อิทธิพลมืดทำร้ายแกนนำกลุ่ม “รักษ์เชียงแสน” ต้านรุกป่าสบกก-บ่อนเสรี

เชียงราย - “อ๊อดเวียงเก่า” ประธานชมรมกลุ่มรักษ์เชียงแสน โวยถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลคุกคามทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ ซึ่งสาเหตุยังไม่ทราบชัด ยืนยันไม่เคยเกิดเหตุลักษณะนี้ แต่ยอมรับเคยวิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านการรุกป่าสบกก การเมือง ล่าสุดเตือนสติคนไทยอย่าไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากมีบ่อนพนันผุดตรงข้ามสามเหลี่ยมทองคำ และไม่เห็นด้วยกับบ่อนเสรีในไทย

นายนิกรณ์ เหล่าวานิช หรือ “อ๊อด เวียงเก่า” อายุ 60 ปี ประธานชมรมกลุ่มรักษ์เชียงแสน ผู้สื่อข่าวพิเศษ นสพ.ท้องถิ่นฉบับหนึ่งในพื้นที่ และเป็นผู้ดำเนินรายการ “ที่นี่เชียงแสน” สถานีวิทยุชุมชนโยนกนคร คลื่น 92.5 เมกะเฮิรตซ์ ได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่าถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลมืดคุกคามทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีผลพวงจากการติดตามนำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา และพิทักษ์ท้องถิ่นเมืองเชียงแสนจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลรูปแบบต่างๆ

นายนิกรณ์ กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากรับประทานอาหารในย่านชุมชน อ.เชียงแสน มาจนถึงหน้า โรงพยาบาลเชียงแสน แนวกำแพงเมืองโบราณ-ศาลเจ้าพ่อป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้ถูกชายฉกรรจ์ 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์แบบชายยี่ห้อฮอนด้าสีดำตามประกบ และทำทีมาสอบถามทางไปโรงแรมแห่งหนึ่ง

ระหว่างนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายที่มีการสวมหมวกแก๊ปปิดหน้า ได้ใช้กำปั้นชกหน้าตนหลายครั้ง และพยายามจะลงมาทำร้ายร่างกายอีก ตนจึงรีบวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลอำเภอเชียงแสน จากนั้น 2 คนร้ายได้ขับขี่รถวกกลับเข้าไปในย่านชุมชนเชียงแสน จึงรีบแจ้งตำรวจสกัดแต่ไร้วี่แววต่อมาเข้าแจ้งความไว้กับ พ.ต.ต.วิชัย ไชยอิ่นคำ พนักงานสอบสวน สภ.เชียงแสน ให้ติดตามหาตัวคนร้ายให้ได้

นายนิกรณ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุคาดว่าจะมาจากหลายเรื่อง ซึ่งในช่วง 9 เดือนก่อนหน้านี้ ได้เคลื่อนไหวในฐานะหัวหน้ากลุ่มรักษ์เชียงแสน ร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.เชียงแสน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ออกมาร่วมต่อต้านการบุกรุกทำลายป่าธรรมชาติ โดยเฉพาะคดีกลุ่มผู้มีอิทธิพลรุกป่าสงวนแห่งชาติ สบกกฝั่งขวา ที่ถูกบุกรุกกว่า 916 ไร่ ป่าของประเทศถูกทำลายมูลค่ากว่า 62 ล้านบาท

ครั้งนั้นมีการติดตามความคืบหน้าคดีอย่างใกล้ชิด เพราะเห็นว่าเมืองเชียงแสน เป็นเมืองชายแดน มีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ การทำลายดังกล่าวอาจทำให้เมืองเชียงแสน สูญเสียความสวยงามลงไปได้ และเรื่องการเมืองก็ได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเมืองทั้งท้องถิ่น และระดับชาติมาหลายครั้ง

แต่ในครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ดำเนินรายการวิทยุชุมชน ซึ่งจัดทุกวันเสาร์ตามปกติ โดยพูดในรายการถึงการเข้ามาตั้งคาสิโนบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งในเขตแดนพม่ามีกลุ่มนักการเมืองไทยบริหารอยู่ ส่วนที่ฝั่งประเทศ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน ขณะนี้ล่าสุดมีกลุ่มทุนจีน เข้ามาก่อสร้างคาสิโน 5 ดาวมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท และจะเปิดปลายปีนี้

จึงไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการจัดตั้งคาสิโนเสรีในเขตแดนไทยขึ้นมาอีก เพราะจะทำให้ชาวบ้านมาเชียงแสน แล้วลุ่มหลงเล่นแต่การพนัน จนลืมการเป็นเมืองพุทธศาสนาดั้งเดิมลงไป และฝากเตือนให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ เน้นมาทำบุญที่องค์พระพุทธนวล้านตื้อ หรือ พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน และชมธรรมชาติ จะดีกว่าจนมาถูกร้าย ซึ่งน่าจะเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

เมืองเชียงแสนปัจจุบันจึงมีแต่กลุ่มนายทุนและผู้มีอิทธิพลนอกพื้นที่เข้ามามากมาย ซึ่งไม่ทราบว่าการทำหน้าที่ปกป้องเมืองเชียงแสน ของตนในเรื่องใดที่อาจทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลไม่พอใจ ส่งคนร้ายมาดักทำร้าย ลักษณะเตือนหรือข่มขู่ ซึ่งตนต้องระวังมากขึ้นเพราะครั้งต่อไปไม่รู้จะมีชีวิตรอดหรือไม่ และจะเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พ.ต.อ.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รักษาการ ผบก.ภ.จ.เชียงราย ให้จับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว