“พลังแม้ว” เปลี่ยนเกมใหม่หลังเริ่มถูกสังคมรู้ทันมากขึ้น แบะท่าขอมติที่ประชุมพรรคเป็นแก้ทั้งฉบับยึดฉบับปี 2540 เป็นหลัก “เพ็ญ” จีบปากจีบคออ้างวางยารัฐบาลประชาธิปไตย ทำไขสือใช้เอ็นบีทีโฆษณาชวนเชื่องานสัมมนาแก้รัฐธรรมนูญของกลุ่ม “ม็อบไข่แม้ว” ขณะเดียวกันเย้ย “โหรแค่โหน”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง จักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (8 เม.ย.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในที่ประชุมพรรคพลังประชาชนในช่วงบ่ายจะร่วมกับเพื่อนสมาชิกหลายคนเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพราะฉะนั้นแนวทางของพรรคแบบที่สมาชิกกลุ่มหนึ่งต้องการซึ่งตนก็ได้รวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยต้องการที่จะเป็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้มีการปรับเปลี่ยนให้ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย นั่นก็คือมีการฟื้นฟูรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปี 2540 ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉะนั้น การเสนอปรับแก้ในครั้งนี้ไม่ว่าจะใช้เวลามากขนาดไหนก็ตาม ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม ก็ต้องเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกต้องแล้วจะทำให้ประชาติกลับคืนสภาวะปกติ อย่างไรก็ตามจะได้มติวันนี้หรือไม่ตนไม่ทราบ
“แต่ว่าความเห็นส่วนใหญ่ของสมาชิกพรรคเป็นอย่างนี้แล้ว แล้วความเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคที่ผมขอไม่เอ่ยชื่อตรงนี้ ก็เห็นคล้อยตามอย่างนี้ ผมเชื่อว่าเสียงข้างมากคงจะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นมติได้ในเวลาไม่ช้านานนี้” นายจักรภพ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรครว่มรัฐบาลยังมีความเห็นแตกต่างในเรื่องของการแก้ไขมาตรา 309 รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ตอนนี้เราก้าวข้ามมาตรา 309 ไปแล้ว เพราะตอนนี้คือการเสนอแก้ทั้งฉบับ ฉะนั้นเรื่องที่ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อใครจะเป็นการแก้แบบเห็นแก่ตัวหรือไม่เราก้าวข้ามหมดแล้ว เพราะเราจะแก้ไขทั้งฉบับ เพราะฉะนั้น อยากให้พี่น้องประชาชนทราบในเรื่องนี้และโปรดสนับสนุนรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่มีจุดยืนเดียวกันนี้ในการผลักดันการแก้ไขให้ประสบความสำเร็จอย่างที่เราควรจะทำ
“เรื่องนี้โดยส่วนตัวแล้วผมถือว่าเป็นสัญญาประชาคมที่เราต้องผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ ทั้งนี้เราสดับรับฟังความคิดเห็นมาตลอด 2 สัปดาห์นี้แล้วก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนทั่วไปนะครับว่า การเสนอแก้ไขเพียงส่วนน้อยเนี่ยมันทำให้เกิดความคลางแคลงใจ ความสงสัย ว่าเราทำเพื่อใครเพื่ออะไร เพราะฉะนั้นการเสนอแก้ไขทั้งฉบับนอกจากจะเป็นการตัดข้อสงสัยเหล่านั้น ยังจะเป็นการทำให้ประชาธิปไตยมีศักดิ์ศรี มีน้ำหนัก และตรงตามพันธสัญญาที่เราได้รับจากประชาชนในช่วงก่อนการเลือกตั้ง” นายจักรภพ กล่าว และว่าไม่ใช่เป็นการลดแรงต้าน แต่เพื่อเป็นการทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ประชาธิปไตย
นายจักรภพ กล่าวว่า ขณะนี้เมืองไทยมาถึงระยะที่เปราะบางมาก ความหมายก็คือถ้าเราแก้ก็โดนว่า ถ้าเราไม่แก้ก็โดนว่า เพราะฉะนั้นการวางยากันไว้อย่างนี้มีทางออกทางเดียวเท่านั้นก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยที่ให้ความไม่ถูกต้องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้มันหมดไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้
ส่วนกรณีที่มีโหราศาสตร์หลายคนออกมาทำนายดวงบ้านเมืองในทิศทางต่างๆ นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า สำหรับโหรที่สะกดด้วย “โ-ห-ร” ตนให้ความนับถืออย่างสูง ถือว่ามีตำราโหราศาสตร์ประกันอยู่ แต่ “โหน” ที่สะกดด้วย “น” ซึ่งปีนป่ายไปตามกิ่งเถาวัลย์ ตามแต่ว่ากิ่งไหนจะรับน้ำหนักตัวเองได้ ต้องชั่งใจแล้วก็ฟังวันนี้แล้วไปเชื่อปีหน้า แต่ว่ามีความรักและหวังดีต่อบ้านเมือง
“เอาเป็นว่าถ้าบ้านนี้เมืองนี้ตั้งอยู่บนฐานโหนแบบสะกดด้วย น หนู ก็คงไม่ต้องบริหารประเทศหรอกครับ ก็เอาสภาโหรมาบริหารประเทศแทน ฉะนั้น ผมคิดว่าเราฟังไว้เป็นเรื่องบันเทิง แล้วก็เลือกเชื่อเลือกลับตามสติปัญญาของแต่ละคนดีกว่า” นายจักรภพ กล่าว
ส่วนกรณีที่ นางจุไร สะสมทรัพย์ ภรรยานายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ยื่นรายการทรัพย์สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ล่าช้าจนเข้าข่ายผิดกฎหมายถึงขั้นต้องพ้นจากตำแหน่ง จะมีกระทบอะไรต่อรัฐบาลหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อรัฐบาล คิดว่ากระบวนการประชาธิปไตยยิ่งออกฤทธิ์มากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น แต่ที่เรามีปัญหาคือกระบวนการที่เป็นเผด็จการ กระบวนการที่เป็นการวางยา ต้องการทำลายระบอบประชาธิปไตย ส่วนกระบวนการใดๆ ที่ประชาชนเห็นว่าเป็นเรื่องของประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือไม่ดีต่อรัฐบาล รัฐบาลพร้อมรับทั้งนั้น เพราะอยากเห็นระบอบประชาธิปไตยเดินหน้า ไม่ถอยหลัง ไม่โดนกระชากขา ขัดขา ผลกระทบที่มีต่อเราเป็นการส่วนตัว ทั้งต่อรัฐบาล นายกฯ รัฐมนตรี เป็นเรื่องที่เรารับได้ เพราะเราเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
เมื่อถามว่า แต่ปัญหาเรื่องการไม่รู้ว่าต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ไม่น่าจะเกิดกับคนที่เป็นถึงรัฐมนตรี จนทำให้พลาด นายจักรภพกล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของการตั้งข้อสังเกต นี่คือเหตุผลที่เราขอมี ป.ป.ช.ไว้เป็นองค์กรอิสระ เพราะหากครม.เสนอเอง ตัดสินหรือสรุปเอง เราคงนอนไม่ค่อยหลับ ดังนั้นจึงมีองค์กรอิสระไว้ทำหน้าที่ชี้ว่ามีอะไรที่บกพร่องไป เจตนาหรือไม่เจตนา ตรงนี้เป็นส่วนของการคานอำนาจในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเราจะดีใจที่มีระบบนี้
เมื่อถามว่า หากป.ป.ช.ระบุว่าผิด ต้องออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ นายจักรภพกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทั้งสังคม ประชาคมกฎหมาย และใน ครม.เองต้องพิจารณากันต่อไป เราไม่ควรพูดล่วงหน้า เพราะไม่ดีต่อบุคคล
“เอาเป็นว่าเรายอมรับครรลองตามระบอบประชาธิปไตยทุกประการ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเตือนบุคคลที่คิดจะเอาการวางยาในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ มาบ่อนทำลายการทำงานของรัฐบาลประชาธิปไตย เราจึงจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะได้รู้กันสักทีว่าประชาชนมีส่วนแค่ไหนในการบริหารบ้านเมืองนี้ กระบวนการนี้จะเป็นเครื่องยืนยัน” นายจักรภพกล่าว
นอกจากนี้ นายจักรภพยังปฏิเสธตอบคำถามกรณีสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเผยแพร่ตัวอักษรวิ่งโฆษณางานสัมมนาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งดำเนินการโดยอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) โดยปฏิเสธว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ได้เป็นผู้อำนวยการสถานี สงสัยจะจำตำแหน่งผมผิด อย่าขุดหลุมตนมากเกินไปนัก พร้อมให้ไปถามคนจัดงาน
เมื่อถามย้ำว่าถึงขั้นที่มีการขอให้ประชาชนที่สนใจนำบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วย โดยชี้นำว่าอย่าลืมพกบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วยถือว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า คงต้องไปถามคนจัดงาน ตนเองไม่ใช่ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที
/0110