เพื่อแผ่นดินยังแทงกั๊กแก้ไขรัฐธรรมนูญ อ้างเป็นเรื่องของรัฐสภา หน้าที่รัฐบาลคือเร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนซึ่งเร่งด่วนมากกว่า รวมทั้งลดการเผชิญหน้าในสังคม
วันนี้ (24เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน(พผด.) หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลได้ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของตัวเองและของ พผด.ในการร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสภาฯ ที่ให้สมาชิกสภาฯ เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งในหลักการถึงอย่างไรก็ต้องมีการปรับปรุงแก้ไข เนื่องจากรัฐธรรมนูญในหลายประเด็นยังเป็นปัญหา
“การแก้เป็นเรื่องของสภาไม่ใช่รัฐบาล เราเป็นฝ่ายบริหารต้องแก้ปากท้องของประชาชนก่อนเพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะเห็นอยู่ว่าปัญหาภายนอกประเทศของเรามันรุนแรงขนาดไหน ดังนั้นการแก้ให้เป็นเรื่องของสภาและตัวแทนประชาชน เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ให้สมาชิกสภาเขาคุยกัน และการแก้ต้องยึดหลักการสำคัญ 4 - 5 ประการ อาทิ รัฐธรรมนูญที่ประชาชนต้องมีส่วนร่วม และให้ความรับผิดชอบกับประชาชน ต้องมีการคานอำนาจ และมีการตรวจสอบได้ ซึ่งกลไกพวกนี้จะต้องมีในการแก้ครั้งนี้”นายสุวิทย์ กล่าว
หน.พผด. กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่ทุกฝ่ายต้องมาหารือกันเพื่อให้ได้ข้อยุติว่าจะแก้ประเด็นใดบ้าง เพราะขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งยังมีความเห็นที่แตกต่างอยู่มาก สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าให้การแก้ไขลดในเรื่องปัญหาการเผชิญหน้า และไม่ให้เกิดความรุนแรงได้คือต้องมานั่งพูดคุยกัน
เมื่อถามว่าแสดงว่าเพื่อแผ่นดินไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พลังประชาชนเสนอใช่หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวตอบไม่ตรงคำถามว่า บ้านเมืองต้องการการรู้รักสามัคคีและลดการเผชิญหน้ากัน จึงเห็นว่าการมาพูดคุยกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ส่วนที่ว่า พปช.จะเป็นแกนนำจะให้พรรคร่วมเห็นตามไปด้วยหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา ความเห็นของแต่ละพรรคหรือของสมาชิกแต่ละคนก็ต้องยอมรับว่ายังเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นตามแนวทางประชาธิปไตย เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องมีฝ่ายค้าน รัฐบาล ซึ่งเรายอมรับว่าขบวนการประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ฉะนั้นจึงไม่อยากให้ความเห็นที่แตกต่างเป็นความแตกแยก
เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องมีความไปในทางเดียวกันหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ทุกคนต้องมีเหตุผล ถามย้ำว่าในส่วนของ พผด.จะมีข้อเสนออย่างไร นายสุวิทย์ กล่าวว่า คณะทำงานกำลังดูกันอยู่ เสร็จเมื่อไรก็คงจะทราบ
เมื่อถามว่าในส่วนของมาตรา 309 ได้คุยกับชาติไทยหรือไม่เพราะชาติไทยไม่เอา และถ้ายึดตามรธน.40 ก็จะไม่มี 309 นายสุวิทย์ กล่าวว่า จริงๆแล้วจะแก้มาตราไหนอย่างไรก็ขอให้ดูรายละเอียดอีกที เพราะว่าความชัดเจนยังไม่มีว่าจะแก้มาตราไหนบ้าง
เมื่อถามว่าเพื่อแผ่นดินคิดอยากจะแก้ตรงไหนบ้าง นายสุวิทย์ กล่าวว่า กฎหมายทุกฉบับต้องถือว่าเหมือนกับสิ่งที่มีชีวิต ต้องมีการพัฒนา หยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ กฎหมายที่ออกมาแต่ละช่วงสภาพปัญหาเศรษฐกิจการเมือง แตกต่างกัน การปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบกติกาต่างๆต้องให้สอดคล้องกับสภาวะการของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่ได้ผิดปกติอะไร
อย่างไรก็ตามในเรื่องของการนัดหมายของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันตามคำเชิญของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า เรื่องที่จะมีการนัดหมายยังไม่ได้รับการนัดหมายอะไรเลย อยากจะรอฟังส่วนนี้เช่นกัน
เมื่อถามว่าแนวทางเราจะสวนทางกับ พปช.หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า อย่าไปพูดอย่างนั้น เพราะบ้านเมืองไม่ต้องการการเผชิญหน้า จึงเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าต่อไป เพราะผ่านมา 2 ปีเราก็บอบช้ำจากปัญหาความแตกแยกมาพอสมควรก็อยากให้หันหน้าเข้าหากัน และให้ช่วยกันพาประเทศเดินต่อไปข้างหน้า ซึ่งตนไม่ใช่ไม่อยากเห็นการแก้ รธน. แต่ไม่ควรจับใครมาชนกับใครคงไม่ดี
“จุดยืนของผมในการแก้ รธน. เห็นว่าอะไรที่ไม่ดีก็แก้กันเสีย เพราะไม่ใช่วันนี้เท่านั้น เพราะความเปลี่ยนแปลงเกิดตลอดเวลา ต้องปรับปรุงตามความเหมาะสม คงหยุดอยู่กับที่ไม่ได้”นายสุวิทย์ กล่าว
เมื่อถ้าแก้แล้วแตกแยกและจะถอนตัวออกจากรัฐบาลไหม นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่ต้องการเห็นความแตกแยกและการเผชิญหน้า ส่วนจะถอนตัวหรือไม่อย่างเพิ่งไปไกลขนาดนั้น เพราะเวลานี้ยังไม่รู้ว่าจะแก้อะไรบ้าง และแก้อย่างไร ถ้ากระโดดไปก่อนที่จะได้ข้อยุติก็ไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร ฉะนั้นเป็นคำถามที่ยังตอบไม่ได้ขอดูเป็นขั้นเป็นตอนก่อน เมื่อถามว่าก็โมเดลที่เขาจะแก้ก็ออกมาแล้ว นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็น เพราะเป็นเรื่องของวิปที่ประสานกันอยู่
เผย พผด.ให้ กก.บห.ลาออกหวังลดจำนวนเหลือ 10 กว่าคน
นายสุวิทย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคให้กรรมการบริหารของพรรคลงชื่อเพื่อลาออกว่า พรรคมีการประชุมใหญ่และมีมติในที่ประชุมที่จะแก้ข้อบังคับพรรค กล่าวคือจะมีการลดสัดส่วนกรรมการบริหารลง ดังนั้นใครต้องการเป็นกรรมการบริหารต่อก็เป็น ใครไม่ต้องการเป็นก็ลงชื่อไว้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องการบริหารจัดการภายในพรรคที่ต้องการลดกรรมการบริหารพรรคลงเหลือ 10 กว่าคนก็น่าจะเพียงพอแล้ว
/0110