“อภิสิทธิ์” อัดพลังแม้วหมกหมุ่นแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญรายวันเพื่อตัวเอง ให้คนบางคนหนีความผิด ไม่มีหลักประชาธิปไตย แนะหากจะแก้ไขจริงควรให้คอนนอกทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ได้พูดไปชัดเจนแล้วว่าถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเป็นระบบ หรือทำให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้คิดว่าไม่ใช่แค่พรรคประชาธิปัตย์ แต่สังคมก็ไม่มีปัญหา ถ้าขณะนี้การหยิบยกมาตรานั้นมาตรานี้ขึ้นมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหมกมุ่นกับประเด็นปัญหาคดีความ เกี่ยวข้องกับคนในแวดวงรัฐบาล เราการสนับสนุนไม่ได้ ที่ไม่มีเจตนาเพื่อบ้านเมือง
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่า ที่จริงแล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พูดกัน ไม่ได้พูดถึงประเด็นที่เสนอกันมาในขณะนี้ แต่หยิบยกปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตย เช่นกรณีที่มาของวุฒิสภาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก แต่มาตราที่เกี่ยวกับการยุบพรรค หรือมาตราที่เกี่ยวข้องการจะยกเลิกองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้มีการพูดชัดเจน และไม่ลืมว่าวันที่นายสมัคร สุนทรเวช เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็พูดชัดว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วง 3 เดือนสุดท้าย และยืนยันว่าจะไม่ยุบคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดคามเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ดังนั้น เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญจึงดูเหมือนเป็นเรื่องที่รัฐบาลเพิ่งมาคิด หลังจากที่ตัวเองมีปัญหา ไม่ใช่เรื่องที่พูดมาก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนและเป็นระบบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องความมั่นใจของประเทศไทย จากการที่ได้พบปะกับนักลงทุนชาวต่างประเทศ และคณะทูตานุทูต พวกเขาก็ไม่มีปัญหา ถ้ากระบวนการความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่เวลานี้สิ่งที่เขาอยากเห็นในแง่ของความมั่นใจ คือ นโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลในเรื่องเศรษฐกิจ และอย่าสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง หรือไปสร้างข่าวให้เกิดความตื่นตระหนก เช่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนักลงทุนและคณะทูตต่างประเทศ ต่างรู้สึกตกใจว่าบุคคลระดับนายกรัฐมนตรีออกมาพูดเรื่องปฏิวัติ ตนจึงไม่อยากให้รัฐบาลสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้นจึงอยากให้เรามาทำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างตรงไปตรงมา และเชิญทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมดีกว่า
ถามว่า อดีต ส.ส.ร.เสนอให้ ส.ส.และส.ว.เข้าชื่อกัน 1ใน 4 เพื่อถอดถอน หากเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 122 ที่มีการแก้ไขเพื่อประโยชน์ส่วนตัว พรรคประชาธิปัตย์จะมีการเคลื่อนไหวอย่างนี้อย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรายังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ จนกว่าจะทราบว่ารัฐบาลเสนอแก้ไขอะไร และใครเป็นผู้เสนอ และต้องดูว่าที่เขาเสนอเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 122 หรือไม่ แต่โดยหลักแม้ว่าจะไม่ขัดต่อลายลักษณ์อักษร แต่คิดว่าระบบธรรมาภิบาล ระบบการเมืองและกฎหมายที่ดี คนที่มีอำนาจ ไม่ควรใช้อำนาจแก้ไขกฎหมายเพื่อตัวเอง และการถอดถอนต้องดูว่าเข้าข่ายกฎหมายหรือไม่ การถอดถอนไม่ใช่เป็นเพียงแค่กระบวนการว่าไม่เห็นด้วย แต่มีเงื่อนไขว่ากระทำการอะไร ที่สามารถถอดถอนได้
“พรรคประชาธิปัตย์แสดงจุดยืนมาโดยตลอด แต่จริงๆ แล้วฝ่ายรัฐบาลก็มีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพอมีปฏิกิริยา รัฐบาลก็เปลี่ยนอีก เพราะเขาก็ไม่ได้ทำตามที่เขาคิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ไม่ตรงกับเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ผมไม่ทราบว่าพรุ่งนี้หลังจากที่ไปปรึกษาพรรคร่วมรัฐบาลแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่ จริงๆ แล้วความไม่นิ่งอยู่ที่ฝ่ายที่ทำงานแก้ไขในขณะนี้ ซึ้งเป็นการแก้ไขที่ไม่มีหลัก นอกจากเป้าหมายเดียว คือการช่วยเหลือพวกพ้องตัวเอง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า รัฐบาลมีเสียงมากพออยู่แล้วที่จะแก้ไข หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เสียงคงไม่มีปัญหากับรัฐบาลแต่อยากเตือนรัฐบาลอีกครั้งว่าปัญหาเสถียรภาพหรือปัญหาความชอบธรรมของรัฐบาล ส่วนใหญ่ในระบบรัฐสภาไม่ได้อยู่ในเรื่องเสียง แต่อยู่ที่ว่าเอาเสียงไปทำอะไร อยากยืนยันว่าวันนี้ไม่ว่าคนจะเลือกรัฐบาลหรือไม่เลือกในการเลือกตั้ง ทุกคนอยากให้รัฐบาลได้มีโอกาสทำงาน แต่ไม่ใช่เอาอำนาจมาใช้ประโยชน์กับพวกพ้อง และปัญหาของประเทศก็มีมาก ไม่มีใครอยากเห็นความวุ่นวาย แต่รัฐบาลอย่าฉวยโอกาสทำเพื่อตัวเอง ควรเอาความปรารถนาดีของคนที่คิดให้โอกาสรัฐบาลมาแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องข้าว เรื่องเรียนฟรี ต่อไปนี้รัฐบาลควรเอาเวลาไปทำเรื่อพวกนี้ อย่าเอาเวลาไปทำให้เกิดความยัดแย้งและวุ่นวาย และฝ่ายค้านเองที่พยายามไม่เคลื่อนไหวอะไรรุนแรงเพราะเราอยากเห็นบรรยากาศบ้านเมืองไปได้ด้วยดี เพราะทุกคนก็ล้ากับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม แต่รัฐบาลจะต้องหยุดสร้างเงื่อนไข
ต่อข้อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าการออกมาคัดค้านครั้งนี้จะถูกบิดเบือนว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปสนับสนุนรัฐธรรมนูญของการรัฐประหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุน ต้องถามว่าคนที่มาเสนอแก้ไขตอนนี้อาศัยอำนาจอะไร อาศัยอำนาจที่มาจากรัฐประหารเหมือนกัน เพราะที่มาของ ส.ส.ทุกคนก็มาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จากกฎหมายที่ สนช.ออก ทำไมถึงไม่พูดกันบ้าง ไม่พูดถึงตัวเองบ้าง ทำไมพูดเฉพาะ คตส.แน่นอนว่าเราอยากเห็นการปรับปรุงแก้ไข แต่การปรับปรุงแก้ไขต้องปรับปรุงเพื่อระบบที่ดีในระยะยาว ไม่ใช่มาแก้เป็นเรื่องๆ ไป
“วันนี้คิดเรื่องยุบพรรคก็ไปมาตรา 237 วันนี้คิดเรื่องจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไปมาตรา 309 ถามว่านี่คือวิธีการทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น หรือเป็นเพียงวิธีการว่า การเมืองเป็นการแย่งชิงอำนาจกัน ใครมีอำนาจก็แสวงหาผลประโยชน์หรือปกป้องตัวเองไป นี่ไม่ใช่การเมืองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” นายอภิสิทธิ์ ระบุ