“เหลิม” อ้างลงไปไม่ถึง 3 จว.ภาคใต้เพราะไม่มีอำนาจ โวรู้จักประเพณีคนใต้ดี เผยเตรียมหารือ ครม.อภัยโทษให้ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง หวังใช้เป็นเครื่องมือ ด้าน “หมอแว” โวยผู้ต้องหาถูกซ้อมจนตาย ระบุ กก.สิทธิฯ เตรียมร้องต่อยูเอ็นฐานละเมิดสิทธิฯ ขณะที่ ส.ส.พลังประชาชน เสนอใช้ยุทธศาสตร์ 5 ดี 5 ต้องดับไฟใต้
วานนี้ (26 มี.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาญัตติด่วนการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย มาชี้แจงต่อที่ประชุมด้วย
ทั้งนี้ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมในพื้นที่ถือว่าสำคัญมากแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา นายยะพา กาเซ็ม อิหม่ามซึ่งอยู่ในการควบคุมของทหารตายผิดธรรมชาติในหน่วยทหารใน จ.นราธิวาส ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าโดนซ้อมหรือทรมาน นักสิทธิมนุษยชนเข้าไปตรวจสอบก็ให้ความเห็นในทำนองเดียวกัน เมื่อโทรศัพท์สอบถามหมอที่ชันสูตรศพ ก็ได้รับคำตอบว่าอึดอัดใจในการทำหน้าที่
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยการทรมานและซ้อม ในปี พ.ศ.2549-2550 สถิติการอุ้มผู้ต้องหาลดลง แต่เปลี่ยนมาเป็นการกักตัวประมาณ 7-8เดือน โดยอาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคง กฎอัยการศึก และคำสั่ง กอ.รมน.ภาค 4 ทั้งนี้รูปแบบการซ้อมมีทั้งเกิดร่องลอย และไม่มีบาดแผล โดยการซ้อมทรมานด้วยการใช้ผ้าพัน ซึ่งนิยมทำกันใน 2 วันแรกเพื่อไม่ให้เกิดบาดแผลภายหลัง และที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ คือไม่เปิดโอกาสให้ญาติ และทนายสามารถเข้าเยี่ยม ดังนั้น ตนจึงเรียกร้องให้รัฐบาลลงไปตรวจสอบบุคคลเหล่านี้
นายแวมาฮาดี กล่าวอีกว่า กองกำลังที่ใช้พื้นที่ เช่น ทหารอาชีพ ตำรวจ ตำรวจ ตชด. ทหารพราน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และกองกำลังรักษาเมือง ซึ่งบางกลุ่มได้ฝึกมาไม่กี่วัน ไม่มีทักษะ และมักจะใช้ความรุนแรงกับผู้ต้องสงสัย แต่ที่เป็นปัญหาที่สุด คือ การจัดกองกำลังพิเศษของประชาชน 6 พันคน ซึ่งพร้อมจะต่อสู่กับโจรใต้เนื่องจากไม่มั่นใจภาครัฐ ดังนั้นตนจึงขอเรียนนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ว่ากองกำลังดังกล่าวไม่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลเรื่องปัญหาใต้
ส.ส.นราธิวาส กล่าวต่อว่า คณะกรรมมาการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เตรียมศึกษาเรื่องนี้เพื่อเสนอต่อองค์การสหประชาชาติในเร็วๆ นี้ ถึงเวลานั้นนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ จะตอบคำถามเหล่านี้อย่างไร ดังนั้น ตนจึงอยากเรียกร้องโดยเฉพาะเรื่องกระบวนการยุติธรรม อาทิ รัฐควรสนับสนุนให้มีผู้ช่วยทนายความแก่ผู้ต้องสงสัย สนับสนุนทนายความในการแก้ต่าง กับข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐที่เสนอต่อศาล มีหน่วยพิทักษ์ชุมชนมีอาชีพ สนับสนุนงานให้แก่ผู้ว่างงานที่ไม่มีสัญชาติ ผลิตพยาบาลที่พูดภาษาอาหรับ และที่สำคัญทบทวนกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
ขณะที่ นายอารีเพ็ญ อุตระสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชนเสนอว่า การแก้ไขปัญหา จ.ชายแดนภาคใต้ จะต้องใช้ 5 ดี คือ 1.การข่าวดี 2.ป้องกันดี 3.ประชาสัมพันธ์ดี 4.มวลชนดี และ 5.กระบวนการยุติธรรมดี และนอกจากนี้จะต้องใช้ 5 ต้อง คือ 1.ต้องยกเลิกกฎอัยการศึก 2.ยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการฉุกเฉิน 3.ต้องคิดตามคดีหายของนายสมชาย นิลละไพจิต 4.ดำเนินคดีกับคนที่มีส่วนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมที่กรือเซะ และ 5.ดำเนินคดีต่อคนที่ส่วนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมที่ตากใบ
ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า เข้าใจจิตใจ นพ.แวมาฮาดี ซึ่งเคยถูกควบคุมตัวยาวนานในเรือนจำ เพราะแม้จะบัญญัติว่าให้ผู้ต้องสงสัยบริสุทธิ์ เว้นแต่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แต่ความเป็นจริงมีการควบคุมผู้ต้องหาที่ศาลยังไม่ตัดสิน ร่วมกับจำเลยที่ศาลตัดสินแล้ว ในส่วนตนไปแค่ จ.สงขลา ขอชี้แจงว่าชีวิตตนไม่ได้ห่างจากภาคใต้ เป็นตำรวจกองปราบฯ เคยทำงานอยู่ภาคใต้มาตั้งแต่เด็กๆ รู้จักเข้าใจ เคยทำคดีสำคัญจับคนใหญ่โต รู้จักประเพณีคนใต้มากกว่าหลายคนที่ไม่ได้ลงไป 3 จังหวัดชายแดนตรงๆ เพราะเป็น รมว.มหาดไทย ไม่มีหน้าที่สั่งการตำรวจ ไม่มีอำนาจวาสนาจะเชิญแม่ทัพ นายกองมาบรรยายสรุปให้ฟัง ตนเป็น รมว.มหาดไทย ดูแลผู้ว่า และส่วนท้องถิ่น
“หากตั้งให้ผมดูฝ่ายความมั่นคงขึ้นตรงต่อนายกฯ วันนั้นผมจะลงไปนราธิวาสก่อน ส่วนเรื่องควบคุมตัวยาวนาน และไม่ให้เยี่ยม ยอมรับว่าไม่เป็นไปตามหลักสากล แต่สถานการณ์ภาคใต้ไม่ปกติ จึงออกกฎหมายพิเศษขึ้นมา ผมมีนโยบายใช้การเมืองนำการทหาร หากมอบให้ผมดูแลแล้วมีการชุมนุมรับรอง จะไม่มีเหตุรุนแรงเด็ดขาด ผมจะใช้แก๊สน้ำตา ระเบิดควัน แล้วเอาแกนนำออกจากพื้นที่ อย่าเอาอาวุธสงครามไปอยู่ใกล้กับผู้ชุมนุม เพราะเขากำลังเจ็บปวด โกรธเคือง ผมก็บอกผู้บัญชาการภาค 9 ไปแล้ว และบอกนายกฯ ไปแล้วเช่นกันว่า ต่อไปให้ใช้ระบบปราบจลาจลแบบนี้ จะไปใช้ความรุนแรงไม่ได้” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ส่วนกรณีที่นายยะพา และลูก 2 คน รวมทั้งพรรคพวกอีก 2 คน ที่ราชการตั้งข้อสังเกต เลยเชิญตัวมาควบคุม สุดท้ายนายยะพา ในพื้นที่ที่ถูกควบคุม ทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงนั้น ต้องสอบสวนหาสาเหตุการตายที่เกิดขึ้น ส่วนที่ว่าตายเพราะโดนซ้อมนั้น โดยบุตร ภรรยา ของเขาเข้าไปดูการชันสูตรด้วย พบว่าซี่โครงหัก ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่เชิญตัวมาต้องถูกสอบสวนดำเนินคดีแน่ ทั้งนี้ไม่อยากให้ น.พ.แวมาฮาดี เข้าใจผิด เพราะได้รับความนับถือในพื้นที่ หากไปพูดโดยไม่เข้าใจจะทำให้สถานการณ์แย่ลง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาคดีเกี่ยวกับความมั่นคง โดยจัดลำดับความสำคัญว่ามีคดีไหนที่ถอนฟ้องไปแล้วจะทำให้เกิดความสงบ ความสามัคคี ไม่แตกแยก แต่ก็ต้องถามฝ่ายความมั่นคง และอัยการว่าจะยอมหรือไม่ รวมทั้งคดีที่ผู้ต้องหายังหนีอยู่ เพราะเชื่อว่าไม่มีใครอยากอยู่ในคุก นอกจากนี้ ยังได้ดูนักโทษที่ติดคุกคดีแบ่งแยกดินแดนจนถึงขั้นประหารชีวิต เช่น นายดาโอ๊ะ ท่าน้ำ ตนกำลังดูว่าบุคคลเหล่านี้ถ้าเอาออกมาแล้วมีประโยชน์ ตนจะหารือกับ ครม. และฝ่ายความมั่นคงเพื่อขออภัยโทษให้กับบุคคลเหล่านี้ ให้มาช่วยแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
