ตัวแทนพันธมิตรฯ ทุกภาค ยืนยันเป็นเสียงเดียว ประชาชนตื่นตัวปกป้องผลประโยชน์ ไม่ยอมให้รัฐบาล-นักการเมือง มาแสวงหาประโยชน์เพื่อพวกพ้อง “วีระ สมความคิด” ยืนยันเดินหน้าขุดคุ้ยทุจริต การข่มขู่คุกคามไม่ได้ผล ขณะที่ “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” ชี้เป็นแค่ผลประโยชน์ของ “นักล่าลาภ”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การอภิปราย รัฐบาลเลือกตั้งกับการเมืองภาคประชาชน
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป การอภิปราย "รัฐบาลเลือกตั้งกับการเมืองภาคประชาชน" (ช่วงที่ 2)
( 56 k ) | ( 256 K )
วันนี้ (28 มี.ค.) รายการยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในช่วง “รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับการเมืองภาคประชาชน” โดย นายวีระ สมความคิด ในฐานะตัวแทนพันธมิตรฯภาคกลาง นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ในฐานะตัวแทนภาคอีสาน นายสุทธิ อัชฌาศัย ตัวแทนจากภาคตะวันออก นายบรรจง นะแส ตัวแทนจากภาคใต้ และ นายสุวัฒน์ วัฒนศิริ ตัวแทนจากภาคเหนือ ดำเนินรายการโดย อัญชลี ไพรีรัก
อย่างไรก็ดี ก่อนที่ นายวีระ จะเริ่มพูดได้มีการเปิดเทปบันทึกเสียงการโทรศัพท์ขู่เอาชีวิต ไม่ให้เข้ามาตรวจสอบการทุจริตและขัดขวางการกระทำมิชอบของรัฐบาลที่มีความยาวประมาณหนึ่งนาทีเศษ จากนั้น นายวีระ ย้ำว่า การดำเนินการตรวจสอบของตัวเองจะมีผลกระทบสำหรับคนโกงเท่านั้น ส่วนคนสุจริต และข้าราชการสุจริตจะไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น และยืนยันว่าข่มขู่คุกคามจะไม่มีทางมาหยุดยั้งตัวเองได้
การสัมมนาพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา มันไปทำลายบรรยากาศตรงไหน ทีพวกเค้าไปทำลายบรรยากาศ ยกตัวอย่าง นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าไปเปิดเผยเรื่องภายในของ อสมท สิ่งนั้นน่าจะเกิดผลกระทบต่อการลงทุนมากกว่าการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน วันนี้รู้สึกหดหู่กับรัฐบาล ที่มีนายกรัฐมนตรี และเสนาบดี ที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ตั้งแต่เข้ามาทำงานไม่เห็นผลงาน วันๆ เอาแต่ไปทะเลาะกับคนนั้นคนนี้
ทางด้าน นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ตามปกติรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นนอมินีของประชาชน แต่กลับกลายเป็นว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดนี้เป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นว่า นักเลือกตั้งพวกนี้เป็น “นักล่าลาภ” แสวงหาผลประโยชน์ภายหลังได้เข้ามาเป็น ส.ส.ไม่สนใจ ว่า ประเทศจะเกิดความเสียหายมากน้อยหรือไม่
“เราต้องสร้างการเมืองภาคประชาชนให้เข้มแข็ง สร้างความเข้าให้กับประชาชนในระดับรากหญ้า อย่าปล่อยให้นักการเมืองที่ไม่ดีเข้ามาครอบงำทางความคิด เฉกเช่น การเลือกตั้งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ที่ผ่านมา คนทั้งประเทศเห็นผลการเลือกตั้ง ก็ด่วนสรุปยกให้เป็นพื้นที่ของกลุ่มอำนาจเก่า โดยหากดูจากข้อมูลกลับพบว่า ต้นเหตุที่ทำให้เสียงไหลไปอยู่กับกลุ่มอำนาจเก่า มาจากการดำเนินการจัดการเลือกตั้งที่ไร้ประสิทธิภาพ เสียงประชาชนในพื้นที่แตกแยก จนคะแนนส่วนใหญ่เทไปยังกลุ่มดังกล่าว” นายไชยวัฒน์ กล่าว
ขณะที่ นายสุทธิ กล่าวว่า ตนเรียกร้องให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลการทุจริตในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามที่เปิดเผยข้อมูลออกมาก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า ในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบฯให้เปิดเผยข้อมูลในเรื่องนี้ การเมืองมันต้องมีการพัฒนา มีความเจริญ พร้อมทั้งต้องสร้างโอกาสให้กับภาคประชาชน ดังนั้น การรวมตัวของเราในวันนี้เป็นการเมืองภาคประชาชนอย่างแท้จริง มีที่มาที่ไป มีความหวังดีต่อประเทศชาติ ไม่ได้คิดหรือไปจ้องทำร้ายใคร ยึดประเทศเป็นหลัก
ทั้งนี้ หากการเมืองภาคประชาชนไม่เอาผลประโยชน์ของประชาชนมาเป็นตัวตั้ง เราคงพูดไม่ได้ เราต้องนำข้อเท็จจริงและข่าวสารที่ถูกปกปิดมาเปิดเผย ปัญหามันต้องอยู่บนฐานข้อมูลที่ตั้งเป้าให้ชัดเจน ขณะเดียวกัน ต้องกำจัดนักการเมืองที่มุ่งหวังทำร้ายการเมืองภาคประชาชน โดยใช้เหตุและผลความจริงเป็นหลัก ต้องจัดระบบให้ถูกต้อง
ส่วน นายบรรจง กล่าวว่า โรคของคนไทยในเวลานี้ มีโรคของคนจน โรคของช่องว่างระหว่างรายได้ มีผลประโยชน์ มีการแย่งชิงทรัพยากร เวลานี้ถ้าเปรียบประชาธิปไตยในบ้านเราเหมือนกับ ประชาธิปไตยผีดิบไม่มีจิตวิญญาณเพื่อประชาชน มีแต่ผลประโยชน์เป็นใหญ่
ขณะที่ นายสุวัฒน์ กล่าวว่า ตามปกติรัฐบาลจะแยกไม่ออกกับประชาชน แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อเราส่งเข้าสภาแล้วไม่ได้ดูแลต่อ เพราะเชื่อว่าจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน แต่ปรากฏว่า ทุกอย่างตรงกันข้าม คิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว พวกพ้อง แต่โชคดีที่มีพันธมิตรฯมาปลุกให้ตื่นตัว ทำให้รัฐบาลที่มีพฤติกรรมแบบนั้นต้องหยุดลง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การเมืองภาคประชาชนในภาคเหนือตื่นตัวมากขึ้น