“สะสมทรัพย์” ดื้อตาใส อ้างไม่รู้ กม.โวยสื่ออย่าหลงประเด็น

“สะสมทรัพย์” ตะแบง อุ้ม “ไชยา” ลั่นลาออกหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น ดื้อตาใสอ้างไม่รู้ รธน.ปี 50 บังคับแจ้งหุ้น เมีย-ลูก ไม่บรรลุนิติภาวะ โวยสื่ออย่าหลงประเด็นเสนอข่าว ยืดอกรับประกัน “ไชยา” คนดีที่หนึ่งเลย

วันนี้ (10 เม.ย.) นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม ในฐานะพี่ชายใน นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการลาออกของน้องชายว่า การออกหรือไม่ออก ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นวันนี้ต้องดูว่าเราควรหันหน้าหาบทสรุปที่แท้จริง ว่า ตั้งใจหรือไม่ตั้ง อย่าไปฟันธงตั้งแต่แรก แล้วมารุมผสมโรงกัน ขณะที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด และก็ชี้แจงกันไม่ได้ ซึ่งตนไม่เห็นด้วย หากอยากให้บ้านเมืองสมานฉันท์ ตามที่พ่อหลวงเราอยากให้เป็นก็ควรจะถอยกัน แล้วมาดูว่าที่เราทำตั้งใจมั้ย ผิดมั้ย บริสุทธิ์ต่อบ้านเมืองและสังคมหรือไม่ ตรงนั้นเป็นประเด็นที่ควรแก้ไข ไม่อยากให้เยาวชนเกิดความแตกร้าว

ไม่อยากให้ผู้สื่อข่าวหลงประเด็น คนเขียนกฎหมายสรุปมาอย่างนี้ แต่เนื้อหาท่อนกลางไม่บอกผู้สื่อข่าว แล้วกลับมาบอกว่า ไม่ได้เขียนแบบนี้ ผู้สื่อข่าวเป็นคนบอก แต่ตนมั่นใจว่าน้องชายไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่พูดตรงเกินไป รับรองเขาเป็นคนดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ นายไชยา ยังปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิมหรือไม่ นายเผดิมชัย กล่าวว่า ก็ไม่มีอะไรผิด ให้พิสูจน์ออกมาและตัดสินออกมาให้ชัดเจน จะผิดหรือไม่ผิดเราไม่ว่า ซึ่งก็อยากรู้ว่ากฎหมายลูกจะตีความอย่างไร อาจจะเข้าใจผิด ควรจะพูดให้ชัดเจนและให้ผู้สื่อข่าวเข้าใจด้วย เพราะพวกเราไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ก็พยายามเรียนรู้กฎหมายที่ออกมาใหม่ๆ การมองมุมของกฎหมาย อาจจะต้องเหนื่อยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

“ความจริงแล้ว ไชยา ได้ยื่น 2.5 ล้านบาท ครบกำหนด 30 วัน แต่บังเอิญนั่งพูดกัน แล้วเห็นว่าของเมียบางตัวเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ก็เลยแจ้งย้อนไป กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญปี 2543 ระบุว่า รัฐมนตรีหรือนายกฯ หากยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ต้องแจงหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ด้วย แต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ได้ระบุ วันนี้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ในมาตรา 269 เพิ่มมาว่าภรรยาและลูกที่ไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องแจ้งด้วย แต่บังเอิญยังไม่มีบรรทัดฐานตัวนั้นไม่ได้เขียนไว้ในลูก ถ้าลูกเขียนมาพร้อมกันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันก็คลุมเท่านั้นเอง แต่วันนี้กลับมาบอกว่าทำความผิดรัฐธรรมนูญร้ายแรง ผมก็งง ไม่ได้โทษผู้ใหญ่ หรือ ป.ป.ช.ผิด แต่อยากถามว่าวันนี้บรรทัดฐานทางการเมืองระหว่างนักการเมือง ป.ป.ช.ไม่อยากให้คิดว่าเรามีอะไรระแวงซึ่งกันและกัน เรากำลังจะดูว่าเจตนาบริสุทธ์ของกฎหมายอยู่ตรงไหน และกฎหมายสร้างความเป็นธรรมอย่างไร” นายเผดิมชัย กล่าว