xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” ยัน กกต.ผ่านกระบวนการตาม รธน.40 - เตือนแก้ รธน.ต้องฟังเสียงคน 14 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์ นัยโกวิท” ยัน กกต.ชุดนี้มีที่มาโดยชอบธรรม ตามกระบวนการของ รธน.ปี 40 ทั้ง 5 คน ผ่านการคัดเลือดโดยวุฒิสภา และไม่รู้จักใครใน คมช.เตือนแก้ รธน.ต้องรอบคอบ อย่าลืมประชามติ 14 ล้านเสียง

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการเวทีความคิด

วันนี้ (21 เม.ย) นายประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 50 ให้สัมภาษณ์ในรายการ เวทีความคิด ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินการโดย นางสาวภรภัทร นีลพัฒน์ เกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา และหนึ่งในนั้น คือ มาตรา 309 ที่จะส่งผลต่อวาระการทำงานของ กกต.โดยจะกำหนดบทเฉพาะกาล เพื่อต่ออายุให้ กกต.ทำงานต่อไปอีก 180 วัน และหลังจากนั้นจะหมดอายุไป โดยให้เหตุผลว่า กกต.ชุดนี้ มาจากคำสั่งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

นายประพันธ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ ตนเป็น กกต.หากพูดไปก็เหมือนมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ที่ผ่านมาจึงไม่อยากกล่าวถึง แต่ในตอนนี้มีการพูดกันว่า กกต.มีที่มาโดยไม่ชอบ ไม่ถูกต้อง ซึ่งแท้จริงแล้ว กกต.ชุดนี้ที่มาจากกระบวนการสรรหาตามรัฐธรรมนูญปี 40 อย่างถูกต้องทุกประการ คือ มีการเสนอชื่อโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยคัดเลือกขึ้นมา 10 คน จากผู้สมัครหลายสิบคน แล้วส่งต่อไปยังวุฒิสภา (ชุดปี 43) ซึ่งก็เป็นวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตาม รธน.ปี 40 จากนั้นจึงถูกการคัดเลือกเหลือ 5 คน ซึ่งผู้ได้รับตำแหน่ง กกต.ทั้งหมดต้องลาออกจาการเป็นข้าราชการ

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ตนเองก็ลาออกจากตำแหน่งทางราชการ ในวันที่ 15 ก.ย.2549 เพื่อรอการโปรดเกล้าฯ ปรากฏว่า วันที่ 19 ก.ย.2549 ก็มีการรัฐประหารกัน พอวันที่ 20 ก.ย.ก็เลยมีประกาศจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ตั้งให้ผู้ได้รับการสรรหาทั้งหมดเป็น กกต.เพราะกระบวนการการสรรหาครบหมดแล้ว ก็ควรที่จะแต่งตั้งไปเลย เพื่อให้การทำงานต่อเนื่องไปได้ และโดยส่วนตัวแล้ว ตนก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับบุคคลใดๆ ในคณะ คมช.ที่ออกคำสั่งเลย ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า กระบวนการสรรหา กกต.ชุดนี้มาจากกระบวนการสรรหาโดย รธน.ปี 40 อย่างถูกต้องทุกประการ ถึงแม้การรับตำแหน่งนั้นมาจากคำสั่งคณะ คปค.เนื่องจากเป็นช่วงคาบเกี่ยวกัน แต่ทางคณะการปกครองก็ไม่ได้มีส่วนในการสรรหา กกต.ชุดนี้เลยแม้แต่น้อย

ส่วนเรื่องที่จะมีการแก้ไข รธน.แล้วส่งผลถึง กกต.นั้น ตนก็ไม่ได้ยึดติดอะไร หากกำหนดอย่างไรก็พร้อมจะปฏิบัติตาม และการแก้ไข รธน.ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ขั้นตอนการแก้ ต้องดูให้รอบคอบ เพราะ รธน.เป็นกฎหมายสูงสุด ไม่ใช่วันนี้มี รธน.ออกมา แล้วพรุ่งนี้คนมีอำนาจอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยน ต้องไม่ลืมว่า รธน.ฉบับนี้ได้รับการลงประชามติประชาชนรับ ร่าง รธน.กว่า 14 ล้านเสียง

การที่มีคนออกมากล่าวว่า ที่ประชาชนเลือกรับ รธน.14 ล้านเสียง เพียงแค่ต้องการให้เกิดการเลือกตั้งนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า หากจะมองว่า ประชาชนมาออกเสียงแบบขอไปที เพื่อให้ได้เลือกตั้งนั้น เป็นการกล่าวอ้างโดยเลื่อนลอยไปหรือเปล่า เพราะ รธน.ฉบับนี้ก็มีข้อดีอยู่หลายประการ ประชาชนที่อ่านแล้วเห็นข้อดีก็น่าจะมีอยู่ และการร่าง รธน.ปี 50 ก็แก้ไขปรับปรุงมาจาก รธน.ปี 40 เพื่อให้ชัดเจนขึ้น ตนมองว่า หากมองในภาพรวม รธน.ฉบับนี้ อาจจะไม่ดีไปทั้งหมด แต่กระบวนการการร่างนั้นจะเห็นว่า ส.ส.ร.ปี 50 ก็มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนโดยทั่วไป มีการเสนอให้สื่อทราบอย่างทั่วถึงตลอดเวลาและโปร่งใส

“การที่รัฐบาลชอบอ้างว่า นักลงทุนอาจจะไม่มั่นใจหากการเมืองไม่มั่นคงจึงต้องแก้ รธน.ต้องมองกลับกันด้วยว่า หากเปลี่ยน รธน.ง่ายๆ แล้วนักลงทุนจะมั่นใจได้อย่างไรว่ารัฐบาลอาจจะไม่แก้กฎหมายด้านการลงทุนง่ายๆ เหมือนแก้ รธน.” นายประพันธ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น