xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” จวก “ไข่แม้ว” สมองเสื่อมด่า “ป๋า” แล้วลืม - เห็นใจ “หมัก” รู้ไม่ทันลูกพรรค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายการยามเฝ้าแผ่นดินดำเนินรายการโดยปานเทพ พัวพงษ์พันธ์นักวิชาการอิสระและจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
“ยามเฝ้าแผ่นดิน” งง “จักรภพ” หันไปเชิดชู “ป๋าเปรม” อ้างเฉยไม่เกี่ยวข้องใบปลิวหมิ่นองคมนตรี ทั้งที่เคยนำม็อบ นปก.ไปตั้งลำโพงด่าทอถึงหน้าบ้านพัก จวก “แก๊งไข่แม้ว” ความจำเสื่อม ดูถูกการรับรู้ของประชาชน นึกจะพูดอะไรก็พูด ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำในอดีต เห็นใจ “หมัก” ไม่รู้ข้อมูลแก้ไข รธน. เตือนระวังกลียุค พรรคร่วมฯ ส่อไร้เอกภาพ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ  ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ  ช่วงที่ 2

รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 18 เมษายน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ โดยในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณี นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับใบปลิวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมอ้างว่าคนในซีกรัฐบาลไม่ทำเรื่องไม่บังควรกับคนที่มีสถานะสูงส่งขนาดนั้น ว่า ไม่ทราบว่านายจักรภพเปลี่ยนความคิดที่มีต่อ พล.อ.เปรมตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเมื่อนึกย้อนภาพในอดีตก็จะเห็นว่านายจีกรภพเคยนำม็อบ นปก.(แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ)เคลื่อนไปที่หน้าบ้านพัก พล.อ.เปรมแล้วอัดเสียงลำโพงด่าทอเข้าไป ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และในวันนี้ เราก็เห็นคนเหล่านั้นได้เป็นทั้งรัฐมนตรี เป็น ส.ส. เป็นรองโฆษก เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร

** เหน็บ “ไข่แม้ว” ความจำเสื่อม ลืมอดีตเคยด่า “ป๋า”

วันนี้ นายจักรภพพูดอีกแบบหนึ่ง จึงไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของนายจักรภพเป็นอย่างไร ทำไมถึงได้พลิกลิ้นไปมาตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยไปกล่าวจาบจ้วง พล.อ.เปรม ถึงหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ แต่วันนี้กลับมารักและชื่นชมบูชา นายจักรภพ ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นแล้วใช่หรือไม่

ส่วนกรณีที่นายจักรภพ และนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวพาดพิงนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ โดยบอกให้หาหลักฐานใบปลิวโจมตี พล.อ.เปรมไปให้ว่า ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เนื่องจากรัฐบาลมีอำนาจ ต้องสั่งตรวจสอบเอง หากเห็นว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวาย รัฐก็ต้องทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่ใช่แสดงท่าทีก้าวร้าว เรียกร้องหาหลักฐานจากพรรคฝ่ายค้าน อย่าเอาแต่ได้ ด้วยการพูดจาปราศรัยอย่างเดียว

นอกจากนี้ การที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกรัฐบาล และอดีตแกนนำ นปก.บอกนายชวนให้เอาหลักฐานที่มีคนโจมตี พล.อ.เปรมมาแสดงนั้น ทำให้น่าสงสัยว่าคนพวกนี้ความจำเสื่อมกันหมดหรืออย่างไร ถึงได้ลืมไปง่ายๆ ว่าตัวเองเคยพูดจาบจ้วงพล.อ.เปรมไว้อย่างไรบ้าง พอวันนี้เข้ามาอยู่ในรัฐบาล ความคิด ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเป็นอย่างไรก็ทำเป็นจำไม่ได้

เป็นเรื่องแปลกที่คนเหล่านี้กล้ามากๆ นึกจะพูดอะไรก็พูด ตัวเองทำอะไรไว้อย่างไรก็ไม่ต้องสนใจ เหมือนดูถูกความรู้สึกของประชาชน ดูถูกการรับรู้ข้อมูลของประชาชน คิดว่าประชาชนจะเข้าไม่ถึงข้อมูล พูดอะไรก็ได้ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะคิดว่าประชาชนจะตามไม่ทัน เรื่องนี้น่าเป็นห่วงมาก

** เห็นใจ “หมัก” ไม่รู้ลดวาระ ป.ป.ช.-กกต.

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธว่าการแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ลดอายุการทำงานขององค์กรอิสระต่างๆ ว่า รู้สึกเห็นใจและสงสารนายกรัฐมนตรีมากเพราะเหมือนไม่รู้ข้อมูลอะไร ขณะที่นายกฯ บอกว่าจะไม่ลดองค์กรอิสระ แต่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานยกร่างรัฐธรรมนูญ พูดชัดเจนว่าจะลดวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดปัจจุบันลงเหลือ 180 วัน เพราะมีที่มาไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2540

“รู้สึกเห็นใจนายสมัคร เนื่องจากที่ผ่านมาต้องคำนึงถึงสถานภาพตัวเอง รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่มี ส.ส.อยู่ในมือ รู้ดีอยู่แก่ใจว่าความนิยมระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับตัวเองเทียบกันไม่ได้ รู้ดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจทางธุรกิจและเศรษฐกิจกว่าหลายร้อยเท่า ดังนั้นเมื่อมีการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมดูแลงานด้านยุติธรรม ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง เหลือเพียงแค่อำนาจทางทหาร ที่นายสมัคร ได้ตัดสินใจไปจับมือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ปล่อยให้ดูแลทหารอย่างเบ็ดเสร็จ จนเป็นที่ขัดใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นดาบอำนาจเดียวที่นายสมัคร เหลืออยู่เพื่อต่อรองในเวลานี้”

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า เรากำลังหลงประเด็น วันนี้รัฐบาลพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้างมลทินให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพลังประชาชน นอกจากนี้ก็พยายามยกเลิกองค์กรอิสระ เป็นผลให้คดีการทุจริตของรัฐบาลชุดที่แล้วไม่สามารถนำสู่ขั้นตอนการพิจารณาของศาลได้

ขณะเดียวกัน ประเด็นการคัดสรรองค์กรอิสระหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ก็คงไม่หนีไม่พ้นการครอบงำจากฝ่ายการเมือง ไม่มีความเป็นธรรม ถูกแทรกแซงจากระบวนการตรวจสอบไม่สามารถนำไปสู่การตรวจสอบที่เที่ยงธรรมได้

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นความพยายามกระชับอำนาจของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายข้าราชการ เอาพรรคพวกของตัวเองเข้ามานั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ ต่างมากมาย โดยไม่สนใจปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาในอนาคต โดยเฉพาะการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยไม่รอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ก่อน อาศัยเพียงมติคณะรัฐมนตรี และมติ กตร. มีการตั้งคนใหม่โดยอ้างว่าให้รอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นการกดดันพระมหากษัตริย์ หรือไม่ หากเรืองอย่างนี้เกิดขึ้น ก็ไม่แปลกที่จะมีการโยกย้ายข้าราชการนอกฤดูเกิดขึ้นอีกในอนาคต

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการยังวิเคราะห์ว่า ประเทศไทยจะเกิดกระบวนการการปกครองรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะจะเกิดระบอบทักษิณขึ้นมาอย่างเต็มตัว เมื่อใดก็ตามมีการกระทำความผิด รัฐบาลก็จะแก้กฎหมายเพื่อให้ตัวเองถูกอย่างที่ไม่เกรงกลัวใคร การยกเอารัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 มาใช้ทั้งฉบับ ก็เป็นเพียงการอำพรางประชาชน การอ้างว่าฉบับปี 2540 มาจากที่มาของ ส.ส.ร.ซึ่ง ส.ส.ร.นั้นมาจากกระบวนการคัดสรรที่มีการเลือกตั้งอย่างชัดเจน จึงเป็นที่มาของฉบับปี 2540 โดยที่ไม่มีใครออกมาบอกว่า รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 มาจากการลงประชามติที่พัฒนามาจากรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 จึงถือว่ายิ่งใหญ่กว่า เนื่องจากเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติจากประชาชน

**ดึงดันแก้ รธน.กลียุคแน่

การที่พรรคพลังประชาชนอ้างคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนว่า แก้รัฐธรรมนูญ นั้น มันถูกต้องและชอบธรรมหากพรรคพลังประชาชนเป็นพรรคเดียวที่ขอแก้ไข แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถระดมเสียง ต้องไปหยิบเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เคยประกาศจะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่เห็นด้วยที่จะแก้ด้วยซ้ำ ดังนั้นความชอบธรรมจึงไม่มี และเมื่อไม่มีก็จะเกิดกลียุคครั้งใหญ่

อีกทั้งการประชุมของพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่เคยเป็นเอกภาพ มีแต่การยกร่างรัฐธรรมนูญแบบเบ็ดเสร็จโดยพรรคพลังประชาชนเพียงพรรคเดียว จึงเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังมีอากัปกิริยาที่ไม่เห็นด้วยในบางประเด็น เพราะรู้ว่าหากแก้ไปอาจจะเกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็ได้

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ต่อไปนี้ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของภาคประชาชน ต้องร่วมกันแสดงความชอบธรรม ในฐานะเสียงส่วนใหญ่ที่ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ประชาชนทุกคนต้องร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง และพรรคการเมือง ประชาชน 2 หมื่นรายชื่อมีสิทธิ์เข้าชื่อเพื่อถอดถอน ส.ส.ที่แก้ไขหรือฉีกรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 นอกจากนี้ประชาชนต้องแสดงพลังออกมาด้วยการทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นภายใน 7 วัน หลังมีการรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ก็เพื่อสิ่งที่ถูกต้องในอนาคต

**ขจัด ป.ป.ช.-กกต. เป้าหมาย “พลังแม้ว”

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงความเห็นของนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีที่พรรคพลังประชาชนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดลดวาระการดำรงตำแหน่งขององค์กรอิสระ คือ ป.ป.ช. และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ได้รับการแต่งตั้งหลังการรัฐประหารว่า นายวิชาชี้ชัดว่า การทำงานของ ป.ป.ช.จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะ ป.ป.ช.ชุดนี้ทำงานอย่างตรงไปมา จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับพรรคพลังประชาชน และเป็นเป้าหมายของพรรคนี้ที่จะลดวาระการทำงานของ ป.ป.ช.ชุดนี้ลง

อย่างไรก็ตาม นายวิชากล่าวว่า ถึงแม้ ป.ป.ช. และ กกต.จะมาจากการแต่งตั้งของ คมช. แต่รัฐธรรมนูญ 2550 ก็ได้รับรองให้อยู่ยาว 7 ปี และผ่านการลงประชามติแล้ว ดังนั้นถือว่า ไม่ได้มาจาก คมช.แล้ว

นอกจากนี้ นายวิชา ยังเห็นว่า การที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) จะหมดอายุลง ก็จะกระทบกับการทำคดีทุจริตที่ คตส.โอนมาที่ ป.ป.ช.แน่นอน เพราะจะขาดคนที่ทำงานต่อเนื่อง และถ้ามีการเปลี่ยน ป.ป.ช.ชุดใหม่ ก็ยิ่งจะทำให้การทำคดีต่างๆ หยุดชะงักลง เพราะฉะนั้นจึงเป็นวาระของพรรคพลังประชาชนที่ต้องการจะเปลี่ยนตัว ป.ป.ช.เพื่อความสบายใจ เนื่องจาก ป.ป.ช.ชุดนี้ทั้ง 9 คน คุยกับพรรคพลังประชาชนไม่ค่อยได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ท่าทีของนางสดศรี สัตยธรรม กกต.กลับแตกต่างออกไป โดยบอกว่าถ้าจะลดวาระก็พร้อมที่จะออกไปทุกเมื่อและเชื่อว่า กกต.ชุดใหม่คงจะทำงานต่อได้ และบอกว่าตนอายุ 60 ปีแล้ว อยากจะหยุด เพราะเหนื่อยมาก จึงอยากจะหยุดเสียที

**จี้ ปชป.ช่วยเคลื่อนถอดถอน รมต.

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.จำนวนหนึ่ง นำโดย นายคำนูณ สิทธิสมาน และนายประสาร มฤคพิทักษ์ ได้เข้าชื่อกันเพื่อเสนอถอดถอนนายไชยา สะสมทรัพย์ ออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข เนื่องจากแจ้งการถือหุ้นในบริษัทเอกชนเกิน 5% ของภรรยาต่อ ป.ป.ช.ช้ากว่าที่กฎหมายกำหนดว่า ขณะนี้ ส.ว.ก็เริ่มเคลื่อนแล้ว ประชาชนก็ได้เคลื่อนไหวล่าชื่อกันแล้ว แต่ ส.ส.คือพรรคประชาธิปัตย์ยังดูเบาต่อเรื่องนี้ และไม่ทำอะไร ทั้งที่น่าจะทำได้ง่ายกว่า เพราะถ้า ส.ส.เข้าชื่อจะใช้เสียงน้อยกว่า ใน๘รที่ประชาชนต้องใช้ถึง 20,000 ชื่อ

ในช่วงท้าย ผู้ดำเนินรายการได้แจ้งถึงการปรับรูปแบบรายการยามเฝ้าแผ่นดินว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป นายคำนูณ สิทธิสมาน ที่หยุดจัดรายการชั่วคราวไปประมาณ 3 เดือน เพื่อรับการสรรหาเป็น ส.ว. จะกลับมาจัดรายการอีกครั้งในวันจันทร์และอังคาร เริ่มจากวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.เป็นต้นไป ส่วนวันพุธและพฤหัสบดีจะเป็นนายปานเทพคู่กับนางจินดารัตน์ สลับกับนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ส่วนวันศุกร์กำลังรอการยืนยันว่านายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเอเอสทีวี จะกลับมาจัดทุกวันศุกร์หรือไม่




กำลังโหลดความคิดเห็น