xs
xsm
sm
md
lg

ฉลองภพกลับทีดีอาร์ไอ ฝากขุนคลังใหม่ช่วยส่งออกพ้นวิกฤต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ฉลองภพ” เก็บกระเป๋ากลับทีดีอาร์ไอ สั่งเสียข้าราชการคลังทำงานตรงไปตรงมา วอนรัฐบาลชุดใหม่อย่าเอาแต่หาเสียง ควรเน้นงานระยะปานกลาง และระยะยาว เพื่อให้การบริหารงานอนาคตไม่เกิดความเสี่ยง ชี้ ปัญหาเร่งด่วนรัฐมนตรีคลังต้องอุ้มส่งออกพ้นวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยอมรับปลื้มผลงานผลักดัน พ.ร.บ.การเงิน

นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอำลาข้าราชการกระทรวงการคลัง เมื่อวานนี้ (30 ม.ค.) ว่า ทันทีที่มีการโปรดเกล้าฯรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ตนก็พร้อมที่จะกลับไปทำงานที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ตามเดิมทันที โดยจะเข้าไปทำงานในส่วนของภายใน แต่ไม่ได้กลับไปเป็นตำแหน่งประธานทีดีอาร์ไอเหมือนในอดีต ทั้งนี้ นายฉลองภพ จะเก็บกระเป๋าออกจากกระทรวงในวันที่ 1 ก.พ.นี้

นายฉลองภพ กล่าวว่า อยากฝากให้ข้าราชการกระทรวงการคลัง ดำเนินนโยบายและให้คำปรึกษากับรัฐมนตรี และรัฐบาล อย่างตรงไปตรงมา และวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของมาตรการต่างๆ โดยพัฒนาระบบให้มีความแข็งแกร่งในระยะปานกลางและระยะยาวด้วย

“ลำพังฝ่ายการเมืองจะมองแต่เรื่องที่จะได้รับคะแนนนิยมในระยะสั้น ข้าราชการประจำต้องชูประเด็นเกี่ยวกับการสร้างระบบในระยะยาวขึ้นมาถ่วงด้วย ถ้าทำทุกอย่างแล้วเห็นประโยชน์ในระยะสั้นอย่างเดียวในที่สุดอาจทำให้ระบบอ่อนแอ และเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาได้” นายฉลองภพกล่าว

ส่วนรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารงานและต้องตัดสินใจกำหนดนโยบาย อยากจะฝากให้เห็นถึงความสำคัญของการวางรากฐานสำหรับระยะปานกลาง และยาวควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาระยะสั้นด้วย เพื่อให้การบริหารงานในอนาคตไม่เกิดความเสี่ยง เพราะการเมืองมักเน้นการทำงานในระยะสั้น

***ฝากช่วยส่งออกพ้นวิกฤตสหรัฐฯ

รมว.คลัง กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ว่า ในระยะสั้น สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ก็คือ ผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย ซึ่งต้องติดตามว่า ภาคส่งออกจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าหากเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลง ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก แต่ที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้ดำเนินการเพื่อรองรับปัญหาดังกล่าวไปบ้างแล้ว โดยพยายามสร้างอุปสงค์ภายในประเทศเพื่อรองรับการชะลอตัวของภาคส่งออก

ส่วนที่เป็นนโยบายการคลัง การจัดทำงบประมาณขาดดุลในปี 2551 จะเห็นชัดว่า ในไตรมาส 1 ของปีนี้ เศรษฐกิจได้รับแรงกระตุ้นจากการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลพอสมควร ขณะเดียวกันรัฐบาลควรขับเคลื่อนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เป็นตัวรองรับเศรษฐกิจได้หากเศรษฐกิจชะลอตัว

***พอใจผลักดัน กม.การเงิน

นายฉลองภพ ยังกล่าวถึงกฎหมายเกี่ยวกับการเงินและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ผ่านสภาและมีผลใช้บังคับแล้วว่า จะต้องมีการตกลงกันระหว่าง ธปท.กับรัฐบาล ถึงกรอบในการบริหารนโยบายการเงิน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยต้องแบ่งหน้าที่และขอบเขตให้ชัดเจน ระหว่าง ธปท.คณะกรรมการนโยบายการเงิน และกระทรวงการคลัง และหากตกลงกันได้ก็จะทำให้การบริหารราบรื่น หากตกลงกันไม่ได้ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการบริหารงานเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุนที่อาจจะมีขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคงต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญที่จะต้องผลักดันให้เกิดกฎหมายการเงินการคลังออกมาใช้ภายใน 2 ปี โดยฝ่ายการเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันศึกษา

“งานของผมนั้นได้ทำหน้าที่ที่คิดว่าควรจะทำไปมากแล้ว โดยเฉพาะการออกกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงินหลายๆ ตัวที่ค้างคามาในอดีต เช่น กฎหมาย ธปท. กฎหมาย ก.ล.ต.และสถาบันการเงิน เป็นต้น แต่คงไม่สามารถทำทุกอย่างได้ 100% ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมชาติ ผมไม่อยากจะเครียด มุ่งมั่นว่าต้องทำทุกอย่างได้อย่างที่ตั้งใจ เพราะจะไม่มีความสุข อะไรที่ทำได้ก็ถือว่าพอใจแล้ว” นายฉลองภพ กล่าว

ช่วง 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา ภายใต้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีการเสนอร่างกฎหมายการเงิน ที่ผ่านสภา ประกอบด้วย พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินและ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก

นายฉลองภพ เข้าทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลขิงแก่ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2550 ผลงานสำคัญนอกจากการผลักดันกฎหมายการเงินแล้ว ได้แก่ การดูแลภาคอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วยการลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน อี 20 การปรับปรุงภาษีสินค้าสีเทา หรือภาษีบาป ได้แก่ การปรับขึ้นภาษีเหล้า บุหรี่ เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น