รมช.คลัง ยันยังไม่มีนโยบายเก็บเพิ่มภาษีบาป เผยเพียงแต่อยู่ในขั้นตอนศึกษาข้อมูล ตอบไม่ได้หาเงินมาชดเชยนโยบายไม่เก็บภาษีกิจการโทรคมนาคม ที่ทำรัฐสูญเงิน 1.7 หมื่นล้าน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นตั้งกระทู้สด เรื่องการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรและการหารายได้ของกระทรวงการคลัง ถามนายกรัฐมนตรี
โดยนายจุติกล่าวว่าที่ผ่านมารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีนโยบายจัดเก็บภาษีกิจการโทรคมนาคม ในอัตราร้อยละ 0 และนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายการจัดเก็บใหม่ จึงอยากถามว่ากระทรวงการคลังมีเป้าหมายการจัดเก็บภาษีและโครงสร้างใหม่เป็นอย่างไรและคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจหรือไม่ และนโยบายที่มอบหมายการจัดเก็บภาษีสุรา บุหรี่ เบียร์ สลากกินแบ่งรัฐบาล หรือที่เรียกว่าภาษีบาป โดยอ้างว่าเพื่อลดปัญหาอบายมุก แต่กลับมีการผลิตไพ่ออกมาจำหน่าย กระทรวงการคลังจะดำเนินการอย่างไรไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายให้กรมธนารักษ์บริหารรายได้เชิงพาณิชย์ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการเพิ่มค่าครองชีพของประชาชน ถือเป็นการสวนทางกับนโยบายลดค่าครองชีพ ดังนั้นรัฐบาลมีนโยบายนี้อย่างไร
นายจุติ ถามด้วยว่า การยกเลิกจัดเก็บภาษีกิจการโทรคมนาคมทำให้รัฐสูญเสียรายได้17,000ล้านบาท กระทรวงการคลังจาหารายได้มาชดเชยจากไหน และการที่ครม.มีมติขายเวลาลดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ ออกไปอีก 2 ปี โดยบอกว่าจะเก็บจากนักท่องเที่ยว หรือพวกที่มีอันจะกินมาแทน จะทำได้เมื่อไหร่ รวมถึงการที่รัฐจะเพิ่มภาษีสลากกินแบ่งรัฐบาล จะกระทบกับการขายสลากที่เกินราคาอยู่ในขณะนี้หรือไม่
ด้าน ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ รมช.คลัง กล่าวชี้แจงว่า รัฐบาลไม่ได้บอกว่าจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีโทรคมนาคมขณะนี้ เพียงแต่บอกให้ไปศึกษา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ อาจจะเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน รวมถึงภาษีสุรา หรืออื่นๆ ก็เช่นกัน ที่สั่งให้มีการศึกษาว่าสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมีอะไรบ้าง และเคยจัดเก็บมาแล้วกี่ปี และควรจะเก็บเพิ่มหรือไม่ ส่วนการจัดเก็บภาษีสลากกินแบ่งนั้น ก็ไม่เคยมีการจัดเก็บเลย
ร.ต.หญิงระนองรักษ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในการดูแลของตน แต่อยู่ในการดูแลของกรมสรรพากร ส่วนเรื่องการสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีโทรคมนาคม 17,000 ล้านบาท ขณะนี้มอบให้กรมสรรพสามิตไปดูว่าจะมีการจัดเก็บภาษีตัวไหนเพิ่มเติมโดยไม่กระทบกับผู้บริโภค ซึ่งภาษีนี้ไม่ได้จัดเก็บมาเป็นเวลาถึง 2 ปีแล้ว นอกจากนี้ยังใช้ระบบเทคโนโลยีข้อมูล มาปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดเก็บให้มีรายได้มากขึ้น
