“เทพไท” หยัน “หมัก” ท่าจะไม่สบาย-จิตหลอน ระแวงเด้งจากเก้าอี้ขนาดหนักถึงขั้นปูดข่าวพบแผนปฏิวัติ ด้าน “สุรัตน์” สับเละนายกฯ ไร้สาระ จับพิรุธเร่งแก้ รธน.หวังซ้อนกลโยกย้ายทหารประจำปี ขณะที่ “พิภพ” ผวา “ปากหมัก” กระทบ ศก.ประเทศ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการคนในข่าว
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี คืนวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งเปิดประเด็นซักถาม ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล รองคณะบดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายพิภพ ธงชัย ที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช ออกมาเปิดเผยว่า มีคนจ้องล้มรัฐบาลด้วยการทำรัฐประหาร และถูกสื่อขุดหลุมพราง
โดย ผศ.สุรัตน์ กล่าวว่า นายกฯ จะใช้ใบปลิวมาอ้างได้หรือไม่ ทั้งๆ น่าจะใช้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากหน่วยข่าวกรอง ซึ่งในประเทศไทยมีหน่วยงานดังกล่าวค่อนข้างเยอะ และถ้านายกฯ ค่อนข้างมั่นใจกับข้อมูล ก็ต้องจัดการ จะมาปูดเล่นๆ อย่างนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องเอาใบปลิวมาอ้าง
“จริงๆ แล้วเขาน่าจะลอกเลียนแบบทางการเมืองมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะการกุข่าวบางประเภทให้คนคล้อยตาม ซึ่งมีทั้งข่าวจริง และไม่จริง ซึ่งเราเห็นค่อนข้างชัดเจนมาโดยตลอด โดยในอดีตมีการมุ่งเน้นไปที่ภาคใต้ หรือซึนามิ ซึ่งมีการเปลี่ยนกฎหมายจนมีผลต่อเศรษฐกิจ เป็นวิธีการที่แยบยลที่ทำให้เราไหวตาม แล้วเขาก็ไปทำในสิ่งอื่นๆ ส่วนกรณีที่ 2 คือ อาจจะเป็นยุทธศาสตร์ในการโยกย้ายทหาร และกรณีที่ 3 คือ การบอกกับต่างประเทศว่ามีคนคิดร้ายกับรัฐบาล ซึ่งประเด็นทั้งหมด คือ การสร้างวาทะกรรมให้คล้อยตาม”ผศ.สุรัตน์ กล่าว
ผศ.สุรัตน์ กล่าวอีกว่า การที่ทหารจะทำการปฏิวัติได้ ก็จะต้องมีปัจจัยหลากหลายพอสมควร เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ส่วนที่มีคนบอกว่าการทำรัฐประหารแล้วทำให้ประชาธิปไตยถอยหลังนั้น โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยเชื่อ เพราะยังมีความก้าวหน้าปรากฏให้เห็นอยู่ ที่สำคัญ คือ การที่ออกมาพูดเรื่องรัฐประหารก่อนที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะมีงานสัมมนานั้น ชี้ให้เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระโดยสิ้นเชิง เพราะบ้านเมืองไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรง แล้วจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
“ไม่คิดว่าพรรคพลังประชาชนจะเป็นหัวโจกในการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 237 ได้ เพราะมีการอ้างมาโดยตลอดว่าพรรคไทยรักไทยในอดีต และพรรคพลังประชาชน ชนะเพราะนโยบาย ถ้าคิดเช่นนั้น แล้วจะกลัวทำไม เพราะการทำเช่นนี้ จะทำให้สถานการณ์ที่จะเอื้อการทำรัฐประหารมันเปลี่ยนไป ซึ่งต้องขอชมพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปลดขนาดของกรรมการบริหารพรรค เพราะไม่รู้ว่าใครจะไปกระทำผิดอะไรหรือไม่ นั่นแสดงให้เห็นว่าเคารพกฎหมาย และต้องการให้การเมืองเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่ไปเปลี่ยนกฎหมาย”ผศ.สุรัตน์ ระบุ
ด้าน นายเทพไท กล่าวว่า นายสมัคร เป็นคนช่างพูด จะเห็นได้จากข่าวคาสิโน ที่เป็นคนเปิดประเด็นเองเรื่องบ่อนคาสิโน โดยบอกว่าจะสร้างให้เสร็จภายใน 4 ปี แต่พอกระแสประชาชนไม่เอา ก็บอกว่าไม่ได้พูด เพราะมีคนมาถามก็ตอบไป เรื่องปฏิวัติก็เช่นกัน เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และไปโทษว่าสื่อเป็นคนขุดหลุม ที่สำคัญนายสมัคร ไม่สมควรที่จะเอาหลักฐานซึ่งเป็นใบปลิวมาเป็นข้ออ้าง เพราะมันอ่อนเกินไป
“นายกฯ สมัคร น่าจะไม่สบาย หรือจิตหลอน หวาดระแวงเรื่องรัฐประหาร ซึ่งเมื่อดูประวัตินายสมัคร จะเห็นว่าในอดีตผูกกับการปฏิวัติมาโดยตลอด และได้ดิบได้ดีจากการทำรัฐประหาร จึงทำให้คิดว่า จะมีอะไรมาทำให้กระทบกับตัวเองหรือไม่ ส่วนใบปลิวที่นายสมัคร เห็นคนเดียว แล้วนำมากล่าวอ้างนั้น เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าจำเลยในที่นี้คือใคร และการที่นายสมัคร ยืนอยู่ในตำแหน่งนายกฯ คงจะรู้ว่าไม่มั่นคง เพราะถ้ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็คงจะไม่มีใครออกมาปกป้องนอกจาก ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งถ้าเทียบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าเฉี่ยวเพียงนิดเดียว ในสภาก็จะยกมือประท้วงกันพรึ่บ”นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวอีกว่า มีนักการเมืองหลายคนจากหลายพรรค รวมทั้งกลุ่มอีสานพรรคพลังก็ออกมาคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตรงนี้ทำให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้นวิกฤติตรงนี้ทำให้นายสมัคร อ่อนลง แต่คิดว่าไม่ก่อให้เกิดวิกฤติจนลุกลามไปถึงขั้นรัฐประหาร เพราะถ้ารัฐบาลไม่โกงกิน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะมีการก่อรัฐประหาร ฉะนั้นถ้ารัฐบาลสามารถที่จะควบคุมไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็จะไม่มีทหารคนไหนลากรถถังออกมา และท่ามกลางวิกฤติตรงนี้ คนในพรรคพลังประชาชนส่วนหนึ่งคิดว่าถ้ายุบพรรคไปก็ดี เพราะตัวสำรองจะได้โอกาสเล่นบ้าง แต่ที่กระทบมากที่สุด คือ พรรคชาติไทย
ขณะที่ นายพิภพ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับกรณีที่นายสมัคร เอาใบปลิวมาเปิดเผยเรื่องแผนปฏิวัติ เพราะจะทำให้การลงทุนชะงัก รวมทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ไม่มีความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ จึงไม่ควรออกข่าวในเชิงที่ว่าการเมืองไทยไม่มีความแน่นอน เพราะจะทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ที่สำคัญรัฐบาลจะไปกล่าวหาใครไม่ได้เลย เพราะแม้แต่ตัวนายกฯ เองก็ไม่มีความมั่นคงในพรรค ซึ่งการพูดเช่นนี้ ก็หมายถึงทหารเท่านั้น โดยอาจจะเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายทหารในเดือน ก.ย.นี้ หรือไม่
“พรรคพลังประชาชนต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 วรรค 2 และมาตรา 309 โดยเฉพาะมาตรา 237 นั้น มีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะมีสมาชิกพรรคบางคนไม่เห็นด้วย ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการสร้างข่าวเพื่อยุทธการบางเรื่อง พอบอกว่าจะมีการทำรัฐประหาร ซึ่งแน่นอนก็คือต้องเป็นผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งสิ่งที่น่าคิด คือ เดือนกันยายนนี้ ผบ.ทบ.จะรักษาเก้าอี้เอาไว้ได้หรือไม่ ดังนั้นคำพูดของนายสมัคร จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะคุณสมบัติของการเป็นนายกฯ เวลาพูดอะไรจะต้องรับผิดชอบ เพราะทำให้เกิดความตื่นกลัว ดังนั้นการที่เราไม่เติมพลังให้กับประชาชน และพลังอื่นๆ ให้มีคุณภาพ ก็จะไม่สามารถกดทับการทำรัฐประหารได้”นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวอีกว่า นายกฯ และ ร.ต.อ.เฉลิม ก็รู้ว่าไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียงได้ ดังนั้นการเป็นนายกฯ ที่ดี จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปทำลายรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เพราะจะทำให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพ จนทำให้ทหารไม่สามารถอ้างเหตุในการทำรัฐประหารได้เลย ที่สำคัญอำนาจศาลขณะนี้ ถ้าฝ่ายการเมืองไม่สามารถแทรกแซงได้ ก็จะกลายเป็นอำนาจอธิปไตยได้