ฝ่ายค้านเตือน “หมัก” อย่าพูดส่งเดชจี้ใช้ กม.ฟันพวกสุมหัวปฏิวัติ

ผู้นำฝ่ายค้าน จี้ “หมัก” เผยข้อมูลและดำเนินคดีพวกสุมหัวคิดปฏิวัติ เตือนอย่าพูดส่งเดชสร้างปัญหาขัดแย้งในสังคมเพิ่มขึ้นมาอีก แนะให้ไปทางช่วยบรรเทาทุกข์กับชาวบ้านจะดีกว่า

วันนี้ (31 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีคนส่งเอกสารแจ้งว่ามีคนจะปฏิวัติและจ้องจะล้มรัฐบาล ว่า หากเรื่องนี้มีมูล อยากจะให้นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย และไม่ควรที่จะแสดงในที่สาธารณะ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาความไม่มั่นใจของชาวโลก และจะสร้างให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง เนื่องจากจะมีการกล่าวหากันไปมา ดังนั้น ในวันนี้ แทนที่รัฐบาลจะยุ่งอยู่กับทุกข์ของตัวเอง ควรที่จะรีบไปดูปัญหาที่เป็นทุกข์ของประชาชนจะดีกว่า

“ผมคิดว่า อยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีพยายามลดการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมือง และเร่งแก้ไขปัญหาของประเทศ และประชาชน เพราะตอนนี้ฝ่ายค้านพยายามหลีกเลี่ยงที่จะจุดประเด็นทางการเมือง เพราะรู้ว่าต้องการที่จะให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ประชาชนรอคอยมานาน โดยเฉพาะคาดหวังจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ท่านนายกฯน่าที่จะเดินไปในแนวนี้ จะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลเอง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ส่วนการออกมาพูดของนายกรัฐมนตรีเป็นการตีกันกลัวว่าจะมีการปฏิวัติหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเจตนาของนายกรัฐมนตรี แต่อยากจะแนะนำว่าขอให้ใส่ใจและให้ความสำคัญกับปัญหาของประชาชนมากกว่า

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคจะรอฟังท่าทีของคณะกรรมการประสานงาน หรือวิปของรัฐบาลและฝ่ายค้านก่อน เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีการพูดคุยกันอยู่ว่าจะนำญัตติเรื่องของรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้หรือไม่ แต่ขณะเดียวกัน คณะทำงานพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ดูประเด็นต่างๆ ไว้เรียบร้อยและพร้อมที่จะเสนอได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเดิมที่เคยพูดกันไว้ตั้งแต่ตอนที่รัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบ ส่วนมาตรา 309 และ 227 ที่เกี่ยวกับการยุบพรรค และการรองรับองค์กรที่ตั้งโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น พรรคไม่ได้มองว่าตรงนี้เป็นปัญหาหลัก แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องดูข้อเสนอของคนที่อยากจะแก้ไขว่าจะเขียนอย่างไร เพราะจนถึงขณะนี้ยังมีการตีความที่แตกต่างกันออกไปอยู่

ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบถึงกระแสข่าวการทำปฏิวัติ ว่า การที่นายสมัครไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อบุคคลที่คิดทำปฏิวัตินั้น ชี้ให้เห็นว่า นายสมัคร ไม่รู้จริงและไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การที่อ้างว่าหากบอกไปเกรงจะตกหลุมพรางที่สื่อขุดเอาไว้ คิดว่าไม่มีใครขุดหลุมดักนายสมัคร แต่เป็นนายสมัครที่ขุดหลุมและติดกับดักตัวเองมากกว่า แล้วมาตีโพยตีพายว่ามีคนพยายามถามคำถามยัดใส่ปากจึงต้องพูดออกไป จะเห็นว่านายสมัครมีพฤติกรรมแบบนี้ทุกครั้งที่ถูกกระแสสังคมต่อต้าน

เพราะหากยังจำกันได้เมื่อไม่นานมานี้ นายสมัคร เคยนำเสนอแนวคิดการเปิดบ่อนกาสิโน แต่พอถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างหนักก็ปฏิเสธความรับผิดชอบ และโยนความผิดให้กับผู้ชมรายการจากทางบ้านที่สอบถามมา ตนคิดว่านายสมัครกำลังใช้ความเป็นอดีตนักโต้วาที แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เพียงเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น

“นายสมัคร กำลังกลัวภาพหลอนเรื่องการปฏิวัติ เพราะตัวเองเติบโตและได้ดิบได้ดีมาในยุคของเผด็จการ มาโดยตลอด ท่านคงกลัวว่าเวรกรรมจะตามสนองจึงคิดเรื่องการทำปฏิวัติขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่างเท่านั้น”

ส่วนการที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ยืนยันว่า ทหารยุคนี้ไม่มีปฏิวัตินั้น ถือเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตาม การปฏิวัติเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม ยากต่อการคาดเดา แต่สิ่งที่จะเป็นภูมิคุ้มกันเรื่องนี้ได้ดีที่สุด คือ การที่รัฐบาลจะต้องซื่อสัตย์ สุจริตไม่คดโกง และไม่ทำให้สังคมเกิดความแตกแยก

/0110