xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” จี้ “เป็ดเหลิม” ลากคอคนหมิ่น “ป๋า” - แฉ “แม้ว” แหยง “บันทึกลับ 40” เบื้องหลังลดค่าบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายการยามเฝ้าแผ่นดินดำเนินรายการโดยปานเทพ พัวพงษ์พันธ์นักวิชาการอิสระและสโรชา พรอุดมศักดิ์
“ยามเฝ้าแผ่นดิน” จี้ “เป็ดเหลิม” เร่งตรวจสอบใบปลิวหมิ่นองคมนตรี ในฐานะ รมว.มหาดไทย อย่ามัวโบ้ยให้ฝ่ายค้าน ย้ำชัด พปช.มุ่งฉีก รธน.50 ทิ้งทั้งฉบับ โละองค์กรอิสระ เอื้อประโยชน์คนบางคน เตือนสติ อสส.ต้องสร้างความเชื่อมั่น ไร้ประโยชน์ทับซ้อน พร้อมเผย “แม้ว” เมินเขียนคำนิยม “บันทึกลับ 2550” แฉเบื้องหลังลดค่าเงินบาท

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สโรชา พรอุดมศักดิ์    ช่วงที่ 2

รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 17 เมษายน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ โดยในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ท้านายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ โชว์หลักฐานใบปลิวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยช่วงหนึ่งพูดจานุ่มนวลแต่อีกช่วงหนึค่งกลับแสดงท่าทีฉุนเฉียวว่า ร.ต.อ.เฉลิม กำลังมีสองบุคลิกในคนเดียวกัน บุคลิกหนึ่งจะบอกและย้ำให้เห็นถึงต้นทุนที่มาของตัวเองว่าเป็นอย่างไร ส่วนอีกบุคลิกนั้นจะปรับเปลี่ยนไปตามอารมณ์ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น

อย่างไรก็ตาม หากจะมีใบปลิวโจมตีประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ คงจะมีเพียงไม่กี่กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ขึ้นเวทีปราศรัยโจมตี พล.อ.เปรม สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอยู่ในพรรคพลังประชาชนจนได้รับปูนบำเหน็จเป็นรัฐมนตรีและ ส.ส.กันถ้วนหน้า ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หากประชาชนจะคิดได้ว่า คนเหล่านั้นอาจจะมีส่วนกับใบปลิวโจมตีประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ท้าให้พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยหลักฐานนั้น ก็เป็นการพูดที่ไม่สมควร ร.ต.อ.เฉลิม ควรไปถามคนในพรรคพลังประชาชนดีกว่ามาย้อนถามพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งการปลุกม็อบไปก่อกวนหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มันปรากฏชัดเจน เป็นหน้าที่ของ รมว.มหาดไทยที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ไม่ใช่บอกให้ฝ่ายค้านหาหลักฐานมาให้ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในระยะเวลาการต่อสู้ระหว่างสองขั้วอำนาจในตอนนั้น ก็ไม่ปรากฏเงาของ ร.ต.อ.เฉลิม ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิม จึงอาจไม่เข้าใจคนต่อต้าน พล.อ.เปรม ที่อยู่ในพรรคพลังประชาชนคิดกันอย่างไรในช่วงเวลาตอนนั้น

**แฉรัฐหวังฉีก รธน.50 ฟื้นฟูระบอบทักษิณ

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 จะให้องค์กรอิสระที่ถูกตั้งขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 จะต้องถูกกลับไปเป็นหน่วยงานราชการภายหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า แค่เบื้องต้นกระบวนการคิดก็ไม่ถูกต้องแล้ว รัฐบาลต้องไม่ลืมว่า สถานการณ์ที่ผ่านมา พรรคไทยรักไทยในยามที่มีความเข้มแข็ง หรือพรรคพลังประชาชน ก็มาจากเสียงของประชาชน 12 ล้านคน ไม่ถึง 14 ล้านคนที่ออกมารับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ดังนั้นหากจะมีการแก้ไขด้วยความคิดเห็นเพียงคนไม่กี่คนโดยไม่ฟังเสียงของประชาชนคงไม่ถูกต้อง

นอกจากนี้ ปัจจุบันได้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นภายในรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 309 ที่ยังไม่มีข้อสรุป แสดงให้เห็นว่า การมีส่วนได้ส่วนเสียของคนที่อยากจะแก้ไขมาตรา 309 มีอยู่เพียงไม่กี่คน ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นโดยไม่สามารถหาข้อสรุปได้จนถึงปัจจุบัน ส่วนการแก้ไขมาตรา 237 ภาระคงไม่ได้ตกไปอยู่พรรคพลังประชาชน พรรคร่วมรัฐบาลต่างมีส่วนได้ส่วนเสียพร้อมๆ กัน จึงพยายามเกาะกลุ่มอย่างเหนียวแน่นจะแก้ไขมาตรา 237 เพื่อผลประโยชน์ต่อพรรคตนเอง

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า วันนี้พรรคพลังประชาชนกำลังใช้วิธีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ด้วยวิธีฉีกรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ทิ้งทั้งหมด แล้วนำรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 มาใช้โดยไม่สนใจกระบวนที่มาของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ง่าย หากพรรคพลังประชาชนคิดจะแก้ไขเพื่อให้ตัวเองพ้นความผิด เป็นความพยายามฟื้นฟูระบอบทักษิณ ตัดตอนกระบวนการยุติธรรม แทรกแซงกดดันโยกย้ายการตรวจสอบจากทุกองค์กร พยายามล้มทุกองค์กรที่มาจากคณะรัฐประหาร

**จี้ อสส.สร้างความเชื่อมั่นสางทุจริตโต้ข้อครหา

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ปฏิเสธชี้แจงถึงผลกระทบหากมีการตัดมาตราที่เกี่ยวกับการยุบพรรคออกไป ว่า หากการแก้ไขนำไปสู่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในอนาคต กกต.ก็ต้องปฏิบัติตาม เพียงแต่วันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า กกต.ต้องทำหน้าที่สะสางคดีที่ค้างอยู่ให้เสร็จลุล่วง โดยเฉพาะการรวบรวมสำนวนส่งอัยการสูงสุดเพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า สำนักงานอัยการสูงสุดอาจจะไม่ส่งสำนวนยุบพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า เรากำลังเดิมพันคดีทุจริตทุกอย่างกับสำนักงานอัยการสูงสุดว่าจะส่งต่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งหากอัยการสูงสุดเป็นผู้ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียต่อกระบวนการตรวจสอบ ปัญหาก็จะเกิดขึ้น เนื่องจากคดีอาจจะถูกสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากไปมีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนั้นสำนักงานอัยการสูงสุดต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเห็น อย่าให้ประชาชนต้องลุกขึ้นมาปกป้องเกียรติภูมิของตัวก่อนถึงจะดำเนินการอย่างถูกวิธี

**เตือน “หมัก” ย้าย ขรก.ระวังซ้ำรอยรัฐบาลแม้ว

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวเตือนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี อย่าซ้ำรอยพ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับความเหมาะสมในการพูดถึงการโยกย้ายก่อนมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเกิดขึ้นอีกในรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะวันนี้มีการพูดถึงตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นตำแหน่งที่ต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหรือให้พ้นจากตำแหน่ง คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ดังนั้นตำแหน่ง ผบ.ตร.จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จึงยังไม่พ้นจากตำแหน่ง การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลจึงละเลยไม่นำพาพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญก็เป็นได้

**แฉเบื้องหลังลอยตัวค่าเงินบาท

ในช่วงที่ 2 นายปานเทพ ได้กล่าวถึงบทความ “ถอดรหัสคำพิพากษาศาลฎีกาคดีค่าเงินบาท ย้อนรอยวิกฤต 40 เปิดขบวนการปล้นชาติ” ซึ่งได้นำเสนอทางหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (www.manager.co.th) ไปแล้ว 2 ตอนว่า เป็นการขยายความจากกรณีศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่นายโภคิน พลกุล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรียื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีที่นายสุเทพได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในสภาเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2540 ว่านายโภคินอาจนำความลับในที่ประชุมเพื่อพิจารณาลดค่าเงินบาทในปี 2540 ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนบริษัทในเครือของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์ ซึ่งแม้ว่านายโภคินจะปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่ในที่ประชุมดังกล่าวโดยอ้างคำพูดของ พล.อ.ชวลิต แต่พยานของนายโภคินเองกลับยืนยันว่านายโภคินอยู่ในที่ประชุมด้วย และศาลได้ชี้ว่านายนายสุเทพซึ่งขณะนั้นเป็น ส.ส.มีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลจึงมีสิทธิที่จะตั้งข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าวได้

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ พล.อ.ชวลิตจะปฏิเสธว่าการประชุมเพื่อพิจารณาลอยตัวค่าเงินบาทในวันที่ 29 มิ.ย.40 ไม่มีนายโภคินอยู่ด้วย แต่ พล.อ.ชวลิตกลับเป็นคนจุดประกายให้ตนเขียนหนังสือเล่มหนึ่งในปี 2548 ชื่อ “บันทึกลับ 2540” ซึ่งไม่เข้าใจว่าหากปฏิเสธเรื่องดังกล่าวแล้วจะให้ตนเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาทำไม

นอกจากนี้ หนังสือเล่มดังกล่าวถือเป็นการทดลองใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วย เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ 2 ในหนังสือชุด 3 เล่ม โดยเล่มแรกชื่อ “โลกสีขาวของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” ส่วนเล่มที่ 3 ชื่อ “การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” ปรากฏว่าเล่มที่ 1 และ 3 พ.ต.ท.ทักษิณเขียนคำนิยมให้ แต่เล่มที่ 2 ที่เกี่ยวกับการลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540 ไม่ยอมเขียน

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า จากคำพิพากษาศาลฎีกายกฟ้องคดีนายโภคินฟ้องนายสุเทพดังกล่าว เมื่อนำมาประกอบกับข้อมูลในหนังสือบันทึกลับ 2540 แล้ว จะทำให้รู้ข้อมูลลึกๆ ของการลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 มากขึ้น

ทั้งนี้ หากเรียบเรียงเหตุการณ์ พบว่า ผู้บริหารแบงก์ชาติ 6 คน เริ่มหารือกันเรื่องการลดค่าเงินบาทตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 มิ.ย.40 ก่อนที่จะโทรศัพท์หานายเริงชัย มรกานนท์ ผู้ว่าแบงก์ชาติขณะนั้น แสดงว่ารู้กันแล้ว 7 คน วันที่ 24 มิ.ย.40 แบงก์ชาติมีการทำสัญญาสว็อปกับเอกชนบ้าง และเริ่มมีการทำสว็อปล็อตใหญ่ในวันพฤหัสฯ ที่ 25 มิ.ย.จนเงินสำรองเหลือน้อยลงเหลือเพียง 4 พันกว่าล้านเหรียญ และแบงก์ชาติแจ้งให้นายทนง พิทยะ รมว.คลังขณะนั้นทราบ และบอกให้แบงก์ชาติปรับอัตราแลกเปลี่ยน แต่แบงก์ชาติขอไปหารือกันก่อน จนกระทั่งวันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.40 แบงก์ชาติกลับทำสว็อปเป็นมูลค่าถึง 35,000 ล้านบาท หรือ 3,400 ล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องมีการลดค่าเงิน ซึ่งจะทำให้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

จะเห็นว่าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศหายไปในช่วง 3 วันก่อนประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ในวันที่ 2 ก.ค. 2540 เป็นมูลค่าถึง 5 หมื่นล้านบาท และสอดคล้องกับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2540 ว่า จะมีการลดค่าเงินบาท

ขณะเดียวกัน ช่วงก่อนวันประกาศลอยตัวค่าเงินบาทบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ทำทำสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าและแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย เพื่อป้องกันความเสี่ยงขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย ในมูลค่าที่สัญญาไว้เป็นจำนวนเงินรวม 6,775 ล้านบาท ทำสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนอีก 1,592.96 ล้านบาท และมีสินค้าคงเหลือจาก 869 ล้านบาท จากไตรมาสแรกของปี 2540 เพิ่มขึ้นกลายมาเป็น 2,196 ล้านบาท มากกว่าไตรมาสแรกถึง 2.52 เท่าตัว นี่เป็นข้อมูลที่ทำให้มีข้อสังเกตว่าใครได้ประโยชน์จากการลอยตัวค่าเงินบาทครั้งนั้น

อ่านเรื่องเกี่ยวเนื่อง
-ถอดรหัสคำพิพากษาศาลฎีกาคดีค่าเงินบาท ย้อนรอยวิกฤต 40 เปิดขบวนการปล้นชาติ - ตอนที่ 1 : เวลา 4 ทุ่ม กับคืนที่ทักษิณรู้ข่าวลดค่าเงินบาท
-ถอดรหัสคำพิพากษาศาลฎีกาคดีค่าเงินบาท ย้อนรอย วิกฤต’40 เปิดขบวนการปล้นชาติ ตอนที่ 2: เปิดบัญชี “ชินวัตร”ก่อนลอยค่าเงิน

-เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาคดีลดค่าเงินบาท(ฉบับเต็ม) ไขความลับดำมืด "ทักษิณ"อินไซด์ข้อมูล สะสมทุนตั้งพรรคกินเมือง??





กำลังโหลดความคิดเห็น