมีชีวิตมีอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้น เช่น สุนัข หรือแมว สมองทั้งสองส่วน จะเป็นเรื่องของธรรมชาติล้วนๆ คือ กิน สืบพันธ์ ถ่าย และก็นอน
ส่วนสมองชั้นนอกสุดจะครอบอยู่นอกสุดเป็นของมนุษย์ เป็นสมองที่ใหญ่ สมองส่วนนี้จะทำให้คนเรารู้จักคิดในเรื่องนามธรรม คุณธรรม จริยธรรม การที่คนเรามัวคิดแต่แก้ไขปัญหาตัวเอง คิดแต่เอาตัวรอด คนเหล่านั้นกำลังใช้สมองส่วนในสุด เป็นสมองที่ไม่ได้พัฒนา ไม่เข้าใจคุณธรรม จริยธรรม ไม่รู้จักหลักเหตุผล ดังนั้นจึงอยากให้คนเหล่านั้นหันมาใช้สมองส่วนนอกสุด ในการคิดแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองเสียบ้าง
นพ.ชูชัย กล่าวต่อว่า พัฒนาการของประเทศไทยเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 เป็นต้นมา ซึ่งหากย้อนถึงที่มาของฉบับปี 2540 ก็มีที่มาจากในช่วงนั้นเกิดวิกฤติการอดอาหารประท้วงหน้ารัฐสภา ของ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร จนนายมารุต บุนนาค ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น ต้องตั้งคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย มี นพ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน โดยใช้เวลา 1 ปี ศึกษาสภาพบ้านเมือง ทบทวนองค์ความรู้รัฐธรรมนูญจากทั่วโลก เป็นฐานจนได้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 มี ส.ส.ร.ขึ้นมาเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่ดี ขณะที่รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 นอกจากมี ส.ส.ร.แล้ว ก็ยังให้มีการลงประชามติ เป็นจุดก้าวหน้าที่สำคัญ ไม่ควรถอยหลังกลับไปอีก หากเรียก ฉบับปี 2540 เป็นฉบับประชาชน ฉบับปี 2550 ก็เป็นฉบับลงประชามติ ดังนั้นการที่จะมาล้มล้างหรือแก้ไขง่ายคงไม่ได้
“รัฐบาลใดกันแน่ที่กำลังเหยียบย้ำทำลายรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ถูกเทิดทูนบูชามากที่สุด และรัฐบาลชุดใดที่ทำลาย มาตรา 40 ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน แทรกแซงสื่อมวลชน ปิดบังความจริงสร้างความมืดให้กับสังคม สามารถสร้างความแตกแยกในสังคม ประชาชนที่อยู่ตามชนบทจะได้ข้อมูลคนละด้าน นำมาสู่ความแตกแยกทางความคิด หลายต่อหลายเรื่องรัฐบาลยังพยายามเข้ามาครอบงำ ข่มขู่ ไม่ให้สื่อเสนอความจริง วันนี้ความจริงก็คือความจริง การละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อก็คือการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน” นพ.ชูชัย กล่าว
นพ.ชูชัย กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังแก้ไขปัญหาความเลวด้ายการโกงเลือกตั้ง เช่นเดียวกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา จึงไม่แปลกที่ทำให้ความเลวท้วมทับแผ่นดินไทย จนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ นอกจากนี้คนกลุ่มนี้ ยังเป็นกลุ่มคนที่ย่ำยีรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 มากที่สุด ไม่ต้องการให้ประชาชนหลุดพ้นจากความเป็นไพร่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความรู้สึกอยู่อย่างไพร่ สามารถรวมกลุ่มอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีของตัวเอง และไม่ต้องพึ่งพานักโกงเลือกตั้งที่ใช้นโยบายประชานิยม ถ้าก้าวพ้นจุดนี้ไปได้ ประเทศก็จะมีอนาคตมากขึ้น